ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1682

ตอนที่ 1682 ความแค้นของราชินีเหรินเสียน
กู้จุนไม่ต้องการให้เรื่องแพ้ชนะพัวพันกันอีกต่อไปแล้ว ความจริงก่อนที่จะมีการลงมือเขาได้เตรียมใจไว้ก่อนเช่นกัน การพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของผู้ดำรงอยู่ในฐานะอีกาทมิฬไม่ได้เหนือความคาดคิดมากมายแต่อย่างใด

“ราชินี ทางที่ดีต้องรับประกันได้ว่าอเวจีจะสนับสนุนท่านอย่างเต็มที่ มิฉะนั้นล่ะก็ท่านต้องตายอย่างน่าเวทนายิ่ง และพรรคเซียนเหินต้องถูกทำลายล้างแน่นอน” กู้จุนถอยหลังไปอยู่ด้านข้างของราชินีเหรินเสียน และเอ่ยขึ้นช้าๆ

กล่าวสำหรับกู้จุนแล้ว เวลานี้ตัวเขากับราชินีเหรินเสียนยืนอยู่แนวร่วมเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือราชินีเหรินเสียนก็ไม่มีทางเลือก นาทีนี้พวกเขาได้แต่ร่วมมือกันเท่านั้น

แน่นอนที่สุด กู้จุนไม่คาดว่าจะมีความหวังสำหรับสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับหวังว่าอเวจีสามารถปรากฏตัวขึ้นมา อย่างน้อยที่สุดสามารถสร้างโอกาสให้เขาได้อีกครั้งหนึ่ง

สำหรับราชินีเหรินเสียน และโอรสราชันเซียนเหรินเสียนทั้งสี่จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่อย่างน่าเกรงขาม โดยเฉพาะนัยน์ตาของราชินีเหรินเสียนเผยให้เห็นถึงปณิธานการฆ่าที่น่ากลัว เหมือนว่านางกับหลี่ชิเย่มีความแค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกได้ นางอยากจะฉีกร่างหลี่ชิเย่เป็นชิ้นๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

หลี่ชิเย่มองดูราชินีเหรินเสียน หัวเราะแล้วกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “การที่เจ้าสามารถมีชีวิตอยู่มาได้ไม่ได้อยู่เหนือความคาดคิดอะไรมากมายนัก เจ้าได้กระทำความผิดใหญ่หลวงที่จะต้องตายสถานเดียวอยู่สองกระทงด้วยกัน หนึ่ง ไม่ควรสมคบคิดกับอเวจี สอง ไม่ควรแกล้งตายด้วยการหลบซ่อนตัวอยู่ในสุสานของราชินีทุนเย่อ! ”

ครั้งนั้น ราชินีเหรินเสียนได้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร แต่ ความจริงแล้วนางหาได้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรไม่ แต่นางอาศัยการตายจริงๆ เพื่อตบตาผู้คน และอาศัยสิ่งนี้เปลี่ยนแปลงสายเลือดของตน!

ครั้งนั้น เรื่องที่ราชินีเหรินเสียนต้องการบ่มฟักสายเลือดอเวจีเกิดแดงขึ้นมา และอีกาทมิฬใช้กำลังบังคับเข้าสำรวจตรวจค้นพรรคเซียนเหิน ขณะที่ราชินีเหรินเสียนได้เข้าไปหลบซ่อนในสุสานของราชินีทุนเย่อมานานแล้ว

หลังจากเกิดเหตุ ต่อให้อีกาทมิฬจะค้นหาทุกซอกทุกมุมของพรรคเซียนเหิน แต่มีสถานที่แห่งหนึ่งที่เขาจะไม่ไปแตะต้องอย่างเด็ดขาด นั่นก็คือสุสานของราชินีทุนเย่อ เนื่องจากราชินีทุนเย่อไม่เพียงเป็นภรรยาของราชันเซียนทุนเย่อเท่านั้น นางยังเคยได้รับความโปรดปรานและชื่นชอบจากอีกาทมิฬ ดังนั้น นางไม่เพียงมีฐานะและเกียรติยศในฐานะที่เป็นราชินี นางยังเคยเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดข้างกายอีกาทมิฬมาก่อน

เนื่องเพราะราชินีเหรินเสียนคำนึงถึงว่า อีกาทมิฬจะไม่ขุดหลุมศพของราชินีทุนเย่ออย่างเด็ดขาด ดังนั้น หลังจากที่ราชินีเหรินเสียนตายแล้วก็หลบซ่อนตัวเข้าไปอยู่ในหลุมศพของราชินีทุนเย่อ และหายตัวไปจากโลกหล้านับแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้คนในโลกต่างเข้าใจว่านางได้ตายไปแล้ว ระดับบรรพบุรุษส่วนหนึ่งของพรรคเซียนเหินก็ต้องการค้นหามือมืดที่อยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด แต่ก็ค้นหาไม่เจอ พวกเขาก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าราชินีเหรินเสียน จะหลบซ่อนตัวอยู่ในหลุมฝังศพของราชินีทุนเย่อ

“ไม่ใช่เจ้าตายก็คือข้าม้วย!” ราชินีเหรินเสียนเองก็ไม่ได้เกรงกลัวต่ออีกาทมิฬในเวลานี้ ก้าวเดินเข้าไปด้วยอานุภาพราชันเซียนที่ยิ่งใหญ่ ต่อให้เผชิญหน้ากับผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะเฉกเช่นอีกาทมิฬ นางยังคงดูสูงเด่นเหมือนเดิม

ราชินีเหรินเสียนต้องการเป็นศัตรูกับอีกาทมิฬมานานแล้ว ดังนั้นนางเองย่อมรู้ดีว่าตัวเองจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งใด มาวันนี้เมื่อต้องเผชิญหน้าอีกครั้งนางจึงไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย กล่าวสำหรับนางแล้ว จะอย่างไรวันนี้ก็ต้องมาถึงสักวันอยู่แล้ว!

หลี่ชิเย่จ้องมองดูราชินีเหรินเสียน ถึงกับส่ายหน้าและกล่าวว่า “เป็นความจริงที่มีเรื่องบางเรื่องข้าไม่เข้าใจจริงๆ เจ้ามีชาติกำเนิดเป็นมนุษย์ ในฐานะราชินีของเผ่าพันธุ์มนุษย์กลับกลายเป็นสมุนของอเวจีไปได้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง”

“เรื่องราวบนโลกที่เจ้าไม่เข้าใจมีอีกมากมาย!” ราชินีเหรินเสียนกล่าวน่าเกรงขามว่า “เก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินใช่ว่าจะต้องทำตามปณิธานของเจ้า หมื่นอาณาจักรพันโลกาใช่จะให้เจ้าทำอะไรได้ตามอำเภอใจ! ”

“ข้าเข้าใจแล้ว” หลี่ชิเย่ที่มองดูสายตาที่เปี่ยมด้วยความแค้นของราชินีเหรินเสียนแล้วเผยรอยยิ้มออกมาและกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “สุดท้ายแล้วยังคงเป็นเพราะราชันเซียนเหรินเสียน! เพียงแต่ในด้านนี้ราชันเซียนเหรินเสียนควบคุมตนเองได้ดีตลอดมา มีความระมัดระวังยิ่งนัก ในฐานะที่เป็นราชินี เจ้ากลับเลือกที่จะก้าวเดินบนเส้นทางที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับเขา สิ่งนี้ไม่เพียงเสียดายแทนเจ้า และเสียดายแทนราชันเซียนเหรินเสียนอีกด้วย…”

“…ชั่วชีวิตของราชันเซียนเหรินเสียนสร้างชื่อเสียงมาไม่ง่าย เพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้วเข้าสร้างผลงานไว้มากมาย และนับว่าเขาไม่ละอายต่อชื่อ “เหรินเสียน” ของเขา แต่ เจ้ากลับก้าวเดินบนเส้นทางของอเวจี ซึ่งสิ่งนี้จะนำมาซึ่งพรรคเซียนเหินไม่มีวันจะฟื้นตัวได้อีกตลอดไป เจ้าในฐานะราชินีไม่เพียงต้องระอายต่อบรรพชนของพรรคเซียนเหิน และระอายต่อฐานะราชินีของเจ้า ระอายต่อราชันเซียนเหรินเสียน! ”

“อย่าได้พูดถึงเหรินเสียนอีก” ราชินีเหรินเสียนร้องตวาดทีหนึ่งตัดบทคำพูดของหลี่ชิเย่ กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “เป็นเพราะเขา ข้าจึงได้ก้าวเดินไปบนเส้นทางที่เขาไม่ต้องการจะก้าวเดิน เส้นทางที่เขาไม่กล้าที่จะก้าวเดิน! ทั้งหมดหากถึงคราวต้องย้อนกลับไปหาต้นตอแล้ว! สายเลือดไม่มีความผิด เขาเองก็ไม่ได้กระทำผิด โลกนี้ควรให้ความยุติธรรมแก่เขา เจ้ายิ่งสมควรคืนความยุติธรรมให้เขา! ”

“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่จ้องเขม็งไปที่ราชินีเหรินเสียน กล่าวท่าทีเรียบเฉยเย็นชาว่า “ข้าอยากรู้ว่าสายเลือดไม่มีความผิดอย่างไร! แม้แต่ราชันเซียนเหรินเสียนในครั้งนั้นก็ไม่กล้าพูดคำพูดลักษณะเช่นนี้ออกมา”

“อาศัยอะไรมาหาว่าสายเลือดมีความผิด!” ราชินีเหรินเสียนกล่าวน่าเกรงขามว่า “อีกทั้งผู้คนบนโลกหล้ามีความผิดหรือไม่ก็ใช่จะให้เจ้ามาตัดสิน เจ้าไม่มีสิทธิ์มาตัดสินสายเลือดของคนๆ หนึ่งว่ามีความผิดหรือไม่มีความผิด!”

“พูดแบบนี้แสดงว่าเป็นเพราะสายเลือดอเวจีของราชันเซียนเหรินเสียน เจ้าก็เลยมาโทษข้าแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่งและเอ่ยขึ้นมาช้าๆ

“ถูกต้อง! เป็นเจ้าที่ทำร้ายเขาชั่วชีวิต!” ราชินีเหรินเสียนกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “เป็นเพราะคำพูดคำเดียวของเจ้า บีบบังคับให้เขาต้องทำสัญญาเลือดหมื่นชาติ! เพราะคำพูดของเจ้า เขาต้องรู้สึกตนเองต่ำต้อยเพราะสายเลือดของตน ต้องกังวลใจเพราะสายเลือดของตน เพื่อสายเลือดอเวจีที่บางเบายิ่ง เขาต้องทนทุกข์ทรมานมาครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อตัดขาดสายเลือดอเวจีบนตัวของตนเอง เพื่อให้กลายเป็นสายเลือดเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาได้ทำการเลาะเส้นเอ็นเปลี่ยนกระดูกของตนครั้งแล้วครั้งเล่า…”

“…การเลาะเส้นเอ็นเปลี่ยนกระดูกทุกครั้งล้วนแล้วแต่แลกมาด้วยผลของความเจ็บปวดสุดจะทน ต่อให้บุรุษกระดูกเหล็กที่ไม่ธรรมดาเช่นเขา ยังคงอดที่จะร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวดไม่ได้! เจ้าไม่ได้อยู่ก้าวผ่านความเจ็บปวดด้วยกันกับเขา เจ้าไม่ได้ยินเสียงร้อง โหยหวนของเขา เจ้าไม่เคยได้เห็นเขากลัดกลุ้มจนแทบคลั่งด้วยตาตนเอง! ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้เป็นเพราะสายเลือดที่บางเบาจนสามารถมองข้ามได้นั่น ต้นเหตุความเจ็บปวดทั้งหมดของเขาเพียงเพราะท่าทีของเจ้า เพราะคำพูดคำเดียวของเจ้า!”

ครั้นราชินีเหรินเสียนเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วถึงกับร้องด้วยเสียงแหลมดังออกมา แม้ว่านางจะมีความเป็นทายาทกษัตริย์ แม้ว่านางที่สูงส่งยิ่ง ในขณะนี้ยังถึงกับมีใบหน้าที่บิดเบี้ยว

นางไม่เพียงเป็นราชินีของราชันเซียนเหรินเสียน ยังเป็นผู้รู้ใจของราชันเซียนเหรินเสียน นางอยู่เคียงข้างเขามาโดยตลอดตั้งแต่ราชันเซียนเหรินเสียนเพิ่งจะเริ่มก้าวเดิน นางคอยวางแผนทางทหารให้กับราชันเซียนเหรินเสียน นางอยู่เคียงข้างกายราชันเซียนเหรินเสียน คอยอยู่เคียงข้างเขาผ่านความทุกข์ยากต่างๆ นานา มองเห็นราชันเซียนเหรินเสียนได้รับความทุกข์ มองเห็นราชันเซียนเหรินเสียนได้รับความเจ็บปวด นางที่รักราชันเซียนเหรินเสียนอย่างสุดหัวใจจึงได้ตัดสินใจเลือก ทำในสิ่งที่สุดโต่งขึ้นมา!

“ถูกต้อง ข้าไม่เคยเห็นความเจ็บปวดของเขา และไม่เคยได้ยินเสียงร้องโหยหวนของเขา” หลี่ชิเย่เรียบเฉยมากับคำพูดลักษณะเช่นนี้ เขากล่าวเฉยเมยว่า “ที่เจ้าพูดมาก็ถูก เป็นข้าที่ตัดสินความเป็นความตายของราชันเซียนเหรินเสียน เป็นคำพูดคำเดียวของข้าที่ทำให้เขาให้สัญญาเลือดเอาไว้ แต่ว่า นั่นมันยังไงหละ? ”

“ความเจ็บปวดของราชันเซียนเหรินเสียนข้าไม่รู้หรอกนะ” เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้ ได้จ้องมองราชินีเหรินเสียนน่าเกรงขาม และกล่าวว่า “แต่ว่า ความเจ็บปวดของเก้าแดนข้าได้ประสบมาด้วยตนเอง เห็นมากับตาตนเอง ความมืดมิดครอบคลุมเก้าแดน หมื่นเผ่าพันธุ์กลายเป็นทาส เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ดี เผ่าวิญญาณเทพก็ช่าง ล้วนเป็นเพียงมดปลวกในสายตาของอเวจีเท่านั้นเอง ท่ามกลางวันเวลาอันมืดมิดมีเผ่าพันธุ์มนุษย์จำนวนเท่าไรที่กำลังร้องโหยหวน สิ่งมีชีวิตจำนวนเท่าไรที่ร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า แล้วมีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ถูกเลาะเส้นเอ็นเฉือนเนื้อนำไปต้มรวมกันเป็นสระเลือดและชิ้นเนื้อที่ห้อยเรียงรายราวกับป่าไม้! แล้ยังมีผู้คนจำนวนเท่าไรที่กลายเป็นของเล่นของอเวจี! ”

“เมื่อพูดถึงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ความเจ็บปวดเพียงเท่านี้ของราชันเซียนเหรินเสียนนับเป็นอะไรได้!” หลี่ชิเย่กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “เทียบกับความมืดมิดที่อเวจีครอบคลุมเก้าแดนแล้ว ความเจ็บปวดของราชันเซียนเหรินเสียนไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึง! ข้าสามารถเข่นฆ่ากระทั่งราชันเซียนองค์หนึ่ง กระทั่งสามารถเข่นฆ่าร้อยสำนักพันสำนัก ขอเพียงแลกได้กับการสูญพันธุ์ของอเวจี ทุกอย่างก็นับว่าคุ้มค่า! และข้าไม่คำนึงถึงทั้งสิ้น ข้าไม่สนหรอกนะว่าขั้นตอนระหว่างนี้มีใครจะต้องเจ็บปวด! ”

“ใครมีความผิด ใครสมควรได้รับความทุกข์ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ให้เจ้าเป็นผู้กำหนด และไม่ใช่ผู้คนในโลกหล้าเป็นคนกำหนด ควรให้สวรรค์มาเป็นผู้ตัดสิน!” ราชินีเหรินเสียนกล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “อาศัยคำพูดคำเดียวของเจ้า อาศัยท่าทีเดียวของเจ้าก็ตัดสินโทษผู้อื่น และคิดว่าบุคคลผู้นั้นจะต้องเป็นคนชั่ว มันคือกฎชั่ว และเป็นฆาตรกร! ”

“ถูกต้อง ข้าก็คือประเภทกฎชั่ว และเป็นฆาตรกร ข้าไม่เคยบอกว่าข้าเป็นคนดี ข้ายิ่งไม่ใช่ประเภทพระเจ้าผู้ช่วยโลกอะไรนั่น ข้าคือคนๆ นั้น คนฆ่าสัตว์ที่สองมือเต็มไปด้วยเลือด” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ เฉกเช่นวันนี้ ข้าตัดสินว่าเจ้ามีความผิด พรรคเซียนเหินพวกเจ้ามีความผิด ดังนั้น ข้าจะทำลายล้างเจ้าแน่นอน และเข่นฆ่าทำลายล้างพรรคเซียนเหินแน่นอน นี่แหละคือสิ่งที่ข้าจะทำ และเป็นหนึ่งความหมายที่ทำให้ข้าจะต้องมีชีวิตอยู่มาโดยตลอด!”

“ส่วนจะยุติธรรมหรือไม่นั้น คงต้องรอให้เจ้าตายไปเสียก่อนแล้วค่อยไปถามเอากับสวรรค์โจรก็แล้วกัน แน่นอน อยู่ที่ว่าเจ้าต้องได้พบสวรรค์โจรนั่น” เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้ดวงตาทั้งสองพลันดูน่าเกรงขาม กล่าวเยาะเย้ยว่า “แต่ทว่า เกรงว่าที่สวรรค์โจรนั่นก็คงไม่มีคำว่ายุติธรรม! ”

“ผู้หญิงน่ากลัวเสมอ ไร้เหตุผลสิ้นดี” จังหวะที่ราชินีเหรินเสียนกำลังซักไซ้หลี่ชิเย่ด้วยเสียงอันดังอยู่นั้น กู้จุนส่ายหน้า และกระซิบเบาๆ แต่ว่า ราชินีเหรินเสียนไม่ได้ยินคำพูดของกู้จุน

“อย่าเพิ่งพูดจากอวดดีไป ใครจะทำลายล้างใครยังไม่แน่หรอกนะ” นัยน์ตาราชินีเหรินเสียนพลันดูน่ากลัว เผยปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวออกมา

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “การเชื่อมั่นในตนเองเป็นเรื่องดี เสียดายที่เจ้ามืดบอด ไม่คู่ควรกับฐานะความเป็นราชินี เจ้าคิดว่าอาศัยกำลังความสามารถขั้นต้านรับราชันเซียนได้ก็สามารถสังหารข้าได้อย่างนั้นรึ? เจ้าคิดว่าอาศัยเจ้าเล่นตุกติกกับพรรคเซียนเหิน ด้วยการแก้ไขเคล็ดวิชาขั้นพื้นฐานของสำนักก็สามารถทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างนั้นรึ? ต่อให้เจ้าเดิมพันด้วยพรรคเซียนเหินทั้งหมด และให้กำลังความสามารถของเจ้าแข็งแกร่งจนถึงระดับเคียงคู่ราชันเซียนได้ ในสายตาของข้ามันก็แค่คนที่โง่เขลาคนหนึ่งเท่านั้น!”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้นัยน์ตาของราชินีเหรินเสียนดูน่ากลัวขึ้นมา และเผยปณิธานการฆ่าที่รุนแรงออกมา จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ชนิดไม่กระพริบตา นางนึกไม่ถึงว่าหลี่ชิเย่จะรู้ถึงเรื่องนี้ได้

“ไม่มีอะไรต้องตกใจหรอกนะ” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “ครั้งนั้นขณะที่อาศัยกำลังเข้าตรวจค้นข้าเคยตรวจเคล็ดวิชาพรรคเซียนเหินของพวกเจ้า พบว่าเคล็ดวิชาพื้นฐานของสำนักได้มีการแก้ไข แม้ว่าส่วนที่แก้ไขจะไม่เด่นชัดนัก แต่ว่า นั่นเป็นการซ่อนคัมภีร์อเวจีเอาไว้อย่างแน่นอน คนอื่นดูไม่รู้ แต่อย่าลืมสิ เคล็ดวิชาลับของอเวจีในคราวนั้นตกอยู่ในมือของใคร!”

“รู้แล้วจะทำไม!” ราชินีเหรินเสียนกล่าวน่าเกรงขามว่า “ที่พรรคเซียนเหินมีวันนี้ล้วนแล้วแต่เกิดจากเจ้าทั้งสิ้น!”

ที่แท้ราชินีเหรินเสียนได้ทำการแก้ไขเพิ่มเติมเคล็ดวิชาพื้นฐานของสำนักต่อบรรดาเคล็ดวิชาหลักๆ สำคัญๆ ของพรรคเซียนเหินเอาไว้ โดยอ้างว่าเป็นการแก้ไขให้ดีขึ้น แน่นอน พรรคเซียนเหินไม่รู้หรอกว่าเป็นการเล่นตุกติกของราชินีเหรินเสียนที่อยู่เบื้องหลัง เพียงแต่อาศัยระดับบรรพบุรุษที่มีทักษะยุทธแข็งแกร่งบางคนที่ให้การสนับสนุนต่อราชินีเหรินเสียน ทำการถ่ายทอดเคล็ดวิชานี้ให้กับศิษย์ภายในสำนักเท่านั้น และถ่ายทอดต่อๆ กันไปรุ่นสู่รุ่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล