ตอน ตอนที่ 1661 ขุนศึกพร้อมรบ จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 1661 ขุนศึกพร้อมรบ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
“เช่นนั้นแล้ว พี่หลี่จะส่งกองทัพออกปราบเมื่อใด?” ไห่หลินทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง กล่าวจริงจังออกมา
“เรื่องนี้ พูดยากนะ” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เรื่องบางเรื่องไม่สามารถอาศัยผู้อื่น ยกตัวอย่างเจ้า เจ้าคิดของเจ้าอย่างไร เจ้าต้องการจะทำเช่นใด นี่แหละจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้ไห่หลินในเวลานี้จับทางไม่ถูก สุดท้ายเขาได้แต่กล่าวว่า “ไม่กล้าปิดบังพี่หลี่ ชาตินี้ข้าจะไม่แย่งชิงชะตาฟ้า พี่หลี่มีสิบสามลัคนา ชาตินี้ไม่มีใครมีคุณสมบัติเหมาะจะเป็นราชันเซียนมากกว่าพี่หลี่อีกแล้ว”
“เจ้ายังคงไม่เข้าใจความหมายของข้า” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้าเคยบอกแล้วว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการแย่งชิงชะตาฟ้า ในสายตาพวกเจ้ามองว่า บางทีอาจมีใครที่มีโอกาสได้ช่วงชิงชะตาฟ้า หรือชาตินี้ใครสามารถเป็นราชันเซียน ในสายตาข้า ราชันเซียนเป็นสิ่งที่อยู่ในกำมือของข้าแล้วข้าจะเป็นราชันเซียนเมื่อใดนั้นอยู่ที่การตัดสินใจของข้าเท่านั้น ดังนั้น ยังคงเป็นคำพูดคำเดียว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเป็นราชันเซียน”
“สงครามและความอยู่รอดสุดท้ายแล้วยังคงต้องพึ่งพาตนเอง” เมื่อกล่าวถึงท้ายสุด หลี่ชิเย่ชี้ไปที่หัวใจของตน
“เรื่องนี้” ไห่หลินงงงันนิดหนึ่ง ทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้กล่าวว่า “ถ้าหากพี่หลี่ต้องการให้ข้าพูดถึงแนวความคิดของตนล่ะก็ ความคิดของน้องนั้นง่ายมาก ขับไล่พรรคเซียนเหินออกไป ให้ปีศาจทะเล เผ่าปีศาจของข้าได้มีที่ยืน ดังนั้น ข้ามีหน้าที่ต้องก้าวออกมาต่อต้านพรรคเซียนเหิน เพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิตที่ตกอยู่ท่ามกลางไฟสงคราม”
“ความคิดดีมาก” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “แต่ว่า โลกนี้ไม่เคยมีพระเจ้าที่ช่วยโลกอยู่แล้ว เจ้าช่วยได้ชาติหนึ่งแต่ช่วยไม่ได้ทุกยุค ที่สำคัญที่สุดยังคงต้องอาศัยตนเอง ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยตนเองไปไขว่คว้า หากฝากความหวังไว้กับพระเจ้าที่ช่วยโลก มันจะไปต่างอะไรกับตัวพยาธิรึ?”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำเอาไห่หลินถึงกับตะลึงงันนิดหนึ่ง ความจริงแล้วเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องเช่นนี้เลยจริงๆ
หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “เพราะอะไรพรรคเซียนเหินถึงกล้าที่จะทำทุกอย่างตามอำเภอใจ ทุกครั้งที่พรรคเซียนเหินปรากฎตัวออกสู่ยุทธภพล้วนแล้วแต่มีท่าทีที่อันธพาลใช้อำนาจบาตรใหญ่อย่างไรเหตุผลนั้นเป็นเพราะอะไร? เหตุผลนั้นง่ายมาก ทุกอย่างอยู่ที่แดนมนุษย์กษัตราเอง หรือบางทีอาจกล่าวว่าเป็นหมื่นเผ่าพันธุ์ของเก้าแดนเอง!”
“อดกลั้น อ่อนข้อ กระทั่งสนับสนุนการก่อกรรมทำเข็ญ นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้พรรคเซียนเหินสามารถก่อกรรมทำเข็ญในเก้าแดนได้” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ในขณะที่ไฟสงครามลุกโชนขึ้นมา ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการได้รับผลประโยชน์จากตรงนั้น แทนที่จะต่อต้านการรุกรานของบุคคลภายนอก นี่ก็คือสาเหตุหนึ่งที่อเวจีในครั้งนั้นสามารถปกครองเก้าแดนมายุคแล้วยุคเล่า!”
คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ไห่หลินถึงกับนิ่งเงียบ ความจริงแล้ว มันก็เป็นเช่นนี้จริง ขณะที่พรรคเซียนเหินปรากฎออกมาเวลานั้น มีสำนักเจ้าลัทธิจำนวนเท่าไรที่ต้องการเกาะพรรคเซียนเหิน อยู่
“ดังนั้น ท้ายที่สุดแล้ว สงครามยังคงต้องพึ่งตนเอง” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ไม่ใช่พึ่งพาคนอื่น และไม่ใช่อาศัยพระเจ้าที่มาช่วยโลก หลายสิ่งหลายอย่างต้องอาศัยเลือดของตนเองมาก่อมันขึ้นมาจึงเชื่อถือได้ ไม่มีเลือดมาล้างกายา ไม่มีค่าตอบแทนที่เจ็บปวด ทุกอย่างได้มาช่างง่ายดายอะไรอย่างนั้น สันติภาพก็ดี สงบสุขก็ช่าง อยากได้ก็ต้องอาศัยเลือดของตนเองไปแลกมัน”
ไห่หลินนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น หลังจากผ่านไปนานมาก เขาจ้องมองดูหลี่ชิเย่ และกล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า “คำพูดของพี่หลี่ น้องจะจำใส่ใจ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม อันตรายในครั้งนี้ น้องยังคงหวังว่าพี่หลี่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ขอเพียงพี่หลี่ยินดีลงมือทุกอย่างคุยกันได้! ต่อให้พี่หลี่รับช่วงดูแลกองทัพพันธมิตร ต่อให้พี่หลี่จะให้พวกเราไปตาย ให้พวกเราบุกอยู่ด้านหน้าสุด พวกเราก็ยินดี…”
“………… ขอเพียงสามารถรักษามหาสมุทรอุดรเอาไว้ สามารถให้มีที่ให้ยืนในมหาสมุทรอุดรสำหรับชนรุ่นหลัง แลกด้วยค่าตอบแทนที่เจ็บปวดแสนสาหัสพวกเราก็ยินดี ดั่งเช่นที่พี่หลี่พูดเอาไว้ สันติภาพจำเป็นต้องอาศัยเลือดของพวกเราเองไปสร้างมันขึ้นมา งั้นก็ใช้เลือดของคนรุ่นก่อนอย่างพวกเรามาปูพื้นให้ราบเรียบสำหรับชนรุ่นหลัง ช่วงชิงช่องว่างการอยู่รอดให้กับชนรุ่นหลัง!” คำพูดของไห่หลินหนักแน่นจริงจังมาก
“ข้าไม่สนใจอำนาจอิทธิพลของพวกเจ้า” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “แน่นอน ศึกระหว่างข้ากับพรรคเซียนเหินต้องเกิดขึ้นแน่ ถ้าหากพวกเจ้าคิดจะออกศึกใช่ว่าจะไม่ได้ ขณะที่ข้าออกศึกพวกเจ้าก็สามารถส่งกองทัพไปได้ เหมือนดั่งที่ข้าได้พูดเอาไว้อย่างนั้น ทุกอย่างต้องพึ่งพาตนเอง ทุกอย่างต้องอาศัยตนเองไปฉกฉวย โลกนี้ไม่มีพระเจ้าที่ช่วยโลก ถ้าหากชนรุ่นหลังของพวกเจ้าคิดจะมีที่ยืนในมหาสมุทรอุดร ทุ่มเทความพยายามของตนออกมา มิฉะนั้นแล้ว แผ่นดินที่คนอื่นตีมาได้จะยกให้ง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?”
“น้องเข้าใจ” สุดท้ายไห่หลินได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง โค้งคำนับอย่างนอบน้อม กล่าวว่า “พี่หลี่ส่งทหารเข้าปราบพรรคเซียนเหินเมื่อใดบอกให้น้องทราบก็พอ น้องยินดีนำทัพบุกอยู่ด้านหน้าสุด ช่วยเบิกทางเลือดให้กับพี่หลี่ เหมือนดั่งที่พี่หลี่พูดเอาไว้อย่างนั้น ที่ที่สำหรับให้ชนรุ่นหลังได้ยืนก็อาศัยเลือด และชีวิตของพวกเราไปแลก! หากพวกเราไม่ยอมสู้เต็มที่ ต่อให้พรรคเซียนเหินต้องพ่ายแพ้ หลังจากนี้มหาสมุทรอุดรก็จะไม่มีที่ยืนให้กับปีศาจทะเลและเผ่าปีศาจอีกต่อไป”
“เจ้าเข้าใจแล้วก็ดี” หลี่ชิเย่พยักหน้า และกล่าวว่า “ต้องการพื้นที่ว่างเพื่ออยู่รอดก็ต้องอาศัยเลือดของตนก่อมันขึ้นมา!”
เทพแท้จริงสยบโลกาสามารถเข้าใจได้ ด้วยเกรงว่าหลังจากที่ชาตินี้ใต้เท้าได้ขึ้นไปยังเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินแล้วก็จะไม่กลับมาอีก เขาปล่อยวางเก้าแดนอย่างสิ้นเชิง ไม่มาเฝ้าดู ไม่มาสนใจ ไม่มาปกป้องคุ้มครองอีกแล้ว!
“ข้าเหนื่อยแล้ว” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “สมควรแก่เวลาที่ข้าจะปล่อยวางแล้ว คราวนี้ปราบพรรคเซียนเหินให้ราบคาบ สายเลือดของอเวจีมลายเป็นเถ้าธุลีไป ถือเสียว่าเป็นของขวัญที่ข้ามอบให้กับเก้าแดนเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน หลังจากนี้เป็นเวลาที่เก้าแดนต้องพึ่งพาตัวเองแล้วหละ”
“จะอย่างไรเสียใต้เท้าก็ปล่อยวางเก้าแดนไม่ได้นะเนี่ย” เทพแท้จริงสยบโลกาทอดถอนใจเบาๆ ทีหนึ่ง คนอื่นมองเห็นเขาเพียงในฐานะมือมืดที่อยู่เบื้องหลังว่าเข่นฆ่าคนไปจำนวนเท่าไร แต่กลับไม่ได้นึกถึงว่าเขาได้แบกรับความรับผิดชอบเอาไว้เท่าไร
“ปล่อยวางไม่ลงก็ต้องปล่อย โลกนี้ไม่มีงานเลี้ยงที่ไม่เลิกรา” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “บางทีการมีอายุวัฒนะก็เป็นความทุกข์อย่างหนึ่ง เป็นความทรมานอย่างหนึ่ง โลกนี้ย่อมต้องมีสิ่งต่างๆ มากมายที่เจ้าปล่อยวางไม่ลง ต่อให้หัวใจเจ้าตายด้านไปแล้ว ต่อให้หัวใจเจ้าได้กลายเป็นเหล็กไปแล้วก็ตาม แต่ว่า อย่างไรเสียก็ต้องมีสิ่งที่เก็บซ่อนเอาไว้ภายในใจของเจ้า”
เทพแท้จริงสยบโลกาพยักหน้าเงียบๆ ในฐานะที่เคยติดตามใต้เท้าผ่านยุคสมัยที่มืดมิดที่สุดมาแล้ว เขาเข้าใจได้ว่าสิ่งที่ใต้เท้าได้แบกรับเอาไว้บนบ่านั้นมีมากมายเหลือเกิน
“ใต้เท้าจะส่งทัพออกปราบเมื่อไร?” ในที่สุด เทพแท้จริงสยบโลกาได้เอ่ยถามขึ้นมาเบาๆ
“ให้พวกเขาได้เตรียมตัวอย่างเต็มที่ก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มที่เฉยเมยออกมา กล่าวว่า “ไม่ว่าจะเป็นพรรคเซียนเหิน ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรก็ตามที ให้พวกเขามีเวลาเตรียมตัวให้เต็มที่ก็แล้วกัน ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ ให้กู้จุนและผู้ที่อยู่เบื้องหลังพรรคเซียนเหินเข้าใจว่าสงครามในครั้งนี้พวกเขาชนะแน่!”
“มิฉะนั้นล่ะก็ ถ้าหากปล่อยให้พวกเขาหนีรอดไปได้เท่ากับเหลือหนามยอกอกเอาไว้ สงครามลักษณะเช่นนี้ต้องให้ศัตรูมีความมั่นใจ” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “เมื่อพวกเขางัดเอากำลังทัพที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาเมื่อไร เมื่อนั้นก็จะเป็นเวลาที่ข้าควรจะกู้แหกลับมาได้แล้ว ทอดแหครั้งเดียวจับจนหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียว! เพื่อไม่ให้เป็นหนามยอกอกในภายหลัง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...