ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1675

ตอนที่ 1675 บุกเข้าพรรคเซียนเหิน
ในเวลานี้ เก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินกลับกลายเป็นวิเวกวังเวงจนน่ากลัว ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนไม่สามารถได้สติกลับมา ทุกคนล้วนแล้วแต่ได้รับความสะเทือนหวั่นไหวกับภาพเช่นนี้

คนผู้หนึ่งคือผู้ดำรงอยู่ในฐานะสามารถต่อกรราชันเซียนซึ่งหน้าได้ อีกผู้หนึ่งอยู่ในฐานะใกล้เคียงกับผู้ที่สามารถต่อกรราชันเซียนซึ่งหน้าได้ ทั้งสองคนร่วมมือลอบจู่โจมพร้เอมกัน ทั้งยังเป็นการลงมือด้วยท่าโจมตีเซียนเหินที่ปราศจากผู้ต่อกร แต่แล้ว นอกจากพวกเขาจะไม่ประสบผลสำเร็จเท่านั้น ตรงกันข้ามกลับถูกหลี่ชิเย่สังหารด้วยกระบวนท่าเดียว

สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวมากที่สุดก็คือ หลังจากที่หลี่ชิเย่สังหารหลงจ้านเทียนและหลงอ้าวเทียนแล้ว ผู้คนจำนวนมากยังไม่เข้าใจเลยว่ามันเป็นกระบวนท่าเช่นใด ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคนตายด้วยกระบวนท่าเช่นใดกันแน่

แม้แต่ผู้ที่สามารถต่อกรราชันเซียนซึ่งหน้าได้เช่นยวีไท่จวิน หรือหนึ่งในสิบอัจฉริยะบุคคลอย่างกู้จุนก็มีสีหน้าที่หนักแน่นจริงจังเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว พวกเขาที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นนี้ก็มองความลึกลับของกระบวนท่านี้ไม่ขาด มันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน

สำหรับหลี่ชิเย่นั้นเพียงแค่ยิ้มนิดหนึ่งเท่านั้น ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่สามารถศึกษาถึงรายละเอียดความลับที่แท้จริงของลัคนาจตุลักษณ์ได้ ต่อเมื่อได้เป็นราชันเซียนแล้วจึงสามารถรู้ถึงรายละเอียดความลับนั้นมันก็สายเกินไปเสียแล้ว

“ตูม” ขณะที่ทุกคนกำลังถูกท่าการโจมตีด้วยลัคนาจตุลักษณ์ของหลี่ชิเย่จนหวั่นไหวอยู่นั้น ทันใดนั้น เสียงดังสนั่นขึ้นมาทำให้ทั่วฟ้าดินสั่นไหวโคลงแคลง ทุกคนจึงได้สติคืนกลับมา

“อ๊ากก” เสียงร้องแหลมรันทดจำนวนไม่น้อยที่ร้องระงมออกมา จากนั้นได้ยินเสียงดัง “แค่วกก” ซึ่งเป็นเสียงเกิดจากการฉีกขาด เวลานี้เห็นเพียงมังกรเขียวที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ถึงกับจับปีกสิบปีกของสิ่งมีชีวิตสิบปีกฉีกขาดหลุดติดมากับมือเป็นๆ และสิ่งมีชีวิตสิบปีกถูกฉีกร่างออกเป็นสองซีก

เป็นที่ทราบกันดีว่า สิ่งมีชีวิตสิบปีกนั้นก็คือ “เซียนทำลายล้างสิบทิศ” ที่เป็นสุดยอดค่ายกลของพรรคเซียนเหิน และตัวค่ายกลแปลงมาจากแปดกองทัพราชันเซียนของพรรคเซียนเหิน นั่นหมายความว่า เจ้าสิ่งมีชีวิตสิบปีกก็คือสิ่งมีชีวิตที่สร้างขึ้นมาจากเลือดเนื้อร่างกายของยอดฝีมือทุกคนที่อยู่ในแปดกองทัพพรรคเซียนเหิน

เมื่อสิ่งมีชีวิตสิบปีกถูกฉีกร่างเป็นๆ ออกเป็นสองซีก นั่นไม่เพียงหมายถึงค่ายกลยิ่งใหญ่นี้ถูกทำลายเท่านั้น ยังเท่ากับลมปราณ ร่างกายของยอดฝีมือทั้งหมดที่อยู่ในค่ายกลถูกทำลายทิ้งไปด้วย

ดังนั้น ท่ามกลางเสียงร้องน่าเวทนาจึงเห็นเลือดสดๆ ที่พุ่งออกมาอย่างแรง ลมปราณฉีกขาด ศิษย์พรรคเซียนเหินจำนวนนับไม่ถ้วนถูกฉีกร่างออกเป็นสองซีก กระทั่งมียอดฝีมือศิษย์พรรคเซียนเหินถูกพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรนี้บดขยี้จนแหลกเหลวไปในพริบตา

“ตูม” เสียงดังสนั่นดังขึ้น หลังจากที่มังกรเขียวได้ทำการฉีกทำลายสุดยอดค่ายกล “เซียนทำลายล้างสิบทิศ” ไปแล้ว ทวนมังกรเขียวพลันแทงทะลุเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์จนเป็นรู เสียง “คร๊ากก คร๊ากก” ดังขึ้น พร้อมกับเห็นรอยแยกปริร้าวแต่ละริ้วบนพื้นเวที ทุกๆ รอยแยกล้วนแล้วแต่ยาวต่อเนื่องเป็นพันลี้

เสียงดังสนั่นดัง “ปัง” สุดท้ายมังกรเขียวที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วได้กระแทกลงพื้นอย่างแรง จากนั้น ได้ยินเสียงดัง “ตูม” เวทีดึกดำบรรพ์พังทลายลงทั้งเวที และพลังที่ทำการสร้างเวทีนี้ขึ้นมาก็ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียดไปชั่วพริบตา

“ถอย” ขุนพลที่โชคดีรอดชีวิตมาได้สั่งการออกไปทันที นำพาผู้โชคดีที่รอดชีวิตถอนตัวกลับเข้าไปภายในพรรคเซียนเหินทันที

ในที่สุดการต่อสู้ชี้ขาดระหว่างกองทัพทั้งสองก็สิ้นสุดลง กองทัพราชันเซียนทั้งแปดของพรรคเซียนเหินยังคงสู้กองทัพมังกรเขียวไม่ได้ สูญเสียอย่างหนัก กองทัพที่มีไพร่พลเป็นล้านเหลือรอดเพียงสองหรือสามในสิบเท่านั้นเอง

เรียกได้ว่าเป็นครั้งที่มีการสูญเสียอย่างหนักตั้งแต่มีการก่อตั้งพรรคเซียนเหินขึ้นมา สำนักที่มีถึงห้าราชันเซียนและยืนหยัดมานานนับพันล้านปี วันนี้ก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้อย่างหนัก ทำให้ศิษย์ในสำนักบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน

ผู้คนจำนวนมากมายเท่าไรที่ต้องสะท้านภายในใจ เมื่อเห็นกองทัพราชันเซียนทั้งแปดของพรรคเซียนเหินพ่ายแพ้อย่างยับเยิน นี่มันคือกองทัพแบบไหนกัน กระทั่งกองทัพราชันเซียนทั้งแปดร่วมมือกันยังคงต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยิน มันเป็นกองทัพที่มีประวัติความเป็นมาเช่นใดกันแน่นะ?

“กองทัพมังกรเขียวย่อมเป็นกองทัพมังกรเขียว” ผู้ที่แก่จนสมควรจะตายได้แล้วซึ่งรับรู้ถึงประวัติความเป็นมาของกองทัพมังกรเขียวถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ในยุคสมัยที่อเวจีปกครองเก้าแดนนั้น เคยทำการปราบปรามกองทัพเช่นนี้มายุคแล้วยุคเล่า สุดท้ายแล้ว แม้แต่ราชันเซียนของอเวจีก็ไม่สามารถทำลายล้างพวกเขาได้ ตรงกันข้ามกลับเป็นพวกเขาที่ทำลายล้างอเวจีเสียนี่”

กล่าวสำหรับผู้ที่รับรู้ถึงประวัติความเป็นมาของกองทัพมังกรเขียวแล้ว หากกองทัพมังกรเขียวจะทำลายล้างพรรคเซียนเหินเป็นเรื่องที่ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น แน่นอน กองทัพมังกรเขียวกล้าทำลายล้างกระทั่งอเวจี แล้วนับประสาอะไรกับพรรคเซียนเหินเล่า

สีหน้าของบรรดายอดฝีมือที่อยู่ภายในสำนักของพรรคเซียนเหินถึงกับขาวซีด เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ในความรู้สึกของพวกเขาพรรคเซียนเหินคือผู้ปราศจากผู้ต่อกร พวกเขาไม่เพียงมีทรัพยากรอยู่ในความครอบครองมากที่สุดในโลก ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมีกองทัพที่แข็งแกร่งและน่ากลัวที่สุดอีกด้วย

แต่แล้ว มาวันนี้พวกเขาที่มีกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดกลับถูกผู้อื่นกระหน่ำอย่างสะใจ กระทั่งเกือบถูกทำลายสิ้น จุดจบลักษณะเช่นนี้เป็นสิ่งที่ศิษย์พรรคเซียนเหินคาดคิดไม่ถึง

“ตูม” ในเวลานี้เอง มังกรเขียวอาศัยกระบวนท่าเดียวก็ทำลายประตูสำนักของพรรคเซียนเหินจนแหลกละเอียด ทำให้เกิดการสั่นไหวโคลงแคลงไปทั้งพรรค

เมื่อประตูสำนักพังทลาย ทำให้ศิษย์พรรคเซียนเหินจำนวนนับไม่ถ้วนถึงกับผวา สิ่งนี้กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วน่ากลัวเหลือเกิน พวกเขาไม่เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้กี่ปีมาแล้ว เวลานี้ ประตูสำนักถูกคนอื่นทำลาย มันเป็นภาพที่บดขยี้ความเชื่อมั่นของศิษย์พรรคเซียนเหินไม่รู้จำนวนเท่าไร

“เตรียมต่อสู้” ระดับบรรพบุรุษของพรรคเซียนเหินถึงกับตกใจจนหน้าถอดสี จึงรีบออกคำสั่งให้ศิษย์ในสำนักเข้าสู่ระดับพร้อมรบ

กล่าวสำหรับบรรพบุรุษของพรรคเซียนเหินในวันนี้ เกรงว่าคงเป็นวันที่ทรมานที่สุดชั่วชีวิตของพวกเขา หากเป็นอดีตมีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าเป็นศัตรูกับพรรคเซียนเหินของพวกเขา แต่แล้ว ในวันนี้พรรคเซียนเหินของพวกเขากลับถูกผู้อื่นทำลายประตูสำนัก อันตรายถูกวางอยู่ตรงหน้า

ในเวลานี้ พื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลของพรรคเซียนเหิน ปรากฏหลักกฎเกณฑ์ที่พุ่งขึ้นรุนแรงดั่งน้ำตกสวรรค์ ระบบป้องกันถูกนำออกใช้เป็นชั้นๆ ปรากฏประกายที่ละลานตาทั่วทั้งพรรคเซียนเหินภายในระยะเวลาอันสั้น วงแหวนศักดิ์สิทธิ์แต่ละวงทำการปกปักษ์รักษาบริเวณที่เป็นพรรคเซียนเหินทั้งหมด

นาทีนี้ทั่วทั้งพรรคเซียนเหินกลายเป็นเหมือนหนึ่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ภายใต้การคุ้มครองของวงแหวนศักดิ์สิทธิ์ และหลักกฎเกณฑ์ราชันเซียนมากมายเช่นนี้ ทั่วพรรคเซียนเหินดูเหมือนเปี่ยมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ทำให้ศัตรูไม่สามารถก้าวรุกล้ำเข้าไปได้แม้เพียงครึ่งก้าว

แต่ว่า หลังจากที่มังกรเขียวทำลายประตูทางเข้าสำนักแล้วมันก็ไม่ได้บุกทะลวงเข้าไปยังพรรคเซียนเหิน และไม่ได้ทำการเข่นฆ่าต่อพรรคเซียนเหิน มันก้าวเพียงก้าวเดียวก็ขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้า เฝ้าดูทั้งแปดทิศเอาไว้

ในขณะนี้ มังกรเขียวที่มีร่างกายใหญ่โตมโหฬารได้ยึดครองพื้นที่บนท้องฟ้า ในมือถือทวนยาวพันจ้าง เฝ้ามองดูโดยรอบเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินอย่างน่าเกรงขาม ภายใต้ประกายตาที่น่าเกรงขามนั้น ประหนึ่งภูตผีปีศาจใดๆ ก็ไม่สามารถเล็ดรอดไปได้อย่างนั้น!

เป็นเรื่องที่สร้างความแปลกใจให้กับทุกคนจำนวนมาก เมื่อมังกรเขียวกลับไม่ได้เข้าโจมตีต่อพรรคเซียนเหิน ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่เข้าใจว่า เหตุใดมังกรเขียวได้โจมตีทำลายประตูของพรรคเซียนเหินแล้วกลับไปเฝ้าอยู่บนท้องฟ้า ไม่เข้าใจว่ามังกรเขียวมีวัตถุประสงค์ใดที่ทำเช่นนี้

“คู่ปรับเก่าจะปรากฏตัวออกมาจริงๆ รึ?” มีเพียงผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะเช่นกู้จุนเท่านั้นที่เข้าใจความหมายของมังกรเขียวเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว เขาถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา พึมพำขึ้นว่า “คาดหวังให้ออกมาจริงๆ มีเพียงเช่นนี้จึงจะคึกครื้นขึ้นมาได้”

หลี่ชิเย่ที่มองเห็นประตูสำนักที่ถูกทำลาย และก้าวเข้าไปยืนอยู่เหนือท้องฟ้าของพรรคเซียนเหิน

สีหน้าคนของพรรคเซียนเหินทุกระดับต่างดูจะปั้นยากถึงขีดสุด เมื่อมองเห็นท่าทีของหลี่ชิเย่ที่ก้าวเข้าสำนักของตนเพียงลำพัง เหมือนพร้อมต่อสู้กับพรรคเซียนเหินลำพังคนเดียวอย่างนั้น และสร้างความโกรธแค้นกับศิษย์ยอดฝีมือพรรคเซียนเหินจำนวนมาก ศัตรูหยามถึงถิ่นแล้วจะให้ศิษย์พรรคเซียนเหินยอมรับได้อย่างไรกัน

“กี่ปีผ่านไป แม้พรรคเซียนเหินดูยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เสียดายกระดูกกลับอ่อนลงเรื่อยๆ เพื่ออำนาจแล้วกลับสูญเสียความเป็นกระดูกเหล็กของบรรพบุรุษไปเสียแล้ว” หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่เหนือท้องฟ้าพรรคเซียนเหินกล่าวพร้อมกับส่ายหน้า

“เจ้าคนแซ่หลี่ เจ้าข่มแหงกันมากเกินไปแล้ว!” ในเวลานี้เองเสียงที่น่าเกรงขามดังขึ้น เสียงนี้ไม่ได้ดังกังวาน แต่กลับดังก้องทั่วฟ้าดิน ขณะเสียงนี้ดังขึ้น หวั่นไหวไปแปดทิศสยบสรรพชีวิต

เวลานี้ ภายในพรรคเซียนเหินมีคนก้าวเดินออกมาสี่คน ยามที่คนทั้งสี่ก้าวเดินออกมานั้น อำนาจศักดิ์สิทธิ์ตลบอบอวล ประกายเซียนพลิ้วไหว ภาพโดยรวมแลดูศักดิ์สิทธิ์และน่าเกรงขาม พวกเขาทั้งสี่คนเหมือนก้าวออกมาจากแดนสวรรค์อย่างนั้น

คนทั้งสี่ที่ก้าวออกมาแล้วไม่เพียงดูศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ขณะเดียวกันบนตัวของพวกเขายังแผ่กลิ่นอายของราชันเซียนออกมา ทุกๆ ท่วงท่าของพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นท่วงท่าของราชันเซียน

อีกทั้งกลิ่นอาย และท่วงท่าราชันเซียนของพวกเขาใช่เป็นการฝืนบังคับให้เป็นเช่นนั้น ยอดฝีมือจำนวนมากของสายสำนักราชันเซียนหลังจากได้ฝึกสุดยอดเคล็ดวิชาราชันแล้ว สามารถอาศัยสุดยอดเคล็ดวิชาราชันเซียนดังกล่าวปะทุอานุภาพราชันเซียนออกมาได้

แต่ว่าทั้งสี่คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้อาศัยสุดยอดเคล็ดวิชาราชันเซียนและปะทุอานุภาพราชันเซียนออกมา อานุภาพราชันเซียนที่ออกมาจากตัวของพวกเขาบริสุทธิ์และอ่อนโยน ไม่เหมือนเช่นประเภทฝึกสุดยอดเคล็ดวิชาราชันเซียนและปะทุอานุภาพราชันเซียนที่ดูแข็ง และฝืนๆ ออกมา

กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากบนตัวของคนทั้งสี่ ท่วงท่าราชันเซียนที่พวกเขามีล้วนแล้วแต่แลดูเป็นธรรมชาติ ลักษณะที่อยู่บนตัวพวกเขาเหมือนเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ พวกเขามีความเป็นผู้สูงส่งที่เป็นหนึ่งไม่มีสอง เป็นโอรสราชันแต่กำเนิด

บุคคลทั้งสี่ที่ปรากฏออกมานั้นประกอบด้วยชายสามหญิงหนึ่ง ชายนั้นมีท่าทีที่หนึ่งไม่เป็นสองรองใคร หญิงนั้นเลอโฉมไม่เป็นสองรองใคร หน้าตาสะสวยเป็นที่สุด

หลายคนรู้สึกน่าทึ่งเมื่อได้เห็นสาวสวยหนุ่มรูปงามเช่นนี้ มองเห็นชายหนุ่มหญิงสาวที่สุดยอดไม่เป็นสองรองใครในหล้าทั้งสี่คนที่อยู่ตรงหน้า หลายคนรู้สึกละอายตัวเอง

ว่าไงนะ คือโอรสราชัน ธิดาราชัน ทั้งสี่คนที่อยู่ตรงหน้าก็คือโอรสราชขันเซียน ธิดาราชันเซียน!

“ฝ่าบาท” ศิษย์พรรคเซียนเหินจำนวนนับไม่ถ้วนก้มกราบกับพื้น หลังจากการปรากฎตัวของชายหญิงทั้งสี่ พวกเขาดูให้ความเคารพยิ่งนัก และรู้สึกตื่นเต้นเหลือเกิน

กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว การที่สามารถพบเห็นโอรสราชัน ธิดาราชันในชาตินี้ นับว่าเป็นเกียรติแก่พวกเขาชั่วชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น การที่โอรสราชันและธิดาราชันจะลงมือขับไล่ศัตรู ยิ่งถือเป็นความหวังพรรคเซียนเหินของพวกเขา!

การปรากฏตัวของโอรสราชันและธิดาราชันทั้งสี่ พวกเขาไม่ต้องกล่าวมากความ ไม่ต้องมีท่าทีอะไรมากมายก็สามารถสร้างอำนาจบารมีสูงสุดให้ปรากฎ ทำให้บุคคลทุกระดับของพรรคเซียนเหินต้องสยบ และกราบไหว้!

นี่แหละคือข้อได้เปรียบที่สุดยอดของพวกเขา ใครใช้ให้พวกเขามีชาติกำเนิดมาจากตระกูลราชันหละ

“นี่ นี่ก็คือโอรสราชันรึ?” ต่อให้เป็นผู้ที่ไม่รู้จักพวกเขามาก่อนยังคงต้องตกใจเมื่อได้เห็นทั้งสี่คนที่อยู่ตรงหน้า อาศัยกลิ่นอายที่เปล่งออกมาจากตัวของพวกเขา ผู้คนจำนวนมากก็สามารถทายประวัติความเป็นมาของพวกเขาได้ลางๆ

“ลูกๆ ทั้งสี่ของราชันเซียนเหรินเสียนนะเนี่ย ผู้คนเรียกขานกันว่าสี่โอรสราชันเซียนเหรินเสียน” ผู้ที่แก่จนสมควรจะตายซึ่งมีชีวิตอยู่ในยุคนั้นจดจำประวัติความเป็นมาของทั้งสี่คนนี้ได้ ถึงกับทอดถอนใจออกมาและกล่าวว่า “พวกเขามีชื่อเสียงโด่งไปเก้าแดนดังตั้งแต่สมัยที่ราชันเซียนเหรินเสียนยังมีชีวิตอยู่มาแล้ว”

ผู้เยาว์จนวนมากรู้สึกหวั่นไหวในใจเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ บุตรชายหญิงของราชันเซียนเหรินเสียน นี่คือโอรสราชันเซียน ธิดาราชันเซียนที่แท้จริงนะเนี่ย ฐานะเช่นนี้ช่างสูงส่งอะไรปานนั้น ชาติกำเนิดของพวกเขาให้ผู้คนต้องแหงนหน้ามอง

ผู้คนจำนวนมากต่างไม่นึกไม่ฝันว่าในชาตินี้ยังคงได้พบเห็นบุตรชายหญิงของราชันเซียนเหรินเสียน ช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนต้องตกใจโดยแท้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล