ประกายที่พวยพุ่งออกมาจากเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์พลันกลับกลายเป็นมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ยามที่ประกายลักษณะเช่นนี้พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้านั้น กระทั่งท้องฟ้ายังถูกย้อมให้ส่งประกายศักดิ์สิทธิ์ออกมา เหมือนว่าทั่วฟ้าดินล้วนแล้วแต่ปรากฎพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ระยิบระยับอย่างนั้น ทั่วมหาสมุทรอุดรเหมือนถูกความศักดิ์สิทธิ์ทำให้บริสุทธิ์ภายในระยะเวลาอันสั้น
เสียงดังเปรี๊ยะๆ ดังขึ้นเป็นระลอก บนท้องฟ้าปรากฏประกายที่แวบวับ เหมือนว่ากำลังจะมีสิ่งมีชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนจะลงมาจากท้องฟ้าอย่างนั้น อีกทั้งขณะที่ประกายเช่นนี้ส่งแสงระยิบระยับนั้น ทั่วเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ตลบอบอวลไปด้วยพลังสวรรค์ลงทัณฑ์เอาไว้อย่างนั้น
“ตูม” เสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะนี้เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์เหมือนถูกเคลือบด้วยประกายที่สูงสุดเอาไว้ มันได้ดึงเอาพลังทั้งหมดจากสิบทิศออกมาโดยพลัน!
ควรจะทราบว่า เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ของพรรคเซียนเหินได้รับการสนับสนุนจากเส้นชีพจรใต้ดินมหาสมุทรอุดรจำนวนสิบเส้น ตัวของเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์นอกจากจะปูด้วยศิลาแกร่งระดับราชันเซียนแล้ว ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ การอาศัยพลังแก่นฟ้าดินที่น่าเกรงขามมาเป็นตัวสำแดงพลังที่ยิ่งใหญ่ไพศาลนี้
นาทีนี้ เมื่อเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ได้ดึงเอาพลังแก่นฟ้าดินของเส้นชีพจรใต้ดินสิบเส้นมาไว้ทั้งหมด ทำให้เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์มีน้ำหนักและความหนาเพิ่มขึ้น เหมือนว่ามหาสมุทรอุดรทั้งหมดถูกหลอมกลั่นให้กลายเป็นเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์อย่างนั้น ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ นาทีนี้เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์มีพลังทั้งหมดของมหาสมุทรอุดรอยู่ในครอบครอง เหมือนหนึ่งได้สยบและควบคุมทั่วฟ้าดินเอาไว้!
“แว้งค์” ทันใดนั้นเอง เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์พวยพุ่งเปลวไฟที่ไม่มีสิ้นสุดออกมา ทุกๆ เปลวไฟเหมือนดั่งน้ำตกสวรรค์ที่พุ่งขึ้นไปรุนแรง เปลวไฟแต่ละสายก็เสมือนดังการลงทัณฑ์ของสวรรค์อย่างนั้น
เวลานี้ ปรากฏร่างเงาที่สูงใหญ่ขึ้นที่เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์ มนุษย์ผู้นี้ดูเหมือนเป็นทูตสวรรค์ มีความสูงนับหมื่นจ้าง ทั่วตัวปรากฎประกายเปลวไฟที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจลบหลู่ออกมา ด้านหลังมีปีกที่คุโชนถึงสิบปีก
เมื่อปีกทั้งสิบปีกกางออกมา สามารถครอบคลุมแดนมนุษย์กษัตราเอาไว้ทั้งหมด เหมือนว่าให้เขาเป็นผู้บงการทั่วทั้งแดนมนุษย์กษัตรา ให้เขาเป็นผู้สอบสวนและตัดสินสรรพชีวิตของแดนมนุษย์กษัตราอย่างนั้น
สิ่งมีมีชีวิตที่มีความสูงหมื่นจ้างมีปีกสิบปีกในมือถือกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง กระบี่เล่มนี้ยาวพันจ้าง โดยเป็นกระบี่ที่เกิดจากสัจธรรมสวรรค์และหลักกฎเกณฑ์ทักทอเข้าด้วยกัน ที่น่าสยองมากกว่าก็คือกระบี่ที่ยาวพันจ้างเล่มนี้ได้สะสมพลังที่จะสอบสวนและตัดสินลงโทษปริมาณมหาศาล โดยที่พลังสายนี้ไม่ได้มาจากสัจธรรม ไม่ได้มาจากสรรพวิชา แต่พลังสายนี้มาจากสวรรค์
เหมือนว่านี่คือกระบี่สำหรับลงทัณฑ์เล่มหนึ่ง ขอเพียงมันฟาดฟันลงมาก็เท่ากับเป็นตัวแทนพิจารณาความของสวรรค์ แทนปณิธานของสวรรค์ ดังนั้น กระบี่เล่มนี้จึงเป็นตัวแทนของผู้ปราศจากผู้ต่อกร ไม่ว่าจะเป็นผู้ดำรงอยู่ในสถานะใดก็ไม่สามารถต่อต้านกับเขาได้!
เซียนทำลายล้างสิบทิศก็คือหนึ่งในไพ่ตายของพรรคเซียนเหิน ค่ายกลนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยราชันเซียนของพรรคเซียนเหิน และไม่ใช่สุดยอดวิชาของพรรคเซียนเหิน มันถูกสืบทอดอยู่ในยุคศักราชที่ดึกดำบรรพ์มาก
เพื่อต้องการต่อสู้กับอีกาทมิฬ มือมืดที่อยู่ด้านหลังพรรคเซียนเหินจึงได้ใช้ค่ายกลที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน เนื่องจากมือมืดที่อยู่ด้านหลังพรรคเซียนเหินมองว่า อีกาทมิฬรู้อย่างทะลุปรุโปร่งในสุดยอดวิชาของห้าราชันเซียนพรรคเซียนเหิน กระทั่งมีราชันเซียนสององค์เคยได้รับการชี้แนะจากอีกาทมิฬ ดังนั้น หากอาศัยสุดยอดวิชาของพรรคเซียนเหินมาจัดการกับอีกาทมิฬเท่ากับเป็นการสอนจระเข้ว่ายน้ำ
เหตุนี้เอง มือมืดที่อยู่ด้านหลังพรรคเซียนเหินจึงได้นำเอา “เซียนทำลายล้างสิบทิศ” ซึ่งเป็นค่ายกลที่ไม่เคยปรากฏในโลกหล้ามาก่อน ต่อให้ค่ายกลนี้สังหารอีกาทมิฬไม่ได้ แต่มือมืดที่อยู่ด้านหลังพรรคเซียนเหินก็คาดหวังอาศัยค่ายกลนี้มาขวางกองทัพของอีกาทมิฬเอาไว้
แน่นอน สำหรับพรรคเซียนเหินแล้ว เมื่อใดที่สำแดงค่ายกลนี้ก็ต้องแลกด้วยค่าตอบแทนแทนเช่นกัน เนื่องจากค่ายกลนี้เป็นการอาศัยหยิบยืมพลังของเส้นชีพจรใต้ดิน แล้วยังต้องอาศัยลมปราณจากศิษย์พรรคเซียนเหินนับล้านคนมานำพาค่ายกลนี้ เป็นการบ่งบอกว่าลมปราณของศิษย์ทั้งหมดที่อยู่ในกองทัพทั้งแปดของพรรคเซียนเหินต้องถูกนำมาหลอมรวมเข้าด้วยกันกับค่ายกลนี้ และหลอมรวมกับพลังแก่นฟ้าดินของเส้นชีพจรใต้ดิน
การนำเอาลมปราณหลอมรวมเข้าไปอยู่ในค่ายกล หากต่อสู้ยืดเยื้อย่อมส่งผลทำให้ศิษย์ของกองทัพราชันเซียนพรรคเซียนเหินต้องแห้งเหือดกระทั่งแก่ชราลง หากรายที่รุนแรงอาจถึงขั้นอายุขัยเหือดแห้งและเสียชีวิตได้
แต่ว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพมังกรเขียวที่ปราศจากผู้ต่อกร พรรคเซียนเหินเองก็หมดทางเลือก ได้แต่อาศัย “เซียนทำลายล้างสิบทิศ” มารับมือ!
เสียง “แช้งค์” ดังขึ้น ทันใดนั้นกระบี่ที่ยาวเป็นพันจ้างได้ฟาดฟันลงมา หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมาแทนการตัดสินความ! หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมาแทนปณิธานของสวรรค์ ยากที่จะขัดขืน
“ถอย” เทพแท้จริงสยบโลกาตวาดเสียงทุ้มต่ำออกไปเมื่อเห็นกระบี่นี้ฟาดฟันลงมา เขาหมายถึงให้กองทัพไพร่พลสิบล้านของพวกไห่หลินถอนตัวออกมา เนื่องจากกระบี่นี้ฟาดฟันเข้าหากองทัพพันธมิตรนั่นเอง
กองทัพพันธมิตรที่มีไพรพลสิบล้านต่างรู้สึกหวาดผวาเมื่อเห็นกระบี่ที่ฟาดฟันลงมา กระบี่นี้ยากที่จะรับมือ หนึ่งกระบี่นี้หอบเอาปณิธานของสวรรค์มาด้วย หนึ่งกระบี่นี้เป็นการฟาดฟันลงมาโดยอาศัยการตัดสินลงทัณฑ์ที่มาจากสวรรค์
กองทัพพันธมิตรที่มีไพรพลสิบล้านต้องการหันหลังกลับและวิ่งหนี แต่ว่านาทีนี้ทุกอย่างได้สายเกินไปเสียแล้ว เนื่องจากภายใต้กระบี่นี้ไม่อนุญาตให้พวกเขาหลบหนีได้อยู่แล้ว และพวกเขาก็ไม่มีกำลังพอที่จะหลบหนี
“อ๊ากก” เสียงที่น่าเวทนาดังขึ้น เลือดสดๆ กระจาย ทำให้เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์กลายเป็นเหมือนดั่งเป็นทะเลเลือดโดยพลันอย่างนั้น ยามที่เลือดสดๆ ปริมาณมหาศาลพวยพุ่งกระจายขึ้นมา มันก็คล้ายดั่งเป็นการวาดภาพด้วยการสาดสีอย่างนั้น ทำให้เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์กลายเป็นสมรภูมิเลือด กลิ่นคาวเลือดสดๆ ที่ไหลย้อมเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ดูสะดุดตายิ่งนัก เป็นที่สยดสยองสะเทือนขวัญอย่างยิ่ง
ภายใต้หนึ่งกระบี่ กองทัพพันธมิตรที่มีไพรพลสิบล้านเกือบจะหมดทั้งกองทัพ เหลือเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น นับว่าเป็นที่สังเวทใจยิ่งนัก เกรงว่าผู้ผ่านเหตุการณ์นี้มากับตัวและรอดชีวิตจากการศึกครั้งนี้ คงเป็นความเจ็บปวดที่ฝังลึกเข้าไปอยู่ในใจและไม่สามารถลบเลือนไปได้ตลอดชีวิต
แม้ว่ากองทัพพันธมิตรของพวกไห่หลินจะยกย่องว่าพวกตนมีไพร่พลสิบล้าน ความจริงแล้วมีจำนวนไม่ถึงสิบล้าน จำนวนที่รับประกันแน่นอนน่าจะอยู่ที่ราวห้าถึงเจ็ดล้านคน หลังจากศึกตะลุมบอนแล้วครั้งหนึ่ง ต่อให้กองทัพพันธมิตรที่มีไพรพลสิบล้านสูญเสียหนักหนาสาหัสอย่างไรก็ตาม เกรงว่ายังคงมีจำนวนอยู่ราวสามถึงสี่ล้านคน
แต่ว่า เวลานี้จากหนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมา ปรากฏว่าเหลือรอดเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น จำนวนกอทัพพันธมิตรที่เหลือรอดคงมีเพียงสองถึงสามแสนคนเท่านั้นเอง ช่างเป็นฉากที่น่าสยดสยองยิ่งนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...