“ข้าน้อยเข้าใจ” เทพแท้จริงสยบโลกาพยักหน้า
“มาคราวนี้แดนมนุษย์กษัตราได้ตัดสินใจแน่วแน่มาก ดูท่าคงสามารถต้านได้ระยะหนึ่ง หากพรรคเซียนเหินไม่นำท่าไม้ตายออกมา ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้” ยวีไท่จวินที่เคยเป็นขุนพลอันดับหนึ่งแห่งกองทัพมังกรดำกล่าววิจารณ์ออกมา
“คราวนี้นับว่าแดนมนุษย์กษัตราทำได้ไม่เลวทีเดียว” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวให้การยอมรับ แม้ว่ากองทัพพันธมิตรเรียกตัวเองว่ากองทัพที่มีไพรพลสิบล้านจะโอ้อวดไปนิดหนึ่ง แต่ว่า ร้อยเผ่าพันธุ์หมื่นสำนักของแดนมนุษย์กษัตราได้ลงทุนมากอย่างแท้แจริง ยินดีส่งศิษย์และยอดฝีมือจำนวนสงครามในครั้งนี้ เป็นการบ่งบอกว่า ขณะที่ภัยถึงตัวแล้ว ในแดนมนุษย์กษัตรายังคงมีเผ่าพันธุ์และสำนักเจ้าลัทธิจำนวนมากยอมละทิ้งบุญคุณความแค้นส่วนตัว เพื่อต่อสู้ชี้ขาดกับผู้รุกรานจากภายนอก!
ยวีไท่จวินมองดูกองทัพที่มีไพรพลสิบล้าน กล่าวด้วยความรู้สึกเสียดายว่า “น่าเสียดายที่กองทัพมีไพร่พลมากพอ แต่เป็นการรวมตัวกันชั่วคราว กองกำลังขนาดเล็กมีพลังการสู้รบที่เต็มเปี่ยม แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์การศึกยิ่งใหญ่แล้วการประสานกันย่อมไม่เพียงพอไม่สามารถจัดตั้งสุดยอดกระบวนการสู้รบขึ้นมา ไม่สามารถนำเอาพลังลมปราณปริมาณมหาศาลมารวมตัวกันเป็นท่าโจมตีที่ปราศจากผู้ต่อกรได้ มิฉะนั้นล่ะก็ พวกเขายังคงมีโอกาสยันกับท่าไม้ตายของพรรคเซียนเหินได้เหมือนกัน”
ยวีไท่จวินเคยนำกองทัพมังกรดำเกรียงไกรทั่วเก้าแดน มีประสบการณ์การสู้รบที่มากมาย
“นับว่าไม่ง่ายแล้วหละ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ต่อให้พวกเขาได้ฝึกฝนสักหน่อย อย่างมากก็แค่สามารถยันกับท่าไม้ตายของพรรคเซียนเหินเท่านั้น ไม่สามารถต้านกับการรุกกลับเต็มรูปแบบของพรรคเซียนเหินได้ ที่สำคัญก็คือทุกคนยังคงแอบซ่อนสิ่งที่ตนมีอยู่ ไม่ได้นำเอาธาตุแท้ภายในออกมาทั้งหมด ถ้าหากบรรดาสายสำนักราชันเซียนที่เข้าร่วมในกองทัพพันธมิตรครั้งนี้ ต่างยินดีนำเอาธาตุแท้ภายในของพวกเขาออกมา อาศัยสัจอาวุธราชันเซียนจัดตั้งค่ายกลขึ้นมา อาศัยเลือดวัฒนะของราชันเซียนมาสนับสนุนค่ายกลดังกล่าวนี้ ยังคงมีโอกาสต่อสู้ชี้ขาดกับพรรคเซียนเหินได้อยู่!”
คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ยวีไท่จวินนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เป็นความจริงที่เรื่องนี้ไม่ง่ายเลย จะมีสายสำนักราชันเซียนสักกี่แห่งที่ยินดียกออกมาทั้งสำนักกันเล่า? จะมีสายสำนักราชันเซียนกี่แห่งที่ยินดีนำเอาธาตุแท้ภายในทั้งหมดของตนออกมาสนับสนุนสงครามในครั้งนี้กันหละ?
ความจริงแล้ว การที่มีสายสำนักราชันเซียนจำนวนมากได้ส่งยอดฝีมือจำนวนมากเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ก็นับว่ายากยิ่งและมีค่ามากแล้ว
ขณะที่ยวีไท่จวินกำลังวิจารณ์กองทัพที่มีไพร่พลสิบล้านอยู่นั้น เวลานี้ได้ยินเสียงดัง “เคล้ง เคล้ง เคล้ง” ดังขึ้นเป็นระลอก ในเวลานี้เองด้านหน้าของกองทัพที่มีไพร่พลสิบล้านกลับมีการก่อเป็นแท่นยิงเกาทัณฑ์ขนาดยักษ์สุดเปรียบเปรยขึ้นมาทั้งหมดสามแท่น แยกตั้งเป็นสามจุด ท่ามกลางเสียงโลหะที่กระทบและประกบกันขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
คันเกาทัณฑ์ทั้งสามมีขนาดใหญ่โตเท่าไรกันนะ? คันเกาทัณฑ์ทุกอันจะมีขนาดเหมือนดั่งภูเขายักษ์ลูกหนึ่ง ขณะที่สายเกาทัณฑ์มีขนาดใหญ่เท่ากับโต๊ะกลมตัวหนึ่ง และมีความยาวถึงพันจ้าง
สำหรับลูกเกาทัณฑ์ที่นำไปพาดกับคันเกาทัณฑ์ยิ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร มีขนาดยาวถึงหนึ่งพันจ้าง
ด้วยเกาทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีลักษณะเช่นนี้ หากยิงออกไปสามารถทำลายกำแพงเมืองได้อย่างแน่นอน มันคือเครื่องมือตีเมืองที่ยอดเยี่ยมแน่นอน
มองดูเกาทัณฑ์ทั้งสามที่น้าวสายเต็มที่แล้วนั้น ลูกเกาทัณฑ์ทั้งสามดอกส่งประกายสีดำน่ากลัวแวบวับออกมา ทำให้หลายคนรู้สึกขนลุกในใจ ด้วยเกาทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้หากยิงลูกเกาทัณฑ์ยักษ์ออกไปต้องทำลายสำหรักหนึ่งได้อย่างสบาย
บนเกาทัณฑ์ทั้งสามล้วนแล้วแต่สลักสัญลักษณ์พิเศษเอาไว้ หลังจากที่ยวีไท่จวินมองเห็นสัญลักษณ์นี้แล้วถึงกับมองไปที่หลี่ชิเย่ด้วยความประหลาดใจ
คนทั่วไปอาจจะจำตราสัญลักษณ์นี้ไม่ได้ แต่ว่า ยวีไท่จวินกลับจำมันได้ นี่เป็นสัญลักษณ์เฉพาะของหุบเขาความลับสวรรค์
น้อยครั้งนักที่หุบเขาความลับสวรรค์จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในยุทธภพ ไม่นึกเลยว่ามาครั้งนี้กองทัพพันธมิตรถึงกับสามารถยืมเอาเกาทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามนี้จากหุบเขาความลับสวรรค์มาได้ สิ่งนี้เท่ากับบ่งบอกว่าเป็นความจริงที่ร้อยเผ่าพันธุ์หมื่นสำนักได้ร่วมแรงร่วมใจจริงๆ แม้แต่หุบเขาความลับสวรรค์ที่ทำตัวค่อมต่ำไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครยังขุดออกมาได้ อีกทั้งยังหยิบยืมเอาเกาทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ของหุบเขาความลับสวรรค์มาได้
แน่นอนที่สุด การที่จะหยิบยืมเกาทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์นี้จากหุบเขาความลับสวรรค์ใช่จะเป็นเรื่องง่ายดาย เรื่องนี้ต้องมีสายสำนักราชันเซียนออกหน้า มิฉะนั้นล่ะก็ อาศัยคนทั่วไปไม่มีทางที่จะหยิบยืมเอาเกาทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้จากหุบเขาความลับสวรรค์มาได้
แม้ว่ากองทัพที่มีไพรพลสิบล้านได้จัดตั้งแท่นยิงเกาทัณฑ์ขึ้นมาถึงสามจุด ขณะที่บรรดาแม่ทัพนายกองของพรรคเซียนเหิน ที่อยู่บนเวทีแต่งตั้งแม่ทัพเพียงแค่มองดูกองทัพที่มีไพรพลสิบล้านอย่างน่าเกรงขาม กระทั่งมีแม่ทัพนายกองที่เผยให้เห็นการยิ้มเยาะที่มุมปากออกมา
ในสายตาของแม่ทัพนายกองพรรคเซียนเหินมองว่า กองทัพที่มีไพรพลสิบล้านของแดนมนุษย์กษัตรามันก็แค่หัวมังกุฎท้ายมังกรเท่านั้นเอง ไม่สามารถต่อกรกับกองทัพนับล้านของพรรคเซียนเหินได้อยู่แล้ว
สำหรับเกาทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามของกองทัพที่มีไพรพลสิบล้านตั้งขึ้นนั้น แม่ทัพนายกองของพรรคเซียนเหินไม่ได้ใยดีเสียด้วยซ้ำ เป็นไปไม่ได้ที่ศิลาแกร่งของเวทีแต่งตั้งแม่ทัพจะถูกเกาทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ลักษณะเช่นนี้ตีแตกได้ กระทั่งคิดว่าแม้แต่กำแพงคริสตัลของเวทีแต่งตั้งแม่ทัพพวกเขา กองทัพที่มีไพรพลสิบล้านก็ไม่สามารถตีแตกได้ รอให้พวกกองทัพที่มีไพรพลสิบล้านเหนื่อยล้าเสียก่อนแล้วค่อยเคลื่อนทัพเข้าบุกขยี้ทำลายกองทัพที่มีไพรพลสิบล้านนี่เสียในฉับพลัน
กล่าวสำหรับกองทัพนับล้านของพรรคเซียนเหินแล้ว ศัตรูของพวกเขาคือกองทัพมังกรเขียวที่จ้องตาเป็นมันอยู่ ไม่ใช่กองทัพพันธมิตรของแดนมนุษย์กษัตรา เฉกเช่นกองทัพพันธมิตรที่เป็นเพียงหัวมังกุฎท้ายมังกรเช่นนี้ไม่ต้องเปลืองแรงสักเท่าไรอยู่แล้ว
“ยิง” หลังจากที่เกาทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามตระเตรียมพร้อมสรรพ ไห่หลินได้ร้องเสียงดังออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...