ภายในระยะเวลาอันสั้น ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนแต่ละคนที่ล้มลง ทำให้เวทีแต่งตั้งแม่ทัพปรากฏศพที่กองดั่งภูเขาย่อมๆ ขึ้นมา เลือดสดๆ ที่ไหลรินอยู่บนพื้นของเวทีแต่งตั้งแม่ทัพกลายเป็นแอ่งน้ำ มองเห็นเศษชิ้นส่วนแขนขารวมทั้งศพแต่ละศพที่ลอยอยู่บนน้ำเลือดนั่น
ในขณะนี้ ทั่วทั้งสมรภูมิรบก็เหมือนดั่งนรกอเวจีอย่างนั้น และเวทีแต่งตั้งแม่ทัพก็คล้ายเป็นเครื่องบดขนาดยักษ์ที่บดขยี้ร่างกาย บดขยี้แต่ละชีวิต ท่ามกลางสมรภูมิรบเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น เมื่อบุกเข้าไปยังสมรภูมิรบแห่งนี้แล้วมีเพียงเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่ง ไม่ใช่ศัตรูตายก็คือตัวเองม้วย!
คนที่ใจเสาะเมื่อเห็นสงครามที่คละคุ้งกลิ่นคาวเลือดเช่นนี้ตกใจจนสลบเหมือดไปนานแล้ว หรือต่อให้คนที่ใจกล้ามากขึ้นมาหน่อย เมื่อเห็นภาพที่ทารุณโหดร้ายเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเช่นนี้แล้ว ยังคงทนไม่ไหวจนต้องอาเจียนออกมา
ภาพของสงครามที่เปี่ยมไปด้วยความโหดร้ายทารุณและกลิ่นคาวเลือดเช่นนี้ หลี่ชิเย่และกองทัพมังกรเขียวเพียงยืนดูสงบนิ่งอยู่ด้านนอกเวทีแต่งตั้งแม่ทัพเท่านั้น โดยไม่ได้มีอารมณ์หวั่นไหวแต่อย่างใด
สงครามลักษณะเช่นนี้สำหรับพวกเขาแล้ว นับว่าปรกติธรรมดายิ่งกว่าอะไรเสียอีก กระทั่งว่าสำหรับหลี่ชิเย่ สำหรับเทพแท้จริงสยบโลกาแล้ว สงครามลักษณะเช่นนี้เป็นเพียงสงครามเล็กๆ เป็นสงครามที่สำหรับอุ่นเครื่องเท่านั้น สงครามที่โหดร้ายทารุณ และเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดมากกว่านี้พวกเขาก็ประสบมาแล้ว
เมื่อเปรียบเทียบกับสงครามพิฆาตเซียนแล้ว สงครามที่เห็นอยู่ตรงหน้าไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึง มันเป็นเพียงสงครามระหว่างเด็กๆ เท่านั้นเอง
ผลการสู้รบ ณ สมรภูมิเวทีแต่งตั้งแม่ทัพในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ปรากฏว่า กองทัพฝ่ายพันธมิตรเป็นฝ่ายได้เปรียบ ซึ่งเป็นผลที่กองทัพฝ่ายพันธมิตรเองไม่เคยคาดคิดมาก่อน พลันทำให้ผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดของกองทัพพันธมิตรเกิดความฮึกเหิมขึ้นมากที่เดียว ปณิธานการต่อสู้สูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จึงเข้าต่อสู้ฆ่าฟันศัตรูอย่างบ้าคลั่ง
การที่ผลการสู้รบพัฒนาจนกลายมาเป็นอย่างที่เห็น เป็นเพราะความประมาทต่อศัตรูของพรรคเซียนเหิน ถ้าหากพรรคเซียนเหินไม่ประมาท ไม่ถูกเกาทัณฑ์โลหิตทำลายแนวป้องกัน และทำให้เสียรูปขบวนไปล่ะก็ กองทัพสิบล้านของพันธมิตรคิดจะได้เปรียบพวกเขาคงไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก
เวลานี้ ที่กล้าหาญและดุดันที่สุดยังคงเป็นกองกำลังอาชาที่นำโดยพวกของไห่หลิน โดยที่กองกำลังอาชานี้จัดตั้งขึ้นโดยยอดฝีมือของบรรดาสายสำนักราชันเซียน นำโดยไห่หลิน ติ้งหย่วนโหว และระดับจักรพรรดิเทพที่เป็นบุคคลชั้นสำคัญ เรียกได้ว่ามันคือกองกำลังส่วนที่แข็งแกร่งมากที่สุดของกองทัพพันธมิตรสิบล้านนี้เลยก็ว่าได้ สามารถพูดได้อย่างไม่ถือเป็นการโอ้อวดเลยว่ากองทัพพันธมิตรทั้งหมดฝากความหวังเอาไว้ที่กองกำลังอาชากองนี้แล้ว
ขณะที่กองกำลังอาชาของพวกไห่หลินก็ไม่ได้ทำให้ต้องผิดหวัง พลันที่พวกเขาบุกเข้าไปยังสมรภูมิรบก็ได้ทำการต้านขวางกองทำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของพรรคเซียนเหินเอาไว้ เสมือนดั่งเป็นกริชที่คมกริบเล่มหนึ่งปักตรึงเข้าไปยังอกของกองทัพพรรคเซียนเหินอย่างแรง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกของไห่หลินและติ้งหย่วนโหวยังนำหน้าบุกเข้าสังหารระดับขุนพลของพรรคเซียนเหินรวดเดียวหลายคน ซึ่งทำให้ได้มาซึ่งโอกาสที่ล้ำค่ายิ่งในการพลิกสถานการณ์สงครามในภาพรวมทั้งหมด!
“กองกำลังเสริม” เมื่อกองทัพของฝ่ายแดนมนุษย์กษัตราได้เปรียบ กองทัพของพรรคเซียนเหินเริ่มจะต้านรับไม่ไหวแล้ว จึงมีการเป่าแตรขึ้นมา
“ตูม ตูม ตูม” ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ประตูของพรรคเซียนเหินได้เปิดออก ทันใดนั้น กองทัพพรรคเซียนเหินกองทัพหนึ่งได้เข้าสู่สมรภูมิรบทันที
ขณะที่กองทัพนี้เข้าสู่สมรภูมิรบนั้น พวกมันได้เปล่งกลิ่นอายการฆ่าฟันดึกดำบรรพ์ออกมา และบรรดาผู้เป็นระดับขุนพลของกองทัพนี้ล้วนแล้วแต่ส่งกลิ่นอายการฆ่าฟันที่ชั่วร้ายน่ากลัวออกมา เหมือนว่าบนตัวของพวกเขาล้วนแล้วแต่แปดเปื้อนไปด้วยเลือดสดๆ บนตัวของพวกเขามีวิญญาณร้ายที่ห้อมล้อมไม่มีวันสลายอย่างนั้น
“กองทัพราชันเซียน!” ทุกคนต่างรู้แล้วว่า ที่พวกตนกำลังเผชิญอยู่นั้นคือกองทัพเช่นใด เมื่อมองเห็นกองทัพกองนี้ที่เข้าสู่สมรภูมิรบมา กองทัพเสริมที่เห็นอยู่ตรงหน้ามีความน่ากลัวยิ่งกว่ากองทัพก่อนหน้าไม่รู้เท่าไร
ตอนเริ่มต้นสงคราม กองทัพนั้นส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรคเซียนเหิน ขณะที่กองทัพที่เพิ่งเข้ามาสมทบคือกองทัพราชันเซียน เป็นกองทัพปราศจากผู้ต่อกรที่เคยรบเพื่อราชันเซียนเหรินเสียนและเกรียงไกรไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินมาก่อน เป็นกองทัพที่ผ่านการสู้รบมานับครั้งไม่ถ้วน เคยเข่นฆ่าสังหารศัตรูที่แข็งแกร่งมามากมาย เรียกได้ว่าไร้เทียมทานในเก้าแดน
“ฆ่า” เวลานี้ ต่อให้เผชิญหน้ากับกองทัพราชันเซียน กองทัพพันธมิตรก็ไม่หวั่น ร้องคำรามบุกเข้าหาศัตรูของตน
หากเป็นปรกติ ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อเอ่ยถึงกองทัพราชันเซียนแล้วก็ต้องยอมอ่อนข้อให้ ไม่ว่าจะเป็นสำนักใดล้วนแล้วแต่ไม่กล้าเป็นศัตรูกับกองทัพราชันเซียน
แต่ว่า กองทัพพันธมิตรที่อยู่ในสมรภูมิรบเวลานี้ไม่มีทางเลือกเสียแล้ว พวกเขาถอยไม่ได้ พวกเขาล้วนแล้วแต่ฆ่าฟันกันจนเลือดเข้าตา ไม่ใช่ศัตรูตายก็คือข้าม้วย เวลานี้ต่อให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับกองทัพราชันเซียนก็มีทางเดียวเท่านั้นคือต้องบุกไปให้ถึงที่สุด มีเพียงไม่หวาดหวั่นและถอยหนีจึงจะมีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อ! ถ้าหากพวกเขาถอย พวกเขาหนีไป ด้านหลังของพวกเขาก็คือบ้าน คือแดนมนุษย์กษัตราของพวกเขา!
“อ๊ากก” เสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้นไม่ขาดสาย บนท้องฟ้าเสมือนหนึ่งเกิดเป็นพายุฝนเลือดอย่างนั้น พลันที่กองทัพราชันเซียนเข้าสู่สมรภูมิรบแล้ว ความได้เปรียบของกองทัพพันธมิตรก็ได้อันตรธานหายไปในทันที เริ่มถูกควบคุมสยบโดยกองทัพราชันเซียน เริ่มตกอยู่ในเบี้ยล่างทันที
ขณะเดียวกัน ทันใดนั้นเอง ท่ามกลางสมรภูมิรบปรากฏร่างเงาสายหนึ่ง เป็นผู้เฒ่าที่สวมชุดสีเทา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...