ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1669

ตอนที่ 1669 ทั้งสามชาติของราชามังกรดำ
มังกรแท้จริงที่อยู่ตรงหน้าตัวนี้ก็คือร่างชาติแรกของราชามังกรดำ เป็นมังกรแท้จริงตัวหนึ่ง กระทั่งเรียกได้ว่าคือมังกรแท้จริงเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นในเก้าแดนที่ยังคงไว้ซึ่งร่างกายที่สมบูรณ์ที่สุด ยังคงรักษาจิตวิญญาณของร่างที่มีความเป็นมังกรตัวหนึ่งเอาไว้อย่างแท้จริง!

ร่างในชาติแรกของราชามังกรดำเป็นเพียงงูเจียวเสอเท่านั้น (งูขนาดใหญ่ที่สำเร็จมรรคผลระดับหนึ่ง มีเขาเดียว และเล็บคู่หนึ่ง) ภายหลังได้รับการชี้แนะจากอีกาทมิฬ ฝึกฝนจนสำเร็จมรรคผล ในที่สุดสายเลือดได้หวนคืนสู่ความเป็นบรรพบุรุษดั้งเดิม ประสบความสำเร็จอย่างงดงามดั่งได้กระโดดข้ามประตูมังกร กลายเป็นมังกรแท้จริง มีสายเลือดเผ่ามังกรแท้จริงไว้ในครอบครอง

เรียกได้ว่า ราชามังกรดำในชาติแรกได้บรรลุสายเลือดแห่งความเป็นเผ่ามังกรที่แท้จริงอย่างสมบูรณ์แบบ มีความบริสุทธิ์ทางสายเลือดยากที่ผู้ใดสามารถทัดเทียมได้ เกรงว่าเผ่ามังกรในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินก็ไม่มีใครสามารถเปรียบด้านความบริสุทธิ์ทางสายเลือดมังกรแท้จริงกับราชามังกรดำได้

ในขณะนั้น หลี่ชิเย่ในฐานะของอีกาทมิฬได้มีโครงสร้างแนวความคิดใหม่ทั้งหมดเกี่ยวกับการกลับชาติและถือกำเนิดขึ้นใหม่ แน่นอนที่สุด กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่งแล้ว การที่จะกลับชาติเกิดใหม่โดยแท้จริงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

แต่ทว่า ราชามังกรดำกลับเป็นข้อยกเว้น อันเนื่องมาจากสายเลือดของเขามีความได้เปรียบที่ได้รับเงื่อนไขและสิ่งแวดล้อมที่ดีมากเป็นพิเศษ และเข้ากันกับโครงสร้างแนวความคิดด้านการกลับชาติของอีกาทมิฬได้พอดิบพอดี

ดังนั้น ราชามังกรดำจึงได้ทำการฝึกเคล็ดวิชากลับชาติเกิดใหม่ที่อีกาทมิฬเป็นผู้คิดค้นขึ้นมาตั้งแต่แรกเริ่มการฝึกของเขา และเป็นเหตุผลที่ว่าเพราะอะไรราชามังกรดำจึงสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงสามชาติ

ในช่วงชาติแรกของราชามังกรดำ เขาได้ทำการฝึกจนกระทั่งสายเลือดของเขาหวนกลับคืนสู่บรรพบุรุษดั้งเดิม และกลับกลายเป็นมังกรแท้จริง ซึ่งเป็นการสร้างเงื่อนไขที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นสำหรับชาติที่สองของเขาขึ้นมา

ในช่วงระหว่างชาติแรกของราชามังกรดำ เมื่อเขาฝึกจนก้าวถึงระดับสูงสุดแล้ว ได้ทำการตัดร่างที่เป็นมังกรแท้จริงของตน คงเหลือไว้เพียงจิตวิญาณที่อ่อนแอ จากนั้นทำการสร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่และเริ่มต้นการฝึกใหม่ อาศัยวิธีการเช่นนี้เพื่อดำรงชีวิตต่อเป็นชาติที่สอง

ในชาติที่สองนี้ ราชามังกรดำอาศัยวิญญาณมังกรทำการฝึกกายเซียน ภายใต้ความพยายามร่วมกันระหว่างเขากับอีกาทมิฬ ทำให้ราชามังกรดำฝึกวิญาณมังกรกายเซียนที่มีเพียงหนึ่งเดียวจนสำเร็จ ทำให้เขามีชีวิตอยู่เป็นชาติที่สอง

เมื่อชาติที่สองได้ฝึกจนสำเร็จขั้นสูงสุดแล้ว ภายใต้การช่วยเหลือจากอีกาทมิฬ ราชามังกรดำได้ทำการตัดร่างที่เป็นวิญญาณมังกรกายเซียนอีกครั้ง และคงเหลือไว้ซึ่งจิตวิญญาณที่อ่อนแอ อีกทั้งคราวนี้ราชามังกรดำได้ทำการตัดอย่างสิ้นเชิงชนิดถึงแก่นเลยทีเดียว ตัดสิ้นสายเลือดทั้งหมด และตำหนิต่างๆ สุดท้าย ทำการสร้างกายเนื้อในลักษณะของกายปุถุชนชะตาปุถุชน และรอบชีวิตปุถุชนขึ้นมาใหม่

ในชาติที่สามนี้ ราชามังกรดำอาศัยรูปโฉมของไตรปุถุชนฝึกใหม่อีกครั้ง อาศัยท่วงท่าของความเป็นปุถุชนที่ดั้งเดิมที่สุดเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ และในชาติที่สามนี้เอง ทำให้ราชามังกรดำสามารถฝึกจนสามารถสำเร็จกายเซียนคู่ขั้นสมบูรณ์ได้ในที่สุด!

อย่างไรก็ตาม ราชามังกรดำได้คงร่างของตนทั้งสองชาติเอาไว้ อีกทั้งร่างทั้งสองยังคงเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณเอาไว้กับร่างทั้งสองด้วย โดยที่ร่างซึ่งมีเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณนั้นถูกอีกาทมิฬทำการผนึกฝังเอาไว้ เพื่ออาศัยฟ้าดินมาทำการหล่อเลี้ยงร่างกายและเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณนั้น เพื่อทดสอบดูว่าราชามังกรดำสามารถมีชีวิตอยู่ได้สามชาติอย่างแท้จริงหรือไม่

ถ้าหากว่าร่างกายทั้งสามชาติล้วนแล้วแต่สามารถมีชีวิตขึ้นมาทั้งหมด นั่นเท่ากับสามารถแทนอดีต ปัจจุบัน และอนาคต หากสามารถก้าวไปถึงจุดนี้ได้จริงๆ ล่ะก็ เช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็จะเข้าใกล้ความเป็นอมตะได้อีกขั้นหนึ่งแล้ว!

แต่ทว่า แม้ว่าราชามังกรดำสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงสามชาติอย่างราบรื่น แต่ว่ายังคงมีจุดอ่อนอย่างหนึ่ง นั่นก็คือชาติแรก ชาติที่สอง กระทั่งชาติที่สามไม่สามารถพบกันได้ หรือก็คือสามชาติไม่พบกัน ต่างฝ่ายต่างต้องหลีกเลี่ยงสิ่งนี้กันและกันซึ่งเป็นเหตุผลที่อีกาทมิฬต้องนำร่างทั้งสองชาติก่อนหน้ามาทำการปิดผนึกฝังเอาไว้

ราชามังกรดำได้รับการเคารพนับถือมาสามชาติ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่รับรู้กันทั่วไป แต่ว่า น้อยคนนักที่รู้ว่าราชามังกรดำในสามชาติหาใช่เป็นราชามังกรดำที่เป็นคนๆ เดียวกัน ผู้คนในโลกหล้ารับรู้มาโดยตลอดว่าราชามังกรดำอาศัยลักษณะเดียวกันอยู่มาถึงสามชาติ

แม้ว่าน้อยคนนักที่ล่วงรู้ความลับนี้ แต่กู้จุนกลับล่วงรู้ความลับนี้อย่างทะลุปรุโปร่งในฐานะที่เป็นน้องเมียของราชามังกรดำ

“ต่อให้เจ้าหยิบยกเอาเรื่องสัพเพเหระภายในครอบครัวขึ้นมาพูดกับพี่เขยเจ้า เรื่องบางเรื่องจะอย่างไรเสียก็เป็นอดีตไปแล้ว” ขณะที่กู้จุนกำลังพร่ำบ่นอยู่นั้น หลี่ชิเย่ได้เอ่ยขึ้นพร้อมกับส่ายหน้า

กู้จุนถึงกับมองไปที่หลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “วิชานี้ใต้เท้าเป็นผู้คิดค้นขึ้นมา ใต้เท้าไม่รู้สึกว่าพี่เขยข้าเขายังมีโอกาสหรือไม่?”

หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง ส่ายหน้าและกล่าวว่า “กู้จุน ข้าไม่รู้ว่าในใจของเจ้าต้องการให้พี่เขยของเจ้าได้กลับคืนสู่โลกนี้อีกครั้ง หรือต้องการรู้ถึงความหมายที่แท้จริงของเคล็ดวิชานี้ และหรือคิดจะเสริมข้อบกพร่องของเคล็ดวิชานี้ให้มันสมบูรณ์ สรุปก็คือ ข้าไม่สามารถบอกความลับนี้ให้กับเจ้า”

“ข้าเข้าใจ ในสายตาของใต้เท้าข้าคือคนทรยศแต่กำเนิดมาโดยตลอด” กู้จุนหัวเราะและกล่าวว่า “ดังนั้น ใต้เท้าจึงระวังข้าตลอดเวลาที่ผ่านมา”

หลี่ชิเย่เพียงอมยิ้มกับคำพูดของกู้จุนโดยไม่พูดอะไรออกมา หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ในเมื่อราชามังกรดำออกหน้า งั้นข้าก็จะไม่รบกวนพวกเจ้าได้คุยสัพเพเหระเกี่ยวกับครอบครัวแล้วหละ เรื่องบางเรื่องสมควรแก่เวลาต้องจบสิ้นกันได้แล้ว” กล่าวจบ ก้าวออกไปก้าวหนึ่ง พลันหายไปจากเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์

หลังจากที่หลี่ชิเย่จากไปแล้ว เหลือเพียงกู้จุนกับมังกรแท้จริงอยู่บนเวทีต่อสู้ดำดำบรรพ์เท่านั้น เวลานี้ต่อให้กู้จุนคิดจะไปจากที่นี่มังกรแท้จริงก็ไม่ปล่อยให้เขาไป

“ลงมือเถอะ” เวลานี้ ปากของมังกรแท้จริงท่องบ่นเป็นคาถา กางเล็บทั้งสองออกครอบคลุมฟ้าดิน ปิดกั้นสรรพช่องทาง เหล่าชั้นฟ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่ทำอะไรไม่ได้เมื่ออยู่ภายใต้กรงเล็บคู่ของเขา

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าได้แต่สู้ถวายชีวิตแล้วหละ ถ้าหากข้าสังหารพี่เขยท่านได้ หวังว่าพี่สาวอย่าได้โทษข้า” กู้จุนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ยังคงยิ้มกล่าวว่า “แน่นอนหละ ถ้าหากข้าต้องตายด้วยน้ำมือของพี่เขยล่ะก็ ข้าเชื่อว่าพี่สาวข้าคงไม่โทษท่านอยู่แล้ว”

“ตูม” เสียงดังสนั่นดังขึ้น มังกรแท้จริงไม่ได้พูดอะไร เพียงใช่กงเล็บมังกรตบลงมาตรงๆ ภายใต้กรงเล็บนี้หมื่นสัจธรรมกลายเป็นเถ้าธุลี สรรพวิชาแหลกลาญกระจุยกระจาย

กู้จุนไม่กล้าชักช้าแม้แต่น้อยเมื่อต้องเผชิญการโจมตีที่ปราศจากผู้ต่อกร ร้องคำรามเสียงยาวออกมาต่อเนื่อง พลันลงมือด้วยสุดยอดวิชาในชีวิตของเขา หนึ่งกระบวนท่าสะเทือนหมื่นอาณาจักร ภายใต้หนึ่งกระบวนท่าตะวันจันทราสลดมืดมน หมื่นอาณาจักรสั่นเทาอันเนื่องจากกระบวนท่านี้

จากเสียงดังสนั่นเป็นระลอก และเสียงดังตูมตามที่ดังขึ้นเป็นระลอกตามมา กู้จุน และมังกรแท้จริงต่อนสู้กันบนเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ เป็นการต่อสู้ที่สะเทือนฟ้ายิ่งนัก น่าเสียดายไม่มีใครได้เห็น…

“อ๊ากก” เสียงร้องน่าเวทนาดังสลับขึ้นมาไม่ขาดสาย บนท้องฟ้าปรากฏฝนเลือดที่สาดลงมา ขณะที่ศีรษะเสมือนดั่งลูกบอลกลิ้งเต็มพื้นไปหมด เศษร่างกายและแขนขาที่ขาดยิ่งเห็นได้ทุกที่ ศพที่กองอยู่บนเวทีต่อสู้เหมือนดั่งเป็นเนินเขาแต่ละลูก

ในเวลานี้กองทัพที่มีไพร่พลจำนวนสิบล้านของพวกไห่หลินถูกกองทัพราชันเซียนของพรรคเซียนเหินตีจนถอยร่นไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะกองทัพอาชาสายสำนักราชันเซียนที่นำโดยไห่หลินหลังจากที่พวกของมังกรทองสี่เล็บและติ้งหย่วนโหวถูกกู้จุนสังหารไปแล้วนั้น ประสิทธิภาพกำลังอาชานี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้สถานการณ์ทั้งหมดต้องอาศัยพวกของไห่หลินที่ยืนหยัดอยู่ในสถานะลำบากอย่างทรหด

แม้ว่าพวกของไห่หลินจะได้เปรียบในด้านของกำลังพลมาก แต่น่าเสียดายที่กองทัพของพวกเขาเป็นการรวมตัวกันเฉพาะกิจเท่านั้น ต่อให้กองทัพของพวกเขาจะมีระดับอ๋องเทพกระทั่งจักรพรรดิเทพรวมอยู่ด้วยก็ตาม แต่เมื่อเปรียบเทียบกับกองทัพราชันเซียนที่เคยเกรียงไกรเก้าแดนมาแล้วยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ขาดไป

จากการโจมตีเป็นระลอกของกองทัพราชันเซียน ทำให้กองทัพที่มีไพร่พลสิบล้านของพวกไห่หลินถูกเข่นฆ่าสังหารจนเลือดไหลนองเป็นธาร ภายในระยะเวลาอันสั้นต้องสูญเสียกำลังพลไปนับล้าน เรียกได้ว่าศึกครั้งนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนักเลยทีเดียว

ขณะที่เวลานี้กองทัพราชันเซียนของพรรคเซียนเหินยิ่งต่อสู้ยิ่งดุดันมากขึ้น กองทัพของไห่หลินกลับต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ หากยังคงสู้รบต่อไปพวกเขาคงต้องแตกกระจายแน่นอน ภายใต้การสู้รบที่โหดร้ายเช่นนี้ พวกเขาทำได้แค่ต้านรับอย่างทรหด นั่นเป็นเพราะพวกเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องพลีชีพกับศึกครั้งนี้อยู่แล้ว สำหรับผู้บำเพ็ญตนทุกคนที่เข้าร่วมสงครามในครั้งนี้จึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องถอยอยู่แล้ว

เทพแท้จริงสยบโลกาถึงกับส่ายหน้า เมื่อเห็นกองทัพที่มีไพร่พลสิบล้านของพวกไห่หลินต้องถูกเข่นฆ่าจนถอยร่นเรื่อยๆ คำรามเสียงยาวที่สยบเก้าแดนออกมา ร้องกล่าวว่า “ลุย”

พลันขาดคำ ตัวของเทพแท้จริงสยบโลกาควบม้านำหน้าไปก่อน นำทัพมังกรเขียวบุกขึ้นไปยังเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์

“ฆ่า” แม่ทัพมังกรเขียวคำรามเสียงยาวคำหนึ่ง เข่นฆ่าไร้ซึ่งความปรานี เสียงของพวกเขาเสมือนดั่งมีดดาบที่คมกริบยิ่งทิ่มแทงเข้าไปยังหัวใจของศัตรูทุกคนอย่างนั้น

เสียง “แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์” ดังขึ้นเป็นระลอก จังหวะที่เทพแท้จริงสยบโลกานำทัพมังกรเขียวบุกเข้าไปยังเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์นั้น ด้านเวทีดึกดำบรรพ์ปรากฏแนวป้องกันแต่ละชั้นที่โผล่ขึ้นมา เพื่อกันเทพแท้จริงสยบโลกาและกองทัพมังกรเขียวเอาไว้

“ปัง” ภายใต้เทพแท้จริงสยบโลกาและกองทัพอาชามังกรเขียว แนวป้องกันของเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ก็ไม่อาจต้านทานได้ ภายในระยะเวลาอันสั้น แนวป้องกันของเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ก็ถูกกองทัพอาชามังกรเขียวเหยียบย่ำจนแหลกละเอียด

“อ๊ากก” เสียงร้องน่าเวทนาดังก้องทำลายบรรยากาศทันทีที่เทพแท้จริงสยบโลกาและกองทัพมังกรเขียวบุกเข้าไปยังเวทีต่อสู้ แต่คราวนี้เป็นเสียงน่าเวทนาที่ดังขึ้นมาจากฟากฝั่งของกองทัพราชันเซียนพรรคเซียนเหิน

หลังจากที่กองทัพมังกรเขียวบุกเข้าไปในเวทีต่อสู้แล้ว มันคล้ายดั่งเป็นกริชที่แหลมคมยิ่งเล่มหนึ่งที่ทิ่มแทงเข้าไปยังสมรภูมิรบ ฉับพลันแทงเข้าไปภายในหัวใจของศัตรู ภายในระยะเวลาอันสั้น กองทัพมังกรเขียวก็สามารถเข่นฆ่าและเบิกเป็นเส้นทางเลือดออกมาได้สายหนึ่ง ภายในระยะเวลาอันสั้นก็สามารถสยบกองทัพราชันเซียนของพรรคเซียนเหินไว้ได้

กองทัพราชันเซียนพรรคเซียนเหินก็เป็นกองทัพที่ผ่านสมรภูมิรบมาอย่างโชกโชน แต่ว่าเมื่อเทียบกับกองทัพมังกรเขียวแล้วยังคงห่างชั้นอีกมาก

ไม่ว่าใครก็ตามล้วนแล้วแต่รู้สึกใจหายใจคว่ำ เมื่อเห็นกองทัพมังกรเขียวสามารถสยบกองทัพราชันเซียนเอาไว้ภายในระยะเวลาอันสั้น เกรงว่ากองทัพลักษณะเช่นนี้คงเป็นกองทัพที่แกร่งมากที่สุดในโลก!

“รวมกระบวนทัพ” ขุนพลของพรรคเซียนเหินก็ร้องคำรามเสียงยาวออกมา เมื่อถูกกองทัพมังกรเขียวบุกทะลวงจนต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ จึงล่าถอยกลับไปและทำการรวบรวมพลอีกครั้ง เพื่อการสู้รบในรอบต่อไป

ขณะที่กองทัพราชันเซียนของพรรคเซียนเหินเริ่มล่าถอยกลับไปเพื่อจัดกระบวนทัพใหม่นั้น ไห่หลินก็ได้เป่าแตรส่งสัญญาณให้กองทัพของตนถอนตัวกลับมา และทำการจัดทัพใหม่ เพื่อการสู้รบในรอบต่อไปเช่นกัน

ขณะนี้ทั้งสองทัพตั้งประจันหน้ากัน ทัพราชันเซียนของพรรคเซียนเหินถอนตัวออกจากการสู้รบอย่างดุเดือด ขณะที่ทัพของไห่หลินก็เริ่มจัดกระบวนทัพขึ้นใหม่

“วู” ในเวลานี้ พรรคเซียนเหินได้ปรากฏเสียงแตรที่ดังกังวานขึ้นมา จากนั้น เสียงสะเทือนดัง “ปัง ปัง ปัง” ทันใดนั้นเอง พรรคเซียนเหินได้ส่งกองทัพแต่ละกองทัพลงมายังเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์อีกครั้ง

ทุกๆ กองทัพที่ถูกส่งลงมาล้วนแล้วแต่มีธงที่แตกต่างกันออกไปไม่ซ้ำใคร อีกทั้งทุกๆ กองทัพล้วนแล้วแต่แผ่กลิ่นอายฆ่าฟันที่รุนแรงออกมา พวกเขาคือกองทัพราชันเซียน

เวลานี้ กองทัพที่มีไพร่พลสิบล้านในสมรภูมิสู้รบมองเห็นแต่ละกองทัพที่เป็นทัพราชันเซียนแล้ว พลันรู้สึกขาดความมั่นใจในทันที เนื่องจากกองทัพราชันเซียนแต่ละกองทัพของพรรคเซียนเหินแข็งแกร่งมากเหลือเกิน แม้ว่าด้านกำลังพลของพรรคเซียนเหินจะสู้ทัพพันธมิตรของพวกเขาไม่ได้ แต่ว่า กองทัพราชันเซียนของพรรคเซียนเหินแต่ละกองทัพที่ร่วมมือกันแล้วสามารถบดขยี้พวกเขาได้อย่างแน่นอน

ภายในเวลาอันสั้น พวกเขาสามารถจัดขบวนทัพเป็นกองทัพราชันเซียนได้ถึงแปดทัพ อีกทั้งกองทัพราชันเซียนทั้งแปดล้วนแล้วแต่นำทัพโดยอดีตขุนพลใต้บังคับบัญชาราชันเซียนทั้งสิ้น ในทัพดังกล่าวขุนพลทั้งแปดที่เป็นแม่ทัพดูน่ากลัวที่สุด เปลวไฟที่แผ่กระจายออกจากตัวของพวกเขาทำให้ดวงตะวันยังต้องสลดและอับแสง

เทพแท้จริงสยบโลกามองดูกองทัพราชันเซียนทั้งแปดของพรรคเซียนเหินทีหนึ่ง กล่าวไปตามอารมณ์ว่า “นับว่าไม่ง่ายนักสำหรับพวกเจ้า สามารถรวบรวมกองทัพราชันเซียนครบทั้งห้าราชันเซียน เสียอย่างเดียวก็คือตัวตายตัวแทนไม่ต่อเนื่อง กองทัพของราชันเซียนเฟย ราชันเซียนฉานหลงในความเป็นจริงแล้วคงเหลือแต่ในนามเท่านั้น เหลือไว้เพียงธงสัญลักษณ์เท่านั้น”

กองทัพราชันเซียนทั้งแปดกองทัพตรงหน้าแม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นกองทัพห้าราชันเซียน แต่ในความเป็นจริงแล้ว กองทัพยุคของราชันเซียนเหรินเสียนปาเข้าไปครึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนกองทัพของราชันเซียนอื่นๆ ส่วนใหญ่แล้วคงเหลือไว้แต่ชื่อ เหลือไว้เพียงธงสัญลักษณ์เท่านั้นเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล