ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1670

ตอนที่ 1670 สิบแปดค่ายกลมังกรเขียว
แต่เดิมพรรคเซียนเหินอยู่ในฐานะที่สูงเด่นโดยตลอด สำหรับกองทัพราชันเซียนนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง มันดำรงอยู่ในฐานะสยบเก้าแดน นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีสักกี่คนที่หาญกล้าวิพากวิจารณ์ต่อกองทัพราชันเซียน

ยิ่งไปกว่านั้น พรรคเซียนเหินที่อยู่ตรงหน้าได้ทำการรวบรวมมาได้ถึงแปดกองทัพราชันเซียน หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นคงเข่าอ่อนเมื่อได้เห็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการพูดวิพากวิจารณ์

แต่ว่า มาคราวนี้แม้พรรคเซียนเหินจะราบรวมมาได้ถึงกองทัพราชันเซียนมาได้ถึงแปดกองทัพก็ตาม ภายใต้การวิพากวิจารณ์ของเทพแท้จริงสยบโลกาแล้ว พวกเขาต่างนิ่งเงียบขึ้นมา เนื่องจากพวกเขารู้ดีว่ากำลังเผชิญกับผู้ดำรงอยู่ในฐานะที่น่ากลังเพียงใด รู้ว่าตนเองเผชิญกับกองทัพที่มีลักษณะเช่นใด

“เจ้ามีชื่อว่าอะไร แจ้งชื่อแซ่ออกมา ข้าไม่สังหารผู้ที่ปราศจากชื่อเสียงเรียงนาม” เวลานี้ เทพแท้จริงสยบโลกานั่งอยู่บนหลังม้าทองสัมฤทธิ์ ทวนวงเดือนที่อยู่ในมือชี้ออกไปยังแม่ทัพที่ดูแข็งแกร่งที่สุดของกองทัพทั้งแปด

แม่ทัพผู้นี้สวมชุดเกราะสีแดงชาดทั้งชุด เหมือนว่าเสื้อเกราะสีแดงชาดนี้ย้อมมาจากสีแดงของคาวเลือดสดๆ อย่างนั้น บนตัวของเขาแผ่ประกายที่ร้อนแรงยิ่งกว่าดวงตะวัน กลิ่นอายที่แผ่ออกจากตัวของเขาสามารถสยบเหล่าชั้นฟ้าได้

แต่ว่า ในเวลานี้แม้ตัวเขาที่เป็นแม่ทัพซึ่งผ่านศึกเหนือเสือใต้มา และรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งมาก็ไม่สามารถหยิ่งผยองได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเทพแท้จริงสยบโลการแล้ว เขาก็เป็นได้เพียงผู้เยาว์คนหนึ่งเท่านั้นเอง

“ข้าน้อยหม่าเจิ่นเหวิน เคยรับใช้ใต้บังคับบัญชาของฝ่าบาทเหรินเสียน” แม่ทัพผู้นี้ไม่กล้าเย่อหยิ่ง แม้ว่าจะต้องตัดสินชี้ขาดความเป็นความตายในสมรภูมิรบ เขายังคงไม่กล้าเสียมารยาท กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ชื่อเสียงของผู้อาวุโสข้าน้อยได้ยินมานาน เรื่องราววีรกรรมของกองทัพมังกรเขียวก็เป็นสิ่งที่ข้าเลื่อมใสมาตลอดชีวิต เสียดาย ชาตินี้ต่างมีนายคนละคน จึงต้องสู้กับผู้อาวุโส”

สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว ชื่อหม่าเจิ่นเหวินนับว่าไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย กระทั่งผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่ว่า ระดับอ๋องเทพรุ่นอาวุโสที่อยู่ในกองทัพที่มีไพรพลสิบล้านเมื่อได้ยินชื่อนี้แล้วถึงกับร้องเสียงหลงออกมา “ขุนพลอาชาเหินหาวของราชันเซียนเหรินเสียน!”

แม้ว่าผู้คนจำนวนมากจะไม่เคยได้ยินชื่อหม่าเจิ่นเหวินมาก่อน แต่ว่ารุ่นอาวุโสจำนวนไม่น้อยกลับเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

ถึงแม้ขุนพลอาชาเหินหาวจะไม่ใช่ขุนพลที่แข็งแกร่งมากที่สุดใต้บังคับบัญชาของราชันเซียนเหรินเสียน แต่เขากลับเป็นผู้ที่มีผลงานการสู้รบที่สูงที่สุดในบรรดาขุนพลที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของราชันเซียนเหรินเสียน เขาเคยทำลายล้างสิบพรรคแปดแคว้นหนึ่งสำนักราชันเซียนภายในค่ำคืนเดียว ด้วยผลงานการสู้รบเช่นนี้ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดัง สยบเก้าแดน และได้รับฉายา “ขุนพลอาชาเหินหาว” นับแต่นั้นเป็นต้นมา

“ดีมาก งั้นมาสู้กันเลย วันนี้พรรคเซียนเหินพวกเจ้าต้องถูกทำลายล้างแน่นอน!” เทพแท้จริงสยบโลกากล่าวน้ำเสียงเรียบเฉยออกมา การทำลายล้างพรรคเซียนเหินเมื่อออกจากปากของเขาแล้วเสมือนหนึ่งเป็นเรื่องที่ธรรมดามากเรื่องหนึ่ง

ถ้าหากคำพูดลักษณะเช่นนี้ออกจากปากคนอื่น บรรดาขุนพลของพรรคเซียนเหินต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่นอน แต่ว่ามาคราวนี้ ไม่ว่าจะเป็นหม่าเจิ่นเหวิน หรือแม่ทัพคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมา

หม่าเจิ่นเหวินที่อยู่ในฐานะขุนพลอาชาเหินหาวเคยได้ยินวีรกรรมของกองทัพมังกรเขียว และเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเทพแท้จริงสยบโลกามาก่อน มันคือกองทัพที่สามารถต้านได้แม้กระทั่งกองทัพอเวจี ย่อมสามารถท้าสู้กับพรรคเซียนเหินของพวกเขาอย่างแท้จริง กระทั่งเรียกได้ว่า แม้แต่หม่าเจิ่นเหวินที่แข็งแกร่งปานนี้ ในใจของพวกเขาก็ไม่มั่นใจพอ

“ตั้งค่ายกล” เวลานี้หม่าเจิ่นเหวินไม่กล่าวมากความ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ร้องคำรามเสียงยาวออกมา

เสียง “แว้งค์” ดังขึ้น ทันใดนั้นเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ได้พวยพุ่งประกายศักดิ์สิทธิ์ไม่มีสิ้นสุดออกมา โดยที่ประกายศักดิ์สิทธิ์ไม่มีสิ้นสุดนี้ได้ทำการปกปักษ์รักษาลงไปที่กองทัพราชันเซียนทั้งแปดของพรรคเซียนเหิน ทำให้ยอดฝีมือทุกคนที่อยู่ในกองทัพถูกคลุมด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์ พลันกลายเป็นสวมชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์เหมือนเป็นเทพสวรรค์อย่างนั้น

“ตูม” อานุภาพราชันเซียนได้ปะทุขึ้นมา กองทัพทั้งแปดพลันรวมเข้าด้วยกัน หัวขบวนและท้ายขบวนเชื่อมเข้าด้วยหากัน กลายเป็นวงกลมที่ทรงพลังยิ่งนัก ในเวลานี้ ภายใต้ค่ายกลกองทัพทั้งแปดลักษณะเช่นนี้เหมือนว่าเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์เหมือนได้หายไปแล้วอย่างนั้น ทอดสายตามองออกไปเหมือนหนึ่งเป็นภูเขาดาบป่าทวน เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์กลับกลายเต็มไปด้วยการเข่นฆ่าสังหาร เวทีทั้งเวทีดุจดั่งถูกค่ายกลของกองทัพทั้งแปดปิดกั้นเอาไว้

ท่ามกลางการปิดกั้นของสุดยอดค่ายกลเช่นนี้ คิดจะบุกทะลวงออกมาจากด้านในคงยากประสบผลสำเร็จ

“สิบแปดค่ายกลมังกรเขียว!” ต่อให้เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ทั้งเวทีถูกปิดกั้นอย่างกะทันหัน ต่อให้เป็นภูเขาดาบทะเลเพลิง ท่าทีของเทพแท้จริงสยบโลกายังคงมีปฏิกิริยาที่เรียบเฉย เพียงสั่งการออกไปด้วยท่าทีเฉยเมย

“แช้งค์” ทันใดนั้นกองทัพมังกรเขียวพลันตั้งเป็นค่ายกลขึ้นมา กองทัพมังกรเขียวได้กลับกลายเป็นมังกรสีเขียวตัวหนึ่ง โดยมังกรเขียวที่ใหญ่โตมโหฬารตัวนี้ได้ยึดครองพื้นที่อยู่กลางเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์เอาไว้

หลังจากที่กองทัพทั้งแปดของพรรคเซียนเหินได้ทำการปิดกั้นเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์แห่งนี้ไว้แล้ว กองทัพทั้งแปดของพรรคเซียนเหินได้ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่สำหรับการเข่นฆ่าที่น่ากลัวขึ้นมา ทุกย่างก้าวของสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยปณิธานการฆ่า ทุกที่เปี่ยมด้วยเงาของมีดดาบและเกาทัณฑ์ ทุกที่ล้วนแล้วแต่ภูเขาดาบทะเลเพลิง

“ตึง” เสียงคำรามจากการเคลื่อนไหวของดาบและกระบี่ ทันใดนั้น กองทัพราชันเซียนของพรรคเซียนเหินพลันปรากฎขึ้นมาอย่างไร้ร่องรอย และกลับกลายเป็นค่ายกลดาบ ซึ่งค่ายกลดาบดังกล่าวคล้ายดั่งดาบเป็นหมื่นพันเล่มที่เฉือนไปยังส่วนท้องของกองทัพมังกรเขียวที่บัดนี้ได้กลายเป็นมังกรเขียวตัวหนึ่งแล้วนั่น

ค่ายกลดาบลักษณะเช่นนี้เหมือนว่าสามารถเฉือนร่างของทุกคนที่อยู่ในสมรภูมิรบให้กลายเป็นชิ้นเนื้อ ทั้งยังเป็นการเฉือนให้เป็นชิ้นเนื้อบางๆ เมื่อถูกกเฉือนออกมาแล้ว ชิ้นเนื้อแต่ละชิ้นยังสามารถเคลื่อนไหวกระดิกตัวได้

จังหวะที่ค่ายกลดาบที่พุ่งเข้ามาเฉือน ปรากฏเสียงมังกรคำรามดังไม่ขาดสาย สำแดงค่ายกล “มังกรเหินฟ้า” มังกรเขียวได้เหินฟ้าขึ้นไป แม้ว่ากองทัพทั้งแปดของพรรคเซียนเหินได้ทำการปิดกั้นเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์เอาไว้แล้วก็ตาม แต่ว่า ยังคงไม่สามารถขวางมังกรเขียวขนาดยักษ์ตัวนี้เอาไว้ได้

เมื่อมีการสำแดงสิบแปดค่ายกลมังกรเขียวขึ้นมา ค่ายกลนี้สามารถเหินฟ้าดำดินได้ สามารถหลีกหนีจากการถูกพันธนการได้ การกระโดดขึ้นไปพลันหลบหลีกค่ายกลดาบไปได้

“กรรร” เสียงมังกรคำรามดังก้องเก้าชั้นฟ้า มังกรเขียวที่กระโดดเหินฟ้าขึ้นไปได้พุ่งจิกหัวลงมา “ปัง” กงเล็บมังกรได้ตะปบลงบนเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์อย่างแรง เสียงแตกหักดังขึ้นจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว หลักกฎเกณฑ์แต่ละข้อที่สลักเอาไว้พลันถูกทำลาย

ค่ายกลดาบกองทัพราชันเซียนของพรรคเซียนเหินยังไม่ทันได้หลบหนีเพื่อพรางตัวก็ถูกมังกรเขียวตัดเส้นทางหนีได้เสียก่อน เห็นกรงเล็บที่แหลมคมของมังกรเขียวที่จิกลงไป กรงเล็บอันแหลมคมพลันจิกทะลุอกของยอดฝีมือกองทัพราชันเซียนของพรรคเซียนเหินแต่ละคนไป!

“ปุ” เลือดสดๆ แตกกระจาย ขุนพลของกองทัพทั้งแปดของพรรคเซียนเหินบางคนหลบหนีไม่ทัน ถูกมังกรเขียวจับฉีกร่างเป็นสองท่อน เลือดสดๆ ที่แตกกระจาย ไม่ทันได้ร้องออกมาด้วยซ้ำ

“ตูม” เสียงดังสนั่นขึ้นมา เมื่อกองทัพทั้งแปดของพรรคเซียนเหินเผชิญกับการโจมตีอย่างหนักหน่วงจากมังกรเขียว จึงได้ทำการตอบโต้เช่นกัน พวกเขาพลันแปรเปลี่ยนค่ายกลกลายเป็นตราประทับสยบฟ้า โดยที่ตราประทับสยบฟ้าได้พุ่งสยบลงมาจากบนท้องฟ้าเข้าสังหารกองทัพมังกรเขียว

ขณะที่ตราประทับสยบฟ้าพุ่งโจมตีลงมานั้น ปรากฏท้องฟ้ามืดคลิ้มลงในทันที ตราประทับสยบฟ้าพลันสยบเหล่าชั้นฟ้าเอาไว้ อีกทั้งบนตัวของตราประทับสยบฟ้าปรากฎเหล่าเทพที่เทศนาธรรมอยู่บนนั้น มีรอยประทับของราชันเซียน เหมือนราชันเซียนได้มีโองการลงมา ภายใต้โองการนี้ ภูตผีปีศาจล้วนแล้วแต่กลายเป็นเถ้าธุลีอย่างแน่นอน

โองการราชันกอปรด้วยพลังอำนาจสูงสุดในตราประทับสยบฟ้า ไม่อนุญาตให้ผู้ใดขัดขืนได้ ไม่ว่าพลังนั้นจะแข็งแกร่งทรงพลังเช่นใด เมื่ออยู่ภายใต้โองการ ภายใต้การโจมตีของตราประทับสยบฟ้าแล้ว ก็ต้องหมอบคลานภายใต้ฟ้าดิน

“โฮ่ววว” มังกรเขียวคำรามเสียงดังเมื่อต้องเผชิญกับการสยบและสังหารเช่นนี้ พลันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายมังกรตลบอบอวลไปทั่วฟ้าดิน ในเวลานี้ความเร็วของมังกรเขียวรวดเร็วจนมองเห็นได้ไม่ชัดเจน

ได้ยินเสียงดัง “ปัง” ตราประทับสยบฟ้าที่สยบและโจมตีลงมาพลันถูกฉีกจนกระจุย จากนั้นตามมาด้วยเสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้น มังกรเขียวเสมือนหนึ่งได้กลายร่างเป็นมังกรเขียวหกตัว แยกโจมตีไปทุกทิศทุกทาง พลันทำลายสุดยอดค่ายกลของกองทัพทั้งแปดจนสิ้น

นี่แหละคือ “สิบแปดค่ายกลมังกรเขียว เริ่มสำแดงตั้งแต่ “มังกรโรมรันกลางไพร” ฉับพลันได้สำแดงไปถึง “ขับเคลื่อนมังกรทั้งหก”!

ทันใดนั้น กองทัพทั้งแปดของพรรคเซียนเหินได้ปรากฎตัวขึ้นที่เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์อีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าค่ายกลของกองทัพทั้งแปดพวกเขาจะทรงพลังยิ่ง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสิบแปดค่ายกลมังกรเขียวของกองทัพมังกรเขียวแล้วยังห่างชั้นอีกมาก

เป็นดั่งที่เทพแท้จริงสยบโลกากล่าวเอาไว้อย่างนั้น แปดกองทัพราชันเซียนพรรคเซียนเหินของพวกเขาเรียกได้ว่าเหลือเพียงชื่อเท่านั้น ไม่เหมือนครั้งกระนั้นอีกต่อไป แม้ว่าพวกเขาสามารถจัดตั้งเป็นสุดยอดค่ายกลขึ้นมาได้ แต่พลังก็ด้อยลงไปไม่น้อยทีเดียว ขณะที่ “สิบแปดค่ายกลมังกรเขียว” นั้นเรียกได้ว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง เมื่อมันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งนั้น พลังอำนาจยังไม่ด้อยไปกว่าครั้งนั้น

“โฮ่ววว” มังกรเขียวทั้งหกคำรามเสียงดังไม่ขาดสาย พุ่งชนอุตลุดท่ามกลางเวทีตู่สู้ดึกดำบรรพ์นั่น รับมือสู้กับกองทัพราชันเซียนทั้งแปด ในขณะนี้เข่นฆ่าสังหารจนแปดกองทัพราชันเซียนแตกพ่ายกระเจิง

“ฆ่า” ต่อให้แปดกองทัพราชันเซียนสู้ “สิบแปดค่ายกลมังกรเขียว” ของกองทัพมังกรเขียวไม่ได้ แต่ว่ากองทัพทั้งแปดยังคงยืนหยัดต่อสู้อย่างทรหด บุกเข้าโจมตีเป็นระลอกๆ และต้านทานการบุกของกองทัพมังกรเขียวเป็นระลอก

“ฆ่ามัน” ขณะที่กองทัพพันธมิตรทีมีไพรพลสิบล้านที่อยู่บนเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ด้วยสบโอกาส จึงคำรามเสียงดังและเข้าร่วมในสมรภูมิรบทันที พวกเขาตามหลังกองทัพมังกรเขียวคอยเก็บตกบรรดาศิษย์พรรคเซียนเหินที่แตกพ่ายเหมือนดั่งหมาตกน้ำ

เป็นการพลิกกลับสถานการณ์การสู้รบอีกครั้ง นับเป็นข่าวดีที่ยิ่งใหญ่สำหรับกองทัพพันธมิตรที่มีไพร่พลสิบล้าน ทำให้พวกเขามีจิตที่ฮึกเหิมและจุดประกายปณิธานการต่อสู้ขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการกลับสู่สมรภูมิสู้รบอีกครั้ง

แต่เดิม กองทัพทั้งแปดของพรรคเซียนเหินไม่มองกองทัพพันธมิตรที่มีไพรพลสิบล้านของไห่หลินอยู่ในสายตา แต่ว่า เวลานี้กลับถูกพวกเขาเล่นงานขณะกำลังเสียเปรียบ ทำให้นักรบของจำนวนไม่น้อยของพรรคเซียนเหินต้องกัดฟันกรอด แต่ว่า กำลังหลักของพวกเขาเน้นอยู่กับการต่อต้านกองทัพมังกรเขียว ไม่มีเวลามาสนใจกับกองทัพพันธมิตรของไห่หลิน!

“อ๊ากก” เสียงร้องที่น่าเวทนาดังขึ้นเป็นระยะ กองทัพของพรรคเซียนเหินตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบอีกครั้ง แม้จะมีกองทัพทั้งแปดอยู่ด้วยยังคงถูกสยบโดยกองทัพมังกรเขียว ยามเมื่อ “สิบแปดค่ายกลมังกรเขียว” อาละวาดขึ้นมา กองทัพราชันเซียนทั้งแปดของพรรคเซียนเหินไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย ถูกตีพ่ายจนต้องล่าถอยไปเรื่อยๆ !

ในเวลานี้ พรรคเซียนเหินได้รับความเสียหายอย่างหนัก ศิษย์พรรคเซียนเหินจำนวนไม่น้อยถูกตีพ่ายจนล่าถอยเรื่อยๆ โดยเฉพาะกล่าวสำหรับทหารเก่าของกองทัพราชันเซียนแล้ว ลักษณะที่ถูกตีพ่ายถอยร่นไปเรื่อยๆ เช่นนี้นับเป็นความอัปยศยิ่งนัก

“ตั้งค่ายกล” ในที่สุดผู้ที่ควบคุมสั่งการของพรรคเซียนเหินเห็นสภาพเช่นนี้แล้วไม่สามารถอดทนต่อไปได้ คำรามเสียงดังออกมาว่า “ประสานลมปราณ!”

บรรดาพลพรรคของกองทัพทั้งแปดที่อยู่ในสมรภูมิรบต่างไม่ลังเลที่จะพวยพุ่งเอาพลังลมปราณทั้งหมดของตนออกมา หลังจากได้รับคำสั่งแล้ว โดยให้พลังลมปราณทั้งหมดเทไปยังเวทีการต่อสู้ดึกดำบรรพ์

กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่มีทางเลือก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ไม่ก็ถูกกองทัพมังกรเขียวทำลายสิ้น ไม่ก็เสี่ยงกับมันสักตั้ง

กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว การเสี่ยงกับมันสักตั้งแม้ต้องแลกมาด้วยค่าตอบแทน แต่อย่างน้อยยังมีความหวัง ไม่แน่นักเมื่อพวกเขาสำแดงท่าไม้ตายออกมาอาจสามารถเอาชนะกองทัพมังกรเขียวได้ ทำลายล้างกองทัพมังกรเขียวจนสิ้น ปิดฉากตำนานได้เรื่องหนึ่ง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล