ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1673

ตอนที่ 1673 หนึ่งสัจธรรมสืบทอดห้าราชันเซียน
เมื่อสุดยอดสัจธรรมสูงสุดของหลงอ้าวเทียนถูกปูลาดออกมา ถึงกับปรากฏร่างเงาของราชันเซียนทั้งห้าขึ้นมา ประกอบด้วยราชันเซียนเฟย ราชันเซียนฉานหลง ราชันเซียนทุนเย่อ ราชันเซียนป้าเมียด และราชันเซียนเหรินเสียน

สุดยอดสัจธรรมของราชันเซียนทั้งห้าก็ปรากฏขึ้นพร้อมกันในเวลาเดียวกัน สุดยอดสัจธรรมของพวกเขาได้ถักทอเข้าด้วยกัน จากนั้น ได้กลับกลายเป็นสุดยอดสัจธรรมสูงสุดของหลงอ้าวเทียน

หนึ่งสัจธรรมสืบทอดห้าราชันเซียนก็คือสุดยอดสัจธรรมสูงสุดของหลงอ้าวเทียน สัจธรรมของเขาได้สืบทอดปณิธานของห้าราชันเซียน เขามีความทะเยอทะยานต้องการเป็นราชันเซียนองค์ที่หกของพรรคเซียนเหิน กระทั่งล้ำหน้ากว่าราชันเซียนทั้งห้าก่อนหน้านี้ นี่แหละคือความทะเยอทะยานของหลงอ้าวเทียน!

หนึ่งสัจธรรมสืบทอดห้าราชันเซียน สนับสนุนด้วยห้าราชันเซียน ทันใดนั้น อานุภาพราชันเซียนที่น่ากลัวยิ่งได้อาละวาดฟ้าดิน เหมือนหนึ่งราชันเซียนทั้งห้าปรากฏตัวบนโลกมนุษย์อย่างนั้น ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่มองเห็นภาพอันน่ากลัวนี้แล้วรู้สึกหวาดกลัวในใจจนเข่าอ่อนทั้งสองข้าง

“เกรงว่าคงมีเพียงหลงอ้าวเทียนเท่านั้นที่สามารถคิดค้นสัจธรรมเช่นนี้ขึ้นมาได้” กระทั่งระดับจักรพรรดิเทพเมื่อได้เห็นสัจธรรมลักษณะเช่นนี้แล้วยังต้องนับถือด้วยความจริงใจ

“หนึ่งสัจธรรมสืบทอดห้าราชันเซียน เป็นแนวความคิดที่ไม่เลว เสียดาย ยังคงก้าวเดินตามวิถีทางที่คนรุ่นก่อนเดินเอาไว้ ต่อให้เจ้าได้เป็นราชันเซียนจริงๆ ก็ไม่สามารถทะลวงบุคคลก่อนหน้าได้ ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงก้าวล้ำหน้าราชันเซียนเฟย ปฐมบรรพบุรุษของพวกเจ้า” เมื่อหลี่ชิเย่มองเห็นสัจธรรมของหลงอ้าวเทียนแล้วยิ้มกล่าวขึ้นมา

“ฟังจากศิษย์น้องว่า เจ้าหนึ่งหมัดสยบหมื่นยุค วันนี้ข้าก็จะวัดว่าใครจะเหนือกว่า” หลงอ้าวเทียน กล่าวด้วยท่าทีมั่นใจเต็มเปี่ยม จิตแห่งการบำเพ็ญเพียงที่แข็งแกร่งมั่นคง กล่าวด้วยท่าทีที่มั่นคง

หลงอ้าวเทียนก็รับรู้ถึงเรื่องที่หลินเทียนตี้พ่ายแพ้ในครั้งนั้น ความจริงแล้ว หลี่ชิเย่ในเวลานั้นยังไม่สำเร็จสัจธรรมด้วยซ้ำ มาวันนี้สัจธรรมของเขาใช่ว่าครั้งนั้นสามารถนำมาเทียบเคียงได้

“ได้ ข้าจะสงเคราะห์เจ้า อาศัยโชคชะตาและความสามารถเช่นนี้ของเจ้า นับว่าสามารถให้เจ้าได้เห็นสัจธรรมของข้า มิฉะนั้นล่ะก็เจ้าคงนอนตายตาไม่หลับ!” หลี่ชิเย่เองก็ไม่เสียดาย ยิ้มกล่าวออกไป

เสียง “แว้งค์” ดังขึ้น จากนั้นลัคนาปรากฏขึ้นมาทีละหนึ่งๆ “ตูม” ปรากฎสิบสามลัคนาลอยอยู่บนอากาศ ทันใดนั้นได้กลับกลายเป็นความขมุกขมัวที่ไม่มีสิ้นสุดขึ้นมา

“สิบสามลัคนา” ไม่ว่าใครก็ตามหากมีโอกาสก็จะไม่ยอมปล่อยให้ต้องพลาดภาพเช่นนี้ มันคือความมหัศจรรย์ที่ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่มีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนานก็็เพิ่งจะได้เคยเห็นความมหัศจรรย์เช่นนี้เป็นครั้งแรก

“ภาพเช่นนี้มองเท่าไรก็ไม่รู้จักเบื่อ” แม้แต่ผู้ที่แก่จนสมควรจะตายและทำการผนึกร่างฝังเอาไว้นานจนนับไม่ถ้วนยังอดที่จะลุกขึ้นนั่ง และกล่าวทอดถอนใจออกมา

สีหน้าของหลงอ้าวเทียนก็ดูจะไม่สู้ดีนัก เมื่อมองเห็นสิบสามลัคนาของหลี่ชิเย่ ไม่ว่าจิตใจของหลงอ้าวเทียนจะอยู่ในสภาพเช่นใดก็ตาม ในเวลานี้เขาต้องยอมรับสิบสามลัคนามีความแข็งแกร่งยิ่งนัก

หลงอ้าวเทียนมีผลงานที่น่าทึ่งมากมาย รวมจุดเด่นห้าราชันเซียนกับตัว สำเร็จกายเซียนเหินขั้นสมบูรณ์ ผู้ชนะเลิศสิบรายการ…ต่างๆ เป็นต้น แต่เมื่อต้องเทียบกับสิบสามลัคนาที่อยู่ตรงหน้าแล้ว นับว่าสลดและอับแสงโดยแท้

ผลงานเหล่านี้ของหลงอ้าวเทียนใช่ว่ามีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่ทำได้ คนอื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน กระทั่งเคยมีบุคคลก่อนหน้าที่สามารถทำได้ดีกว่ายอดเยี่ยมกว่า อย่างไรก็ตาม สิบสามลัคนาของหลี่ชิเย่นั้นคือสิ่งมหัศจรรย์นับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และมีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่มีผลงานเช่นนี้ ลำพังแค่ผลงานเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้หลี่ชิเย่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ได้อย่างเข้มข้น!

ต่อให้วันข้างหน้าหลี่ชิเย่ไม่ได้เป็นราชันเซียนจริงๆ อาศัยผลงานสิบสามลัคนาของเขาก็สามารถถูกจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เฉกเช่นราชันเซียนอย่างนั้น!

เวลานี้ ท่ามกลางความขมุกขมัวเห็นคนผู้หนึ่งก้าวเดินมาช้าๆ ยามที่เขาก้าวเดินมานั้น หมื่นแดนถึงกับสลดอับแสงลง ฟ้าดินสัจธรรมล้วนแล้วแต่ต้องหมอบลงเพื่อเขา ไม่ว่าจะเป็นฟ้าดิน…สรรพสิ่งบนโลกทั้งหมดล้วนแล้วแต่ปล่อยให้เขาเป็นผู้ควบคุม ให้เขาเป็นผู้วิวัฒนาการ เหมือนว่าโลกหล้าปราศจากฟ้าดิน ปราศจากหยินและหยาง ปราศจากห้าธาตุ…แต่ปราศจากตัวเขาไม่ได้!

“ข้านี่แหละสวรรค์ที่แท้จริง” นี่คือการวิวัฒนาการของสิบสามลัคนา เวลานี้ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ถึงขีดสูงสุด ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเป็นขีดสูงสุดที่ใครก็เอื้อมไปไม่ถึง

“ต้องการเห็นสัจธรรมของข้าใช่มั้ย” หลี่ชิเย่ได้กลับกลายเป็นข้านี่แหละสวรรค์ที่แท้จริง และกล่าวว่า “งั้นก็ให้เจ้าได้เห็น”

ขาดคำ เสียง “แว้งค์” ดังขึ้น สัจธรรมชิเย่ สุดยอดสัจธรรมสูงสุดของหลี่ชิเย่ได้ถูกคลี่ออก! ภายในสัจธรรมนี้กำลังวิวัฒนาการตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน วิวัฒนาการกาลเวลา วิวัฒนาการสิ่งมีชีวิต วิวัฒนาการเหล่าเทพ วิวัฒนาการสรรพสิ่ง…

เมื่อสัจธรรมเช่นนี้ถูกปูลาดออกมา ไม่มีฟ้าดินในโลกหล้าอีกต่อไป ไม่มีสวรรค์ โลกนี้เหลือไว้เพียงหลี่ชิเย่เท่านั้น ขอเพียงมีหลี่ชิเย่ก็จะมีทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มีชีวิต มีสรรพสิ่ง มีหยินและหยาง มีหกภพภูมิ มีเกิดตาย…

เวลานี้ หลี่ชิเย่และสัจธรรมของเขาแทนทุกสิ่งทุกอย่าง ปกครองทุกสิ่ง!

ยามที่ข้านี่แหละสวรรค์ที่แท้จริงปรากฏขึ้นมา ยามที่หลี่ชิเย่ ปูลาดสัจธรรมของเขาออกมา ทุกคนถึงกับรู้สึกสิ้นหวัง รู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก ไม่ว่าใครก็ตาม นาทีนี้เวลานี้ล้วนแล้วแต่รับรู้ได้ถึงช่วงห่างระหว่างตนกับหลี่ชิเย่ เป็นช่วงห่างที่ไม่มีวันก้าวล้ำไปได้เลย

ถ้าหากจะกล่าวว่าการฝึกฝนของพวกเขาเป็นการคลำหาและควบคุมหลักกฎเกณฑ์ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วหลี่ชิเย่คือผู้สร้างหลักกฎเกณฑ์ กฎเกณฑ์ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มาจากฝีมือของเขาทั้งสิ้น ด้วยความห่างเช่นนี้ มันเป็นคลองที่ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ตลอดกาล!

แม้แต่หลงอ้าวเทียนเองก็มีสีหน้าที่ดูไม่จืดถึงขีดสุด ต่อให้เขาเป็นผู้ที่มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่มั่นคงยิ่ง ต่อให้เขาเป็นผู้เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นในตนเองก็ตาม นาทีนี้ยังคงมีความรู้สึกสิ้นหวังอยู่หลายส่วน และภายใต้ความสิ้นหวังนี้ได้ทำให้สีหน้าของเขาถึงกับขาวซีดขึ้นมา!

คนที่สิ้นหวังใช่จะมีเพียงหลงอ้าวเทียนเท่านั้น ขอเพียงเป็นผู้ที่ได้เห็นภาพนี้แล้วต่างรู้สึกสิ้นหวังกันไป นี่หาใช่เป็นเพียงความห่างระหว่างสัจธรรมเท่านั้น นี่มันคือความห่างชั้นระหว่างสิ่งดำรงอยู่แล้ว หากเปรียบผู้บำเพ็ญตนคือมนุษย์ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วหลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าก็คือสวรรค์ ความห่างชั้นลักษณะเช่นนี้ คลองกั้นลักษณะเช่นนี้มันไม่สามารถชดเชยกันได้อีกแล้ว

ทุกคนต่างรู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างอ่อนแอเหลือเกินเมื่อต้องอยู่ตรงหน้าหลี่ชิเย่ ยามที่หลี่ชิเย่จ้องมองมาพวกเขาเปรียบประดุจมดปลวกที่อยู่บนพื้นเท่านั้น

“ฆ่า” ต่อให้ภายในใจของหลงอ้าวเทียนมีความสิ้นหวังอยู่ แต่ยังคงไม่หวาดหวั่นต่อการสู้รบ เขาคำรามเสียงดัง สัจอาวุธราชันเซียนในมือได้สำแดงออกไป สัจธรรมสูงสุดของเขามีความฮึกเหิมยิ่ง

“ตูม” เสียงดังสนั่นเกิดขึ้น ทันใดนั้นเหมือนหนึ่งว่าราชันเซียนทั้งห้าได้ลงมือพร้อมกัน ราชันเซียนเฟยที่ในมือถือพัดเฟยเซียนขนนกขาดหนึ่งเส้น ราชันเซียนฉานหลงสวมเสื้อไหมมังกร ราชันเซียนทุนเย่อมือถือทวนทุนเย่อ ราชันเซียนป้าเมียดถือดาบป้าเมียดในมือ ราชันเซียนเหรินเสียนในมือกุมกระบี่เหรินเสียน!

ห้าราชันเซียนลงมือพร้อมกัน ต่างกุมสัจอาวุธราชันเซียนของตนอยู่ในมือ นาทีนี้ทั่วทั้งแดนมนุษย์กษัตราถึงกับสั่นไหวโคลงแคลง อานุภาพราชันเซียนอาละวาดไปทั่วแดนมนุษย์กษัตรา สิ่งมีชีวิตนับล้านล้านชีวิตของแดนมนุษย์กษัตราต่างถึงกับหวาดกลัวจนตัวสั่นงันงก ภายใต้อานุภาพราชันเซียนที่อันธพาลและปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนต้องหมอบอยู่กับพื้น ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจว่าวันสิ้นโลกได้มาถึงแล้วภายใต้อานุภาพราชันเซียนทั้งห้า

“เสียดายไม่ใช่ราชันเซียนมาเองจริงๆ” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง สัจธรรมชิเย่สำแดงขึ้น สรรพชีวิตมีเกิดมีตาย เก้าแดนสวามิภักดิ์ ทันใดนั้น พลังจากเก้าแดนล้วนแล้วแต่กลับมาอยู่กับหลี่ชิเย่

เสียง “ตูม” ดังสนั่นทั่วทุกมุมของเก้าแดน ทันใดนั้นหลี่ชิเย่ปล่อยหมัดออกไปหนึ่งหมัด! หนึ่งหมัดนี้จัดการซัดเอาสรรพสิ่งในฟ้าดินกลับไปยังจุดดั้งเดิม หนึ่งหมัดสังหารสิ้นเหล่าเทพเทวาและราชัน ภายใต้หนึ่งหมัดโลกหล้ากลับสู่ความเงียบสงัด สิ่งมีชีวิตนับล้านล้านชีวิตสูญเสียการได้ยิน ไม่สามารถได้สติกลับมาเป็นเวลานาน

หมัดสยบสวรรค์! เมื่อสำแดงหมัดนี้ออกไป หมื่นแดนเงียบสงัด แม้แต่สวรรค์ยังพิโรธ ทันใดนั้นบนท้องฟ้าได้มีการรวมตัวกันของประจุอสนีบาตวิบากขึ้น และสายฟ้าได้ฟาดลงมาอย่างบ้าคลั่งส่งเสียงดังเปรี๊ยะเปรี๊ยะ โดยพุ่งเป้าไปยังหลี่ชิเย่ที่เป็นข้านี่แหละสวรรค์ แต่ไม่ทราบสาเหตุว่าเพราะอะไรจึงไม่โดนตัวของหลี่ชิเย่

ภายใต้หมัดๆ นี้เก้าแดนกลับสู่ความเงียบสงัด ทุกคนต่างสูญเสียจุดสนใจไป ทุกคนต่างมองไม่เห็นอะไร เหมือนว่านาทีนี้เก้าแดนล้วนแล้วแต่ผิดหวัง เหมือนว่าเก้าแดนล้วนแล้วแต่ถูกซัดจนกลับไปสู่จุดเดิมอย่างนั้น

เสียง “ปัง” ดังขึ้น เมื่อทุกคนได้สติกลับมาจากความเงียบสงัด เห็นเพียงหลงอ้าวเทียนถูกหมัดซัดเข้าให้จนตัวลอยออกไป หมัดนี้ทำเอาหลงอ้าวเทียนถึงกับกระอักเลือดออกมาอย่างแรง เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเลือด กระดูกแหลกละเอียดไปทั้งตัว

แต่ว่า หลงอ้าวเทียนนับเป็นบุรุษเหล็กคนหนึ่ง ต่อให้กระดูกแหลกไปทั้งร่างยังคงยืนตัวตรงอยู่ตรงนั้น อีกทั้งพลังลมปราณของเขากลับเข้าที่อย่างรุนแรง เพื่อซ่อมสร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่

ผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องเงียบสนิทกับภาพที่เห็นตรงหน้าเช่นนี้ หลงอ้าวเทียนพ่ายแพ้อีกครั้งทั้งยังเป็นการพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ล่มสลายภายใต้หมัดเดียว แต่ว่าการพ่ายแพ้อย่างยับเยินในลักษณะเช่นนี้ไม่มีใครพูดอะไร เพราะว่าไม่ว่าจะให้ใครไปอยุ่ตรงจุดนั้นก็ต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย

“เจ้ารู้มั้ยว่าทำไมข้าถึงไม่ฆ่าเจ้า?” หลี่ชิเย่มองและยิ้มเฉยเมยกล่าวกับหลงอ้าวเทียนว่า “ที่ข้าละเว้นชีวิตให้เจ้าเพียงแค่ต้องการดูว่าจะมีใครยื่นมือมาช่วยเหลือเจ้า”

สีหน้าของหลงอ้าวเทียนแสดงถึงความไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่ว่าไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมา เพียงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเย็นชา

เสียง “ปัง” ดังขึ้น ทันใดนั้นเอง บนท้องฟ้าด้านบนของเมืองสมุทรสยบฟ้าปรากฎท้องฟ้าถูกทำลายจนทะลุ คนผู้หนึ่งถูกโยนลงมาจากบนจักรวาล และพุ่งลงไปในเมืองสมุทรสยบฟ้าโดยตรง

ผู้ที่ถูกโยนลงมาคือกู้จุนนั่นเอง กู้จุนในเวลานี้ดูจิตใจเซื่องซึม แม้กระทั่งยืนยังไม่มั่นคง สีหน้าขาวซีด เหมือนว่าได้สูญเสียพลังลมปราณไปอย่างรุนแรง อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย

หลังจากที่กู้จุนถูกโยนลงมาแล้ว “ตึง ตึง ตึง” เสียงดาบและกระบี่ดังขึ้นมา ทันใดนั้นกระบี่และดาบแต่ละเล่มที่พาดลงบนคอของกู้จุน เขาถูกบรรพบุรุษของเมืองสมุทรสยบฟ้าหลายคนทำการควบคุมตัวเอาไว้

“ท่านบรรพบุรุษ ล่วงเกินแล้วหละ” เวลานี้ จื่อชุ่ยหนิงได้ปรากฏตัวตรงหน้ากู้จุน และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ

หลังจากเหตุการณ์ที่เมืองหมิงจูจบลง จื่อชุ่ยหนิงได้กลับมายังเมืองสมุทรสยบฟ้าเพื่อจัดการเรื่องราวต่างๆ ทั้งหมด ว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องแปลก ไม่เพียงแต่กู้จุนที่หายไปจากเมืองสมุทรสยบฟ้าเท่านั้น แม้แต่ยอดฝีมือที่เป็นสายของเย่จิ่วโจวก็หายตัวไปด้วย เหตุนี้เองที่ทำให้จื่อชุ่ยหนิงต้องตั้งมั่นพร้อมรับมือกับศัตรู

กู้จุนไม่ได้แสดงอาการโกรธออกมาที่ถูกควบคุมตัวโดยพลัน เขามองไปบนท้องฟ้า ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “คนเราย่อมมีโอกาสสำเร็จ และล้มเหลว นับว่าข้าไม่ได้พ่ายแพ้อย่างไม่เป็นธรรม”

ท่าทีของจื่อชุ่ยหนิงดูหนักแน่นจริงจัง ต่อให้กู้จุนไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ เลย นางก็ถือว่าเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง กู้จุนหาใช่คนประเภทที่จะจัดการได้โดยง่าย นางไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย

“เฝ้าคุมให้ดี อย่าได้ผ่อนคลายแม้แต่น้อย” จื่อชุ่ยหนิงสั่งกำชับบรรพบุรุษเหล่านั้น จากนั้นถึงกับต้องแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า

แม้ว่ากู้จุนจะตกเป็นนักโทษกลับไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร ดูผ่อนคลายยิ่งนัก และเขายิ้มแต้มองไปทางทิศทางอันเป็นที่ตั้งของพรรคเซียนเหิน

ณ สมรภูมิรบ ในเวลานี้หลี่ชิเย่ก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าทีหนึ่ง เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็นและกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ได้เวลาที่ข้าจะกู้แหแล้ว ที่ควรเข้าไปอยู่ในแหก็ได้เข้าไปแล้ว ส่วนที่ไม่ยังไม่เข้าไปก็ไม่รอแล้วหละ”

เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ได้ก้าวเข้าไปหาหลงอ้าวเทียนช้าๆ

สีหน้าของหลงอ้าวเทียนเปลี่ยนไปมาก และก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยสัญชาตญาณ เมื่อหลี่ชิเย่เดินเข้าหา แต่ว่า หลังจากนั้นเขาได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง แล้วยืนตัวตรงไม่ถอยหลังอีกและไม่หวาดกลัวต่อหลี่ชิเย่อีกต่อไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล