ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1666

ตอนที่ 1666 คำตอบที่นึกไม่ถึง
ในขณะที่สีหน้าของกู้จุนแปรเปลี่ยนไปมากนั้น หลี่ชิเย่พยักหน้าและยิ้มกล่าวว่า “ถูกต้อง ไม่ผิด เหมือนดั่งที่เจ้าคิดเอาไว้อย่างนั้น เจ้าสามารถเปิดคลังสมบัตินี้ได้โดยตลอด เลือดของเจ้าก็คือกุญแจเปิดคลังสมบัติแห่งนี้!”

“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด” สีหน้าของกู้จุนในเวลานี้ออกจะขาวซีดอยู่บ้าง เนื่องจากเขาสามารถคาดเดาได้แล้ว แต่ว่า นาทีนี้เขายังยากที่จะยอมรับผลเช่นนี้

สมควรทราบว่า เขาได้ศึกษาเรื่องคลังสมบัตินี้มานานมาก แต่ไม่สามารถเปิดออกมาได้ เนื่องจากคลังสมบัตินี้อยู่ในการดูแลจากราชันเซียนเชียนหลี่ ราชามังกรดำด้วยตนเอง ทั้งยังเคยได้รับการผนึกจากราชันเซียนหยินเทียน การที่เขาไม่สามารถเปิดมันได้ก็นับเป็นเรื่องปรกติ

แต่แล้ว เวลานี้คำตอบที่แท้จริงกลับกลายเป็นว่า กุญแจที่เปิดคลังสมบัติก็คือตัวเขาเอง คำตอบลักษณะเช่นนี้ทำให้เขายากที่จะยอมรับมันได้จริงๆ

“ใช่หรือไม่ใช่เจ้าทดลองดูก็จะรู้แล้ว” หลี่ชิเย่มองดูกู้จุนที่มีสีหน้าขาวซีดและยิ้มกล่าว

กู้จุนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง กลับคืนสู่ท่าทีที่ไม่สะทกสะท้าน แม้ว่าท่ามกลางท่าทีเช่นนี้ดูจะไม่เป็นธรรมชาติบ้างก็ตาม เนื่องจากเขารู้คำตอบแล้ว

กู้จุนก้าวเดินไปยังด้านหน้าของตำหนักโบราณ ยืนอยู่หน้าประตูตำหนักที่มีรอยด่าง สุดท้ายเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ยื่นนิ้วออกไปหยดเลือดหยดหนึ่งใส่รูกุญแจ เวลานี้นิ้วของเขาถึงกับสั่นเทาทีหนึ่ง

“เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยด…” เมื่อกู้จุนหยดเลือดลงไปยังรูกุญแจแล้ว ประตูที่หนักอึ้งค่อยๆ เปิดออก ตัวล็อคแต่ละตัวที่ละเอียดยิ่งได้หมุนเคลื่อนที่ไป เมื่อประตูเปิดออกแล้วตำหนักโบราณได้ปรากฎอยู่ตรงหน้าของเขา

ร่างของกู้จุนก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เสมือนหนึ่งถูกฟ้าผ่าเอาอย่างนั้น สีหน้าขาวซีด เมื่อประตูที่หนักอึ้งของคลังสมบัติถูกเปิดออก เวลานี้ ต่อให้เขาไม่เข้าไปก็รู้คำตอบแล้ว

ก่อนหน้านั้น เขาต้องการได้คลังสมบัตินี้มาก เขาเคยขบคิดพินิจพิเคราะห์มาครั้งแล้วครั้งเล่า เคยคิดจะลอบเข้าไปในคลังสมบัติครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ว่า คลังสมบัตินี้สร้างขึ้นมาจากวัตถุดิบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก อาศัยหลักกฎเกณฑ์ที่ทรงพลังมากที่สุดมาสยบเอาไว้ เคยเฝ้ารักษาโดยพวกของราชามังกรดำ และได้รับการผนึกจากราชันเซียนครั้งแล้วครั้งเล่า

คลังสมบัติที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ต่อให้ตัวเขาที่เป็นหนึ่งในสิบอัจฉริยะบุคคลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันก็จนปัญญา ไม่สามารถเปิดออกมาได้

ก่อนหน้านี้ กู้จุนใฝ่ฝันที่จะมีโอกาสได้เข้าไปในคลังสมบัติมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง แต่ว่า เวลานี้คลังสมบัติถูกเปิดออก และอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว แต่แล้วนาทีนี้กู้จุนกลับหวาดกลัวขึ้นมา เขาไม่กล้าเดินเข้าไป

ในเมื่อเจ้าวางแผนมานานขนาดนี้แล้ว หรือว่าจะไม่เข้าไปดูให้เห็นกับตาสักครั้งรึ?” หลี่ชิเย่ กล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยเมื่อเห็นกู้จุนยืนนิ่งอยู่หน้าคลังสมบัติไม่เคลื่อนไหว

ในที่สุด กู้จุนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ก้าวเท้าเดินเข้าไปภายในคลังสมบัติ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าคำตอบคืออะไรแล้ว แต่ สุดท้ายเขายังคงเลือกที่จะไปเผชิญกับมัน กู้จุนไม่ใช่คนอ่อนแอ และไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว ดังนั้น ไม่ว่าคำตอบจะออกมาเป็นอย่างไรเขาก็พร้อมไปเผชิญ!

ภายในคลังสมบัติไม่มีประกายเซียนที่ปะทุขึ้นมา และไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ร้องคำราม ยิ่งไม่มีประกายหรือกลิ่นอายของสมบัติล้ำค่า ภายในคลังสมบัติเป็นเพียงห้องว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดอยู่ภายในแม้แต่ชิ้นเดียว มันเป็นเพียงคลังสมบัติว่างเปล่าห้องหนึ่งเท่านั้น!

กู้จุนที่ยืนอยู่ท่ามกลางคลังสมบัติที่ว่างเปล่า ใบหน้าของเขาขาวซีด ต่อให้เขาพยายามข่มอารมณ์อย่างไรก็ตาม แต่ตัวของเขายังคงสั่นเทิ้มไปทีหนึ่ง คลังสมบัติที่เขาหมายปองมาโดยตลอดเป็นเพียงคลังสมบัติที่ว่างเปล่าเท่านั้นเอง จุดจบเช่นนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดฝันมาก่อน

หลี่ชิเย่ไม่ได้หัวเราะเยาะเขา เพียงจ้องมองดูกู้จุนอย่างเงียบๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งนั้น

สุดท้าย ไม่ง่ายนักกว่ากู้จุนจะสงบและควบคุมอารมณ์ของตนเอาไว้ได้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง และนั่นทำให้ใบหน้าของเขาค่อยๆ กลับมามีสีเลือดดังเดิมขึ้นมา

กู้จุนถึงกับเผยรอยยิ้มออกมาและกล่าวว่า “ใต้เท้ายอดเยี่ยมมาก เมื่อเปรียบเรื่องการวางแผนแล้ว ข้าเองเป็นเพียงเด็กสามขวบเท่านั้นเอง คลังสมบัติที่สร้างขึ้นโดยอาศัยโลหะที่ล้ำค่าที่สุดในโลก มีราชันเซียนเชียนหลี่ ราชามังกรดำเฝ้ารักษาคลังสมบัตินี้ ให้ราชันเซียนหยินเทียนปกปักษ์รักษาผนึกเอาไว้ มันก็แค่คลังสมบัติที่ว่างเปล่าเท่านั้นเอง…”

แม้ว่าเวลานี้กู้จุนจะเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น แต่ว่า รอยยิ้มของเขาเป็นไปอย่างฝืนๆ ยิ่งนัก รอยยิ้มของเขาดูน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก

“…ใต้เท้าวางแผนหลอกข้าตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ใต้เท้ายังไม่ได้เริ่มชี้แนะทักษะให้กับข้าก็เริ่มวางแผนหลอกข้าแล้ว ข้ายังไร้เดียงสาเข้าใจว่าใต้เท้าชี้แนะข้าด้วยความจริงใจ” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว กู้จุนหัวเราะอย่างขมขื่น และกล่าวว่า “แท้จริงแล้วใต้เท้าได้จัดให้ข้าอยู่ในรายชื่อโจรทรยศมาตั้งแต่ต้นแล้ว”

“ไม่ เจ้าคิดผิดแล้ว” หลี่ชิเย่ส่ายหน้า และกล่าวว่า “ที่ข้าเริ่มต้นชี้แนะเจ้าก็ใช่ว่าเป็นการทำแบบขอไปที ถ้าหากข้าตัดสินใจที่จะไม่ชี้แนะเจ้าแล้ว เจ้าคิดว่าราชามังกรดำออกหน้าจะมีประโยชน์รึ? ถูกต้อง คลังสมบัติว่างเปล่านี้เป็นการออกแบบเพื่อเจ้าโดยเฉพาะตั้งแต่แรก เรื่องนี้ไม่เพียงเพราะเจ้านั้นเป็นคนทรยศมาแต่กำเนิดเท่านั้น ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ หนึ่งในสิบสุดยอดอัจฉริยะบุคคล ช่างเป็นทรัพยากรที่ล้ำค่าและหาได้ยากยิ่งนัก…”

“…แม้ว่าข้าจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของสติปัญญามากนัก แต่ว่า เมื่อมีของดีอยู่ตรงหน้าข้าก็ไม่อยากให้มันสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “คลังสมบัติที่อยู่ตรงหน้าก็แค่เป็นบททดสอบให้กับเจ้าเท่านั้นเอง แม้ว้าพรสวรรค์เจ้าจะสูงมาก เสียดาย ท้ายที่สุดเจ้าก็ไม่สามารถผ่านบททดสอบไปได้ เจ้าคิดว่าเวลานี้จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเจ้าแข็งแกร่งมากแล้ว แต่ ครานั้นเจ้ากลับไม่สามารถผ่านด่านยั่วยวนใจไปได้!”

เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้ ได้จ้องมองกู้จุนแล้วเอ่ยขึ้นมาเชื่องช้าว่า “ที่ข้าระวังตัวเจ้าตั้งแต่ครั้งนั้น ใช่เป็นเพราะเจ้าเป็นคนทรยศมาแต่กำเนิดเท่านั้น แต่เป็นเพราะเจ้าไม่สามารถรับได้กับสิ่งยั่วยวนตั้งแต่แรก ข้าเคยพบอัจฉริยะบุคคลมาแล้วเป็นจำนวนมาก สิบยอดอัจฉริยะบุคคลคนไหนบ้างที่ข้าไม่เคยพบเห็น? ถ้าหากยอดอัจฉริยะบุคคลไม่สามารถทนต่อสิ่งยั่วยวนได้เมื่อไรล่ะก็ สิ่งที่เขาจะนำพาให้กับเก้าแดนจะไม่ใช้ความสุข แต่เป็นภัยพิบัติ”

“ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม ใต้เท้าถูกเสมอ” กู้จุนยิ้มกล่าว

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดข้าจึงไม่ได้ฆ่าเจ้า?” หลี่ชิเย่จ้องมองดูกู้จุน กล่าวด้วยท่าทีเฉยเมยว่า “ที่ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้านั้น ไม่เพียงเพราะพี่เขยเจ้าร้องขอ ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ นับว่าเจ้ายังสามารถรักษาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของตนได้มั่นคง แม้ว่าเจ้าจะทนต่อสิ่งเย้ายวนไม่ได้ แต่ว่า ท้ายที่สุดแล้วเจ้าไม่ได้ก้าวข้ามจุดที่ข้าสามารถยอมรับได้ อย่างน้อยเจ้าไม่เคยลองก้าวเดินบนเส้นทางสายอเวจี ดังนั้น มันจึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ข้าไม่ฆ่าเจ้า!”

“นับเป็นเกียรติที่ใต้เท้าชื่นชมข้า” กู้จุนแสดงคารวะแบบจีน

“เจ้าไม่มีวันหันหลังกลับอยู่แล้ว เจ้าต้องก้าวเดินต่อไปถึงที่สุด” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมย

“ใต้เท้าก็ไม่ปล่อยข้าเอาไว้แน่ ใต้เท้าต้องฆ่าข้า จุดจบถูกลิขิตเอาไว้แล้วตั้งแต่เริ่มต้น ใต้เท้าว่าอย่างนั้นหรือไม่” กู้จุนเองไม่ได้แสดงอาการโกรธ เวลานี้เขาสามารถสงบสติอารมณ์ของตนเอาไว้ได้แล้ว

“ก้าวเดินมาถึงจุดนี้ในวันนี้ สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่มีความสำคัญอีกแล้ว” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ทุกอย่างได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว”

กู้จุนหัวเราะและกล่าวว่า “มันก็ถูก แต่ว่าข้าไม่มีอะไรต้องเสียใจ ชีวิตคนเราควรมีสิ่งที่ตนเสาะแสวงหาใช่หรือไม่ การที่สามารถเป็นศัตรูกับใต้เท้านับเป็นสิ่งที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตของข้า และเป็นสิ่งที่ข้าประสบความสำเร็จมากที่สุดในชีวิต นับแต่อเวจีถูกทำลายไปแล้วจะมีสักกี่คนที่หาญกล้าเป็นศัตรูกับใต้เท้าจริงๆ กันเล่า เมื่อเปรียบข้ากับใต้เท้าแล้ว ข้าไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึง แต่ว่า กล่าวสำหรับข้าแล้ว ต่อให้เป็นไม้ซีกงัดไม้ซุง ข้าก็ยอมเป็นผู้ที่ไม่รู้จักเจียมตน เหมือนดั่งเช่นใต้เท้าที่ไม่ยอมเป็นมดปลวกตัวหนึ่งที่หมอบคลานอยู่ท่ามกลางฟ้าดินเท่านั้น!”

“น้าชมเชยในความกล้า!” หลี่ชิเย่ส่ายหัวและยิ้มกล่าวว่า “ทุกคนต่างมีความมุ่งมั่นปรารถนาที่แตกต่างกันไป ในเมื่อเจ้ามุ่งมั่นที่จะเป็นศัตรูกับข้า งั้นก็เป็นเรื่องที่ช่วยอะไรไม่ได้ สิ่งที่ข้าทำได้คือสังหารเจ้าเสีย”

“ข้ารู้” กู้จุนไม่รู้สึกตระหนกตกใจ กล่าวว่า “ใต้เท้าต้องการดูไพ่ตายของข้า งั้นตามข้ามาก็แล้วกัน” ขาดคำ หายตัวไปทันที

หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็นและหายตัวไปเช่นกัน ก้าวข้ามอาณาจักร และช่องว่าง ไล่ติดตามไป

นาทีต่อมา ทั้งหลี่ชิเย่และกู้จุนต่างปรากฏตัวอยู่บนมหาสมุทรแห่งหนึ่ง แม้ว่ามันยังคงอยู่ในมหาสมุทรอุดรเช่นกัน แต่มันอยู่บริเวณด้านใต้สุด ที่ตรงนี้และดูเปล่าเปลี่ยวยิ่งนัก ผู้บำเพ็ญตนน้อยคนนักที่จะเดินทางมาถึงที่ตรงนี้ และบริเวณนี้ก็ไม่มีสำนักใดๆ ตั้งอยู่

น้ำทะเลบริเวณนี้ไหลเชี่ยวมาก คลื่นที่สาดซัดถาโถมดูเกรี้ยวกราดยิ่ง เหมือนว่าพื้นทะเลแห่งนี้มีอารมณ์ที่โกรธแค้นยิ่งนักอย่างนั้น

“ใต้เท้า คุ้นเคยกับทะเลแห่งนี้กระมัง” เพิ่งจะหยุดลงตรงนี้ กู้จุนได้เอ่ยขึ้นกับหลี่ชิเย่ด้วยท่าทียิ้มแย้ม

“ตูม ตูม ตูม…” พลันที่กู้จุนกล่าวขาดคำ น้ำทะเลแยกออก เห็นน้ำทะเลที่พลุ่งพล่าน ในเวลานี้ทะเลก็คล้ายดั่งเป็นประตูขนาดยักษ์ที่เปิดออกมา เมื่อประตูขนาดยักษ์เช่นนี้เปิดออกมาแล้ว

ปรากฏร่างเงาเก้าตนที่สูงใหญ่สุดเปรียบเปรยโผล่ขึ้นมา ยามเมื่อร่างเงาทั้งเก้าตนที่สูงใหญ่โผล่ขึ้นมาแล้ว กลิ่นอายยุคไร้ซึ่งอารยธรรมดุจดั่งน้ำหลากที่ไหลมาอาละวาดทั่วฟ้าดินแห่งนี้!

พลันที่ร่างเงาเก้าตนที่สูงใหญ่สุดเปรียบเปรยยืนอยู่ที่ทะเลถึงกับบดบังท้องฟ้าเอาไว้ ทั่วทั้งบริเวณทะเลแถบนั้นพลันสลดมืดลง อีกทั้งขณะร่างเงาเก้าตนที่สูงใหญ่สุดเปรียบเปรยยืนอยู่ในทะเลนั้น น้ำทะเลสูงเพียงเสมอเข่าของพวกเขาเท่านั้นเอง

ร่างเงาที่สูงใหญ่เช่นนี้เรียกได้ว่าหัวค้ำฟ้าเท้ายันพื้น เพียงแค่พวกมันยกเท้ากระทืบลงมาก็สามารถทำให้อาณาจักรบริเวณนี้ถูกทำลายจนย่อยยับอย่างง่ายดาย

ร่างเงาที่สูงใหญ่ทั้งเก้าล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาดทุกตัวมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป บางตนมีตัวเป็นปลา แต่มีหัวคนขนาดเล็ก บางตนมีตัวคล้ายเป็นมังกรเจียวหลง (มังกรขนาดเล็ก) เล็บทั้งห้าที่อยู่บริเวณทรวงอกนั้นแหลมคมยิ่งนัก บางตัวด้านหลังของมันมีเปลือกหอยคู่ขนาดใหญ่โตมโหฬาร ดูไปแล้วคล้ายหอยขนาดยักษ์อย่างนั้น…

สัตว์ประหลาดทั้งเก้าตนมีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างกันสารพัดรูปแบบ แลดูคล้ายปีศาจทะเล แต่พวกเขาไม่ได้มีกลิ่นอายของปีศาจทะเลอยู่บนตัว

ขณะที่สัตว์ประหลาดทั้งเก้าปรากฏตัวออกมานั้น พวกเขาพลันล้อมรอบหลี่ชิเย่เอาไว้ให้อยู่ตรงกลาง ขณะที่กู้จุนอยู่ด้านนอกวงล้อม

“ใต้เท้ายังคงคุ้นเคยกับสหายเก่าทั้งเก้านี้กระมัง” เมื่อกู้จุนเห็นหลี่ชิเย่ถูกล้อมอยู่ตรงกลางแล้วจึงได้ยิ้มกล่าวขึ้นมา

“เก้าราชาสมุทร ข้าจะลืมได้อย่างไรนะ” หลี่ชิเย่มองดูสัตว์ประหลาดเก้าตนที่ใหญ่โตมโหฬารตรงหน้าแล้ว เขาถึงกับเผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา

“ทุกท่าน มาพบกับสหายเก่าของพวกท่านใต้เท้าอีกาทมิฬ!” กู้จุนหัวเราะและกล่าวว่า “คนผู้นี้ก็คือใต้เท้าอีกาทมิฬผู้ที่สยบพวกท่านเอาไว้ใต้ทะเลลึกในครั้งนั้น ชาตินี้ท่านได้แย่งชิงเอาร่างจริงกลับมาแล้ว สมควรแก่เวลาที่พวกท่านจะได้แก้แค้นแล้วล่ะ”

พลันที่กู้จุนพูดขาดคำ สัตว์ประหลาดทั้งเก้าเบิ่งตาทั้งสองของมันขึ้นมา ดวงตาของพวกเขาก็เสมือนดั่งเป็นดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งอย่างนั้น ส่องประกายจนท้องทะเลแถบนี้สว่างไสวไปทั่วบริเวณพื้นน้ำแถบนี้

ไม่ว่าใครก็ตามหากได้มาเห็นภาพที่น่ากลัวเช่นนี้แล้วก็ต้องรู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล