“ฟิววว” ปรากฏเชือกเซียนสองเส้นถูกยิงออกมาละเข้ามัดฟองอากาศที่ผนึกหลี่ชิเย่ และพี่น้องเหรินเสียนทั้งสี่ และเขาจัดการลากฟองอากาศทั้งสองหันหลังคิดจากไปทันที
“แช้งค์” เสียงทวนคำรามขึ้นมา ในขณะที่กู้จุนกำลังจะลากเอาฟองอากาศทั้งสองหลงหนีไปนั้น มังกรเขียวที่แปลงร่างมาจากกองทัพมังกรเขียวได้ขวางทางของกู้จุนเอาไว้ ปรากฎประกายทวนที่เยือกเย็นแทงทะลุอากาศมา ทำให้ผู้คนตัวสั่นเทาดั่งลูกนก
“กองทัพมังกรเขียวของพวกเจ้าควรทุ่มเทกำลังไปกับการจัดการอเวจี” เมื่อกู้จุนถูกมังกรเขียวขวางทางเอาไว้ไม่ได้แสดงอาการตระหนกกลับกล่าวด้วยท่าทียิ้มแต้ออกไป
“วางฟองอากาศแม่น้ำแห่งกาลเวลา จะละเว้นโทษตายให้กับเจ้า!” เทพแท้จริงสยบโลกาออกปากด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและน่ากลัว ไม่เปิดช่องให้มีการเจรจาต่อรอง
แม้ว่ากู้จุนได้รับสมญาว่าเป็นหนึ่งในสิบอัจฉริยะบุคคลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แต่คำพูดของเทพแท้จริงสยบโลกาที่พูดออกไปคือกฎ ต่อให้อัจฉริยะบุคคลอย่างกู้จุนก็ไม่กล้าดูแคลนเขา
“เสียดาย คู่ต่อสู้ของพวกเจ้าไม่ใช่ข้า” แม้ว่าเทพแท้จริงสยบโลกามีความแข็งแกร่งยิ่งนัก แต่กู้จุนกลับไม่กลัว จากนั้น หัวเราและหันไปทางพรรคเซียนเหินตะโกนเสียงดังออกไปว่า “ถ้าหากพวกเจ้าไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ล่ะก็ งั้นข้าจะนำโอรสราชันเซียนเหรินเสียนทั้งสี่ไปแล้วนะ”
ยอดฝีมือและบรรพบุรุษทั้งหมดของพรรคเซียนเหินทั้งตระหนกทั้งโกรธ แต่พวกเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ เวลานี้เย่จิ่วโจวได้ทำการโจมตีอย่างหนักหน่วงต่อคลังสมบัติที่มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับพวกเขา บรรดาบรรพบุรุษและยอดฝีมือที่ตื่นขึ้นมาจากไอหมอกบางเบาต่างทยอยกันเข้าไปให้ความช่วยเหลือ กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว คลังสมบัตินี้มีความสำคัญมากเหลือเกิน
เป็นความจริงที่พรรคเซียนเหินนั้นมีความแข็งแกร่งมาก แต่ว่า มาครั้งนี้เย่จิ่วโจวมีการเตรียมการมาอย่างดี ทั้งยังหอบเอาของวิเศษจำนวนนับไม่ถ้วนมา และของวิเศษสำหรับตีเมืองจำนวนมากมาด้วย เรียกได้ว่าบุกทะลวงดั่งผ่ากระบอกไม้ไผ่ ต่อเมื่อระดับบรรพบุรุษจำนวนมากรุดมาถึงแล้วจึงทำให้เพลาการบุกโจมตีของพวกเย่จิ่วโจวลง
เวลานี้ บรรดายอดฝีมือที่ฟื้นจากไอหมอกต่างทุ่มเทอยู่กับการต่อต้านเย่จิ่วโจว ไม่สามารถปลีกตัวออกมาช่วยโอรสราชันเหรินเสียนทั้งสี่ ส่วนพวกศิษย์และยอดฝีมือที่ยังคงไม่ฟื้นสติจากไอหมอกนั่นยิ่งไม่ต้องไปคาดหวังอะไรจากพวกเขา
กู้จุนในเวลานี้ไม่ได้รีบร้อนที่จะหนีไป ความจริงแล้วภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เขาทำการปิดผนึกหลี่ชิเย่ และโอรสราชันเหรินเสียนทั้งสี่เอาไว้ยังคงไม่สามารถหนีไปได้อยู่ดี เนื่องจากบนท้องฟ้าบริเวณนี้ยังคงมีกองทัพมังกรเขียวเฝ้าอยู่ และยังมีราชามังกรดำที่ซ่อนตัวอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งเขารู้ดีแก่ใจอยู่แล้วสำหรับข้อนี้
ต่อให้กู้จุนในเวลานี้ได้กลับกลายเป็นสภาพของวัยกลางคน แต่ เขารู้ดีว่าอาศัยกำลังของตนเองเพียงลำพังไม่สามารถต้านทานกองทัพมังกรเขียว และราชามังกรดำได้ ดังนั้น เขาจึงตีไพ่ตายในมือของตนออกมา ซึ่งไพ่ตายที่ว่าก็คือโอรสราชันเหรินเสียนทั้งสี่นั่นเอง! เวลานี้โอรสราชันเหรินเสียนทั้งสี่กลายเป็นตัวประกันของเขาไปแล้ว!
เสียง “ตูม” ดังสนั่น่ขึ้นมา ในเวลานี้เอง บริเวณที่เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของพรรคเซียนเหินพลันแตกร้าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน!
ภายในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีสุสานเก่าแก่โบราณอยู่หลังหนึ่ง แม้ว่าสุสานโบราณหลังนี้จะกินพื้นที่ไม่มาก แต่ว่ามันเป็นสถานที่ที่กอปรด้วยภูเขาสายน้ำ และก่อเกิดผู้มีความรู้ความสามารถขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย อีกทั้งประกายศักดิ์สิทธิ์สาดส่องอยู่ตลอดเวลา เปี่ยมด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์จากราชันเซียน สุสานโบราณลักษณะเช่นนี้กลับได้รับประกายราชันเซียนสาดส่องท่ามกลางกาลเวลาอันสุดแสนจะยาวนานที่ผ่านมา เรียกได้ว่า ในโลกหล้าสามารถทำให้ประกายศักดิ์สิทธิ์สาดส่องตลอดเวลานั้นมีอยู่ไม่มาก สามารถทำให้ราชันเซียนทิ้งประกายที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตลอดกาลเอาไว้ ย่อมบ่งบอกว่าสิ่งนี้ หรือบุคคลผู้นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดมากสำหรับราชันเซียน
ด้านหน้าของสุสานโบราณมีศิลาที่เก่าแก่โบราณและเรียบง่ายแผ่นหนึ่ง บนศิลาแผ่นนั้นจารึกเอาไว้ว่า “สุสานภรรยาสุดที่รัก” มุมด้านล่างจารึกว่า “เย่หวินโจว” !
บางทีอาจไม่มีใครรู้ว่าใครคือเย่หวินโจว แต่หากพูดถึงราชันเซียนทุนเย่อผู้คนในโลกหล้าก็จะคุ้นหูเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นราชันเซียนองค์ที่สามของพรรคเซียนเหิน
หลังจากบังเกิดเสียงดังสนั่นแล้ว ปรากฏว่าสุสานโบราณหลังนี้ปริแยกออก และมีผู้หญิงนางหนึ่งก้าวเดินออกมาจากสุสานโบราณนี้ หลังจากที่ผู้หญิงคนนี้ก้าวเดินออกมาแล้ว ปรากฏว่าทิวทัศน์สลดและอับแสง สุริยันจันทราไร้ประกาย ผู้หญิงคนนี้ช่างงดงามเหลือเกิน นางเปรียบประดุจดวงดาราบนท้องฟ้าที่ส่องประกายจนท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างไสว นางรวบรวมผู้มีความรู้ความสามารถจากหมื่นแดน เหมือนประกายแสงที่สามารถเคลื่อนที่ได้และมีสีสันที่ล้นเอ่อออกมา ที่ทำให้ผู้คนต้องจ้องมองมากไปกว่านั้นก็คือกลิ่นอายสูงส่งที่สุดที่เปล่งออกมาจากตัวของนาง บนตัวของนางตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายที่สยบทั่วหล้า ทำให้ผู้คนสามารถรับรู้ได้และมีอารมณ์ความรู้สึกอยากจะคุกเข่าลง เหมือนว่านางคือผู้ที่ควบคุมหมื่นแดน บัญชาทั่วหล้ามาแต่กำเนิด
“นางคือราชินีของราชันเซียนทุนเย่อรึ?” แม้แต่ยอดฝีมือของพรรคเซียนเหินเองก็รู้สึกหวาดผวายิ่งนัก เมื่อเห็นผู้หญิงที่มีรูปโฉมสุดยอดหนึ่งไม่มีสองในหล้าก้าวเดินออกมาจากสุสานโบราณ
บรรดาศิษย์พรรคเซียนเหินต่างรู้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพรรคเซียนเหิน เป็นสถานที่ที่ฝังร่างของภรรยาอันเป็นที่รักของราชันเซียนทุนเย่อ หลังจากที่ราชินีทุนเย่อสวรรคตแล้ว ราชันเซียนทุนเย่อได้ฝังร่างของนางไว้ที่ตรงนี้ด้วยความโศกเศร้าอาลัยยิ่ง และให้ประกายราชันเซียนสาดส่องที่ตรงนี้ตลอดไป
ศิษย์พรรคเซียนเหินทุกยุคทุกสมัยล้วนแล้วแต่เคยมาแสดงความไว้อาลัยที่นี่ เพื่อรำลึกถึงผลงานที่นางมีให้กับพรรคเซียนเหิน
เวลานี้ ภายในสุสานราชินีทุนเย่อกลับมีผู้หญิงที่เลอโฉมก้าวเดินออกมา แล้วจะไม่ให้ศิษย์พรรคเซียนเหินต้องตกใจได้อย่างไร พวกเขาต่างเข้าใจว่าราชินีทุนเย่อฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้ว
“นางไม่ใช่ราชินีทุนเย่อ นางคือราชินีเหรินเสียน!” ระดับบรรพบุรุษเมื่อมองเห็นผู้หญิงที่เลอโฉมผู้นี้ก้าวเดินออกมาจากสุสานแล้วสามารถจดจำนางได้ ถึงกับกล่าวด้วยความหวาดผวา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...