ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1679

ตอนที่ 1679 การรุกกลับของกู้จุน
หลี่ชิเย่ที่มีขนาดใหญ่โตกับพี่น้องเหรินเสียนทั้งสี่ที่กลายเป็นสิ่งที่มีขนาดมหึมาต่อสู้กันบนจักรวาลจนมืดฟ้ามัวดิน ทุกสรรพชีวิตล้วนแล้วแต่สั่นเทา ทุกสรรพชีวิตล้วนแล้วแต่ภาวนากับสิ่งที่เกิดขึ้น

แต่ว่า ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีกำลังที่ใกล้เคียงกัน จึงไม่มีใครสามารถทำอะไรใครได้ในเวลานี้ ทั้งสองฝ่ายพลัดกันแพ้ชนะ สู้รบพันตูพลิกกลับไปกลับมา

“แว้งค์” เสียงหนึ่งดังขึ้น หลังจากที่สู้รบกันอยู่นานแต่ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ หลี่ชิเย่จึงเริ่มรุกแล้ว เวลานี้หลี่ชิเย่ได้สำแดงกายผลึกชะตาฟ้าออกมา ทันใดนั้นรอบๆ กายของหลี่ชิเย่ดูพร่างพราว เมื่อกายผลึกชะตาฟ้าได้สำแดงออกมาพลันหลบหลีกได้ทุกสิ่ง ไม่ว่าพลังใดๆ ที่พุ่งเข้าหาตัวเขาก็ไม่เป็นผล

“ปัง ปัง ปัง” เมื่อหลี่ชิเย่ได้สำแดงกายผลึกชะตาฟ้าออกมาก็ได้เวลาที่เขาจะรุกกลับแล้ว เขาได้จัดการซัดจนพี่น้องเหรินเสียนทั้งสี่ลงไปกอง แต่ว่าการที่พี่น้องเหรินเสียนทั้งสี่อาศัยกายเซียนขั้นสมบูรณ์ที่รวมร่างกันสมบูรณ์เช่นนี้ คิดจะฆ่าพวกเขาให้ตายก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย

“ขอเชิญบรรพบุรุษช่วยพวกเราด้วย” พี่น้องเหรินเสียนทั้งสี่รู้สึกโกรธแค้นยิ่งนักเมื่อถูกหลี่ชิเย่ซัดจนลงไปกองกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า ร้องคำรามเสียงดังออกมา สายเลือดของพวกเขาได้ลุกไหม้ขึ้น ดวงตราสลักที่เป็นของราชันเซียนพลันระเบิดพลังขึ้นมาดั่งพระอาทิตย์ ส่องประกายจนสว่างไสวไปทั่วจักรวาล

“ตูม ตูม ตูม” นาทีนี้ภายในพรรคเซียนเหินพลันปรากฎอานุภาพราชันเซียนห้าสายที่พุ่งขึ้นมา และอานุภาพราชันเซียนทั้งห้าสายพลันสยบเก้าแดนในทันที เสมือนหนึ่งราชันเซียนทั้งห้าได้ตื่นขึ้นมาอย่างนั้น

ขณะเดียวกันกับที่ทั่วพรรคเซียนเหินได้สว่างไสวขึ้นเช่นกัน พลังที่ไม่มีสิ้นสุดรวมทั้งอานุภาพราชันเซียนทั้งห้าสายได้ยิงเข้าภายในร่างของพี่น้องเหรินเสียนทั้งสี่

นาทีนี้ไม่เพียงพลังที่ราชันเซียนพรรคเซียนเหินทั้งห้าที่ทิ้งเอาไว้ถูกพวกเขาสี่พี่น้องเหรินเสียนหยิบยืมมาใช้เท่านั้น แม้แต่พลังของปรัชญาเมธีทุกยุคสมัยของพรรคเซียนเหินทั้งหมดก็ถูกพวกเขาสี่พี่น้องนำไปใช้แล้ว

ทันใดนั้น สี่พี่น้องเหรินเสียนพลันมีกายเซียนเหิน ราชันเซียนทั้งห้า และปรัชญาเมธีทุกยุคสมัยให้การคุ้มครอง ความน่ากลัวของพลังเช่นนี้ย่อมสามารถจินตนาการได้

ยามที่พลังลักษณะเช่นนี้ระเบิดปะทุขึ้นมา ยากที่ผู้คนจะหาคำใดมาเปรียบเปรยได้อีกแล้ว ภายในใจของสรรพชีวิตทั้งหมดล้วนสั่นเทา มันคือพลังที่สามารถทำลายฟ้าดินได้

นาทีนี้ พลังของพี่น้องเหรินเสียนทั้งสี่ได้ก้าวสู่ระดับสามารถต้านรับกับราชันเซียนได้แล้ว หากราชันเซียนลงมือด้วยตนเอง พวกเขาสามารถยืนหยัดอยู่ได้กว่าหนึ่งพันกระบวนท่า แม้จะต้องอยู่ภายใต้พลังชะตาฟ้า!

“เนรเทศ!” ทันใดนั้นเอง สี่พี่น้องเหรินเสียนที่หลอมรวมกลายเป็นสิ่งที่มีร่างกายใหญ่โตมโหฬารได้ร้องคำรามเสียงดังออกมา พวกเขาเปิดกาลเวลา ช่องว่าง และมิติ ต้องการเนรเทศหลี่ชิเย่ออกไป

พวกเขาไม่สามารถเอาชนะหลี่ชิเย่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ได้ ดังนั้น พวกเขาต้องการเนรเทศหลี่ชิเย่ให้ออกไปเสีย ต้องการอาศัยเนรเทศไปมิติแห่งกาลเวลาและช่องว่าง รอให้กายผลึกชะตาฟ้าของหลี่ชิเย่หมดฤทธิ์ก่อนแล้วจึงสามารถสังหารหลี่ชิเย่ได้

อีกทั้งหลี่ชิเย่ที่อยู่ในสภาพเช่นนี้ การที่จะเนรเทศด้วยวิธีทั่วไปคงไม่ได้ผล จำเป็นต้องอาศัยมิติแห่งกาลเวลาและช่องว่างจึงสามารถทำการเนรเทศเขาไปได้

“ป้องกัน!” หลี่ชิเย่ก็ร้องเสียงดังออกมา

ร่างกายกลับกลายเป็นจักรวาล พลังไม่มีสิ้นสุด ทันใดนั้น ได้ทำการสยบกาลเวลาและช่องว่างที่เขายืนอยู่ ไม่ปล่อยให้พี่น้องเหรินเสียนทั้งสี่ทำการเนรเทศเขาได้

ในเวลานี้ฝ่ายหนึ่งต้องการเนรเทศ อีกฝ่ายหนึ่งป้องกัน ทั้งสองฝ่ายขับเคี่ยวกันในเรื่องของช่องว่างและกาลเวลา พลังของช่องว่างและกาลเวลาระหว่างสองฝ่ายกลายเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการโจมตีกันและกัน!

จากการที่ทั้งสองฝ่ายวัดกำลังกันระหว่างฝ่ายที่ต้องการเนรเทศ กับฝ่ายป้องกันก่อเกิดเสียงดัง “จี๊ด จี๊ด จี๊ด” ดังขึ้นเป็นระลอก ภายใต้พลังที่ไร้เทียบเทียมของทั้งสองฝ่าย ทำให้ช่องว่างและกาลเวลาที่พวกเขาอยู่ถูกทำให้กลายเป็นคริสตัลไป ทั้งช่องว่างและกาลเวลาเริ่มกลายเป็นคริสตัลที่พร่างพราว เริ่มกลายเป็นแก่นแท้ขึ้นมา

สิ่งนี้เป็นเพราะพลังของทั้งสองฝ่ายที่ทรงพลังมากเหลือเกิน จึงทำให้ช่องว่างและกาลเวลาถูกไหม้เกรียม หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาจะทำให้มิติอาณาบริเวณแห่งนี้ กลายเป็นสถานที่ที่อันตรายยิ่ง

ผู้ที่มีสิทธิ์ได้มองเห็นภาพของทั้งสองฝ่ายที่วัดกำลังและพันตูอยู่ตรงนั้น พวกเขาต่างไม่กล้าหายใจแรง การเนรเทศในลักษณะเช่นนี้หากเกิดขึ้นที่แดนมนุษย์กษัตรา สามารถทำให้พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลจำนวนมากต้องอันตรธานหายไปในพริบตา

จังหวะที่หลี่ชิเย่และพี่น้องเหรินเสียนทั้งสี่กำลังพันตูกันอยู่นั้น กู้จุนที่อยู่ไกลถึงเมืองสมุทรสยบฟ้าพลันร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ทักษะยุทธที่ถูกผนึกและพันธนาการเอาไว้พลันถูกคลายออกทั้งหมด

ทันใดนั้น กู้จุนเหมือนมีอายุอ่อนลงหลายหมื่นปี แลดูคึกคักมีชีวิตชีวาเหมือนเป็นคนหนุ่มคนหนึ่ง ไม่ใช่ประเภทไม้ใกล้ฝั่งอีกต่อไป

“แย่แล้ว” ระดับบรรพบุรุษหลายคนที่ทำหน้าที่ควบคุมกู้จุนล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป แม้แต่จื่อชุ่ยหนิงที่ปฏิกิริยากลับคืนมาก็ต้องมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป แต่ทุกอย่างดูจะสายไปเสียแล้ว ทันใดนั้นเองร่างของกู้จุนก็ได้หายตัวไป

“แว้งค์” ในเสี้ยววินาทีนี้เอง กู้จุนได้ไปปรากฎตัวอยู่บริเวณสมรภูมิรบบนจักรวาล อย่างไรก็ตามกู้จุนไม่ได้ปรากฎตัวเพียงลำพังคนเดียว ยังมีอีกคนที่ปรากฏตัวในสมรภูมิรบพร้อมกับเขา เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายหนุ่มที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษคนหนึ่ง

ชายหนุ่มผู้นี้กลับเป็นหลินฉี ศิษย์ของผู้อาวุโสเมืองสมุทรสยบฟ้า ตัวเขาเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งในเมืองสมุทรสยบฟ้าเท่านั้น แต่ว่า เวลานี้เขากับกู้จุนได้ปรากฎตัวพร้อมกันที่สมรภูมิรบบนจักรวาล เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเลยจริงๆ

“คนนี้คือใคร” แม้แต่บรรพบุรุษซันที่เมืองสมุทรสยบฟ้าก็รู้สึกตกใจยิ่ง เมื่อเห็นหลินฉีไปปรากฏอยู่ที่สมรภูมิรบบนจักรวาล

กู้จุนและหลินฉีปรากฎตัวขึ้นพร้อมกันสองคน เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก พวกเขาถึงกับคล้ายดั่งเป็นคู่แฝดอย่างนั้น ทันใดที่พวกเขาทั้งสองพบหน้ากันถึงกับสะดุ้งหวั่นไหวนิดหนึ่ง จากนั้น พวกเขาได้อาศัยความเร็วที่สุดเปรียบเปรยหมุนตัวขึ้น “แว้งค์” พวกเขาทั้งสองถึงกับตัดขาดสิ้นกาลเวลาและช่องว่างที่อยู่ในสมรภูมิรบ ทำการปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่างในทันที

เรื่องที่เหลือเชื่อกว่าได้เกิดขึ้นแล้ว หลินฉีและกู้จุนอาศัยความรวดเร็วที่สุดเปรียบเปรยหลอมรวมเข้าด้วยกัน เพียงชั่วพริบตาเดียวจากสองคนรวมกันเป็นคนๆ เดียว! เป็นคนที่ดูเป็นวัยกลางคน ดูจากวงหน้าแล้วเหมือนหลินฉี และก็เหมือนกู้จุน

“กู้จุนในวัยกลางคน” สีหน้าของยวีไท่จวินเปลี่ยนไป เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว และพึมพำออกมาว่า “พวกเขาได้ผ่ากาลเวลาของตนออกจากกัน คนหนึ่งยังไม่ได้กลับชาติเกิดใหม่ คนหนึ่งกลับชาติเกิดแล้วครึ่งหนึ่ง ทั้งสองไม่สามารถพบกันได้ หากพบกันก็จะตัดขาดกาลเวลา และหากเกิดความผิดพลาดแม้เพียงนิดเดียวก็จะกลายเป็นเถ้าธุลีไป เกิดผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงยิ่งนัก!”

“ฟู่วว” ขณะที่หลินฉีและกู้จุนรวมเป็นกู้จุนในร่างวัยกลางคน กาลเวลาที่ถูกตัดขาดถูกสะกดเอาไว้ทันทีที่กู้จุนในวัยกลางคนได้พ่นฟองอากาศออกมาสองฟอง

เสียง “จี๊ด” ดังขึ้น หลี่ชิเย่และสี่พี่น้องเหรินเสียนต่างคนต่างถูกผนึกเอาไว้ในฟองอากาศที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษและแปลกประหลาดมาก เหมือนว่าพวกเขาทั้งสองฝ่ายได้กลายเป็นของโบราณวัตถุที่อยู่ในสายน้ำแห่งกาลเวลาไปแล้ว ไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตอีกต่อไป

เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนผู้คนไม่ทันจะโต้ตอบ ไม่ว่าใครก็ไม่เข้าใจว่ามันได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา

ขณะเดียวกันกับที่กู้จุนในวัยกลางคนได้พ่นฟองอากาศออกไปนั้น ภายในพรรคเซียนเหิน เกิดไอหมอกบางๆ ลอยขึ้นมา เมื่อไอหมอกดังกล่าวลอยขึ้นมาพลันได้ขยายตลบอบอวลคลุมไปทั่วบริเวณพรรคเซียนเหิน ความเร็วของไอหมอกนี้รวดเร็วจนเหลือเชื่อ

เมื่อไอหมอกลักษณะเช่นนี้ปกคลุมไปทั่วพรรคเซียนเหินแล้วนั้น ทำให้พรรคเซียนเหินกลายเป็นเหมือนแดนแห่งความฝัน ทันใดนั้น พรรคเซียนเหินกลับกลายเป็นแดนสวรรค์ เป็นดินแดนบริสุทธิ์และสวยงามที่สุดในโลก การได้อาศัยอยู่ที่พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ทำให้ผู้คนเหมือนตกอยู่ในความรู้สึกที่ดื่มด่ำลุ่มหลง!

ศิษย์ของพรรคเซียนเหินตกอยู่ในสภาพดื่มด่ำลุ่มหลง เหมือนว่าตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน ลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่รับรู้เรื่องอะไรเลย

“ฆ่า” ทันใดนั้น กองกำลังอาชากองหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นที่ดินแดนของพรรคเซียนเหิน กองกำลังอาชานี้มีความรวดเร็วยิ่งนัก ฉับพลันบุกเข้าไปยังสถานที่ที่สำคัญที่สุดของพรรคเซียนเหิน ซึ่งก็คือสถานที่ตั้งคลังสมบัตินั่นเอง

อีกทั้งกองกำลังอาชานี้เปรียบประดุจดาบที่แหลมคมเล่มหนึ่งปักตรึงเข้าไป การลอบจู่โจมในครั้งนี้หาใช่เป็นความคิดที่เกิดขึ้นกะทันหัน แต่เป็นการวางแผนมาอย่างยาวนาน เป็นการวางแผนที่ใช้ระยะเวลานานมาก!

“อ๊ากก” เสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้น เมื่อกองกำลงอาชานี้บุกตะลุยเข้าไปนั้น ศิษย์ของพรรคเซียนเหินที่ยังคงอยู่ในลักษณะของความฝัน พวกเขาไม่สามารถต่อต้านได้เลย ทันใดนั้น เห็นหัวแต่ละหัวที่หลุดลอยขึ้นกลางอากาศ เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ศิษย์พรรคเซียนเหินจำนวนไม่น้อยถูกกองกำลังนี้สังหารไป

“แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์” ในเวลานี้เอง ระบบการป้องกันโดยห้าราชันเซียนของพรรคเซียนเหินได้สัมฤทธิ์ผลขึ้น ประกายศักดิ์สิทธิ์ราชันเซียนได้โปรยปรายลงบริเวณสถานที่สำคัญๆ ภายในพรรคเซียนเหิน สถานที่เหล่านี้เคยเป็นสถานที่ที่ราชันเซียนศึกษาสัจธรรมมาก่อน

เมื่อประกายศักดิ์สิทธิ์เข้าปกป้องคุ้มครองสถานที่เหล่านี้ ได้ทำให้บรรดาบรรพบุรุษและยอดฝีมือต่างตื่นขึ้นมาจากความฝัน พวกเขาต่างรู้สึกตกใจเมื่อเห็นกองกำลังอาชากองนี้บุกโจมตีคลังสมบัติที่สำคัญที่สุดของพวกเขา

“ฆ่า” ระดับบรรพบุรุษและยอดฝีมือของพรรคเซียนเหินที่ตื่นจากความฝันได้คำรามเสียงดังออกมา พร้อมกับเข้ารับมือกับผู้รุกราน

ขณะที่กองกำลังอาชาได้รุกคืบเข้าไป โดยผู้ที่เป็นแม่ทัพของกองกำลังอาชานี้สวมเสื้อคลุมยาวพริ้วไหว เสื้อคลุมสีแดงเลือดแลดูสะดุดตายิ่งนัก สิ่งที่สะดุดตาคู่กันกับเสื้อคลุมสีแดงเลือดยังมีหนวดเคลาสีเงินของเขา คนผู้นี้ก็คือเย่จิ่วโจวนั่นเอง กองกำลังอาชาที่เขานำมาลอบโจมตีพรรคเซียนเหินนั้นเป็นทหารหน่วยกล้าตายที่เขาฝึกขึ้นมาด้วยตนเองกับมือ พวกเขาเคยเป็นสายที่สำคัญที่สุดของเมืองสมุทรสยบฟ้า และเป็นกองกำลังที่ยอดเยี่ยมส่วนหนึ่งของเมืองสมุทรสยบฟ้า

เวลานี้ กองกำลังส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุดภายใต้การนำของเย่จิ่วโจว กำลังทำการลอบโจมตีต่อพรรคเซียนเหิน

ผู้ที่มองเห็นภาพนี้ต่างรู้สึกงุนงง ทุกคนรู้ดีว่าเมืองสมุทรสยบฟ้าและพรรคเซียนเหินคือพันธมิตรกัน แต่ เวลานี้เย่จิ่วโจวกลับลอบโจมตีพรรคเซียนเหิน ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ

ที่น่าแปลกประหลาดมากกว่านั้นก็คือ ไอหมอกบางๆ ที่ลอยปกคลุมพรรคเซียนเหินนั้น ถึงกับทำให้ยอดฝีมือและบรรพบุรุษของพรรคเซียนเหินถูกทำให้งงงวยไปทั้งพรรค หากไม่เป็นเพราะมีประกายศักดิ์สิทธิ์ราชันเซียนที่เฝ้าคุ้มครองล่ะก็ เกรงว่าพรรคเซียนเหินคงถูกยึดครองไปนานแล้ว ศิษย์ของพรรคเซียนเหินอยู่ในสภาพสุดแต่กองกำลังอาชาของเย่จิ่วโจวเข่นฆ่าตามอำเภอใจอยู่แล้ว

“นี่เขาต้องการทำอะไรของเขา!” กระทั่งบรรพบุรุษซันยังรู้สึกตระหนกยิ่งนัก เมื่อเห็นเย่จิ่วโจวนำกองกำลังอาชาของเมืองสมุทรสยบฟ้าทำการลอบโจมตีต่อพรรคเซียนเหินไอรีนโนเวล พวกเขาต่างนึกไม่ถึงว่าเย่จิ่วโจวจะทำเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้ พวกเขาเข้าใจมาโดยตลอดว่าเย่จิ่วโจวคือพวกเดียวกันกับพรรคเซียนเหิน!

“ชิงสมบัติ!” จื่อชุ่ยหนิงที่มองเห็นภาพนี้แล้ว พึมพำออกมาว่า “กู้จุนต้องการได้สมบัติของพรรคเซียนเหินมาก นี่คือคลังสมบัติที่รวบรวมมาจากห้าราชันเซียน ในนั้นมีสิ่งที่สะเทือนฟ้าอยู่มากมายเหลือเกิน”

พวกของซันจู่ถึงกับสะดุ้งนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ การสั่งสมจากราชันเซียนทั้งห้าของพรรคเซียนเหิน มันช่างน่าตกใจอะไรอย่างนั้น หากจะบอกว่าไม่รู้สึกหวั่นไหวกับสมบัติเช่นนี้คือเรื่องโกหกอย่างแน่นอน ไม่ว่าใครก็ตาม เมื่อต้องเผชิญกับสมบัติลักษณะเช่นนี้ก็ต้องใจเต้นตูมตาม การสั่งสมมาจากห้าราชันเซียนมันยั่วยวนใจเสียเหลือเกิน หากได้ครอบครองคลังสมบัติเช่นนี้ล่ะก็ เกรงว่าไม่ว่าจะกี่ชาติก็คงใช้ไม่หมด!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล