ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1684

ตอนที่ 1684 สายเลือดอเวจี
แม้แต่ระดับสามารถต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าได้ มองดูภาพของหลี่ชิเย่ที่อาศัยกำลังของตนโดยลำพังรับกับทะเลฟ้าร้องฟ้าผ่าที่น่ากลัวเช่นนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะได้พบเห็นแล้ว ต้องรู้สึกกลัวขวัญอ่อนขึ้นมาในใจ นี่มันคือวิบากภัยสำหรับระดับราชันเซียนเท่านั้น อีกทั้งวิบากภัยเช่นนี้มีเพียงราชันเซียนเท่านั้นที่ท้าทายมันได้ เวลานี้ หลี่ชิเย่กลับรองรับมันได้อย่างปลอดภัย ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ หลี่ชิเย่ต้องการนำเอาทะเลฟ้าร้องฟ้าผ่านี้มากลั่นให้เป็นของตนเอง

การนำเอาวิบากภัยสวรรค์ลงทัณฑ์มากลั่นให้เป็นของๆ ตนเอง มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถจินตนาการถึงสิ่งนี้ได้ โดยเฉพาะกับวิบากภัยสรรค์ลงทัณฑ์ระดับเช่นนี้ หากไม่ทันระวังแม้เพียงน้อยนิดก็จะทำให้บุคคลผู้นั้นต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไป หากผู้ใดสามารถต้านได้กับวิบากภัยเช่นนี้ล้วนแล้วแต่สามารถยกย่องว่าเป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการกลั่นเอามาเป็นของๆ ตนเลย

“เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ” เสียงฟ้าแลบดังขึ้น ในเวลานี้เองหลังจากวิบากภัยและสวรรค์ลงทัณฑ์ที่ผ่านการกลั่นของหลี่ชิเย่แล้วถึงกับอยู่ในการควบคุมของเขา ทันใดนั้น หลี่ชิเย่ได้ปล่อยสายฟ้าแลบออกมา โดยที่สายฟ้านี้มีสีทองละลานตา เหมือนว่ามันถูกหล่อขึ้นมาจากทองคำอย่างนั้น โดยที่สายฟ้าดังกล่าวนี้มีพลังสวรรค์ลงทัณฑ์อยู่ในตัวด้วย

ทันใดนั้น สายฟ้าที่ปล่อยออกมาจากบนตัวของหลี่ชิเย่ได้ตรงเข้าซัดใส่ตัวของพี่น้องโอรสราชันเซียนเหรินเสียนทั้งสี่ที่รวมเป็นร่างเดียวกันนั้นอย่างจัง

“อ๊ากก” เมื่อพี่น้องโอรสราชันเซียนเหรินเสียนทั้งสี่ที่รวมเป็นร่างเดียวกันถูกสายฟ้าฟาดเข้าให้ถึงกับร้องอย่างน่าเวทนาออกมา และตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง

โอรสราชันเซียนเหรินเสียนสี่พี่น้องสำเร็จกายเซียนขั้นสมบูรณ์ สัจธรรมก็อยู่ในขั้นสมบูรณ์ เรียกได้ว่าปราศจากผู้ต่อกร แต่ทว่า เวลานี้ท่ามกลางการสยบจากหลี่ชิเย่ถึงสองคนทำให้ไม่สามารถขัดขืนได้ ภายใต้สายฟ้าฟาดที่มีพลังสวรรค์ลงทัณฑ์รวมอยู่ด้วย จึงได้แต่ทนรับความเจ็บปวดสถานเดียว

“เจ้าคิดจะทำอะไร” เมื่อราชินีเหรินเสียนในฐานะมารดาที่จิตผูกพันอยู่กับลูกๆ ของตน เห็นโอรสราชันเซียนเหรินเสียนถูกสายฟ้าสีทองฟาดใส่ร่างอย่างรุนแรง จึงร้องเสียงดังออกมา

“บูชาสวรรค์” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “แผนชั่วร้ายไม่เคยมีความปราณี มีเพียงจบลงด้วยความสกปรกและกลิ่นคาวเลือด! ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะสมคบคิดกับอเวจี ควรสำนึกได้ว่าจะต้องจบลงด้วยความเศร้ามานานแล้ว”

“อ๊ากก” ในขณะนี้โอรสราชันเซียนเหรินเสียนสี่พี่น้องร้องเสียงแหลมดังที่เศร้ารันทดออกมา

“ฆ่า” ราชินีเหรินเสียนเห็นลูกๆ ของนางได้รับทุกข์ทรมาน จึงร้องเสียงดังออกมา มือข้างหนึ่งหยิบฉวยสุริยันจันทรา หนึ่งกระบวนท่าทำล้ายล้างหมื่นอาณาจักร อาศัยท่วงท่าที่อันธพาลที่สุดเข้าหามังกรเขียว

มังกรเขียวคำรามเสียงยาวดังก้องเก้าชั้นฟ้า ทวนยาวแทงออกไปอย่างรวดเร็ว ทุกๆ ประกายทวนเสมือนดั่งทางช้างเผือกที่พุ่งเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว สามารถทำลายทุกสิ่งบนโลกมนุษย์ได้

“ตูม ตูม ตูม…” เวลานี้ทั้งราชินีเหรินเสียนและมังกรเขียวต่อสู้พันตูกันแยกไม่ออก สู้กันจนดุเดือดเลือดพล่าน!

ราชินีเหรินเสียนคิดทำลายแนวป้องกันของมังกรเขียวเพื่อไปช่วยลูกๆ ของนาง แต่ว่ามังกรเขียวเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว และโจมตีอย่างบ้าคลั่งรุนแรง อาศัยท่าทีที่ดุดันที่สุดต้านขวางการโจมตีของราชินีเหรินเสียนเอาไว้

การที่กองทัพมังกรเขียวมีความแข็งแกร่งเช่นนี้นับว่าไม่แปลก เป็นที่ทราบกันดีว่าพวกเขาเป็นผู้ที่ต่อต้านการโจมตีที่ดุดันและโหดร้ายทารุณของอเวจีรอบแล้วรอบเล่าในครั้งนั้น

เสียงดัง “แช้งค์” หลังจากที่บุกโจมตีมาหลายครั้งแล้วไม่ได้ผล ราชินีเหรินเสียนได้ยื่นมือออกไป พลันกระบี่ราชันเซียนเหรินเสียนปรากฏอยู่ในมือของนางโดยพลัน นางถึงกับร้องเสียงแหลมออกมา “ฝ่าบาท โปรดช่วยเหลือข้าอีกแรง!”

กระบี่เหรินเสียนที่อยู่ในมือเงียบกริบ ไม่มีอานุภาพราชันเซียน ไม่มีอภินิหารสำแดงออกมา เหมือนว่าตกอยู่ในภาวะเงียบงัน

“ไม่” สีหน้าของราชินีเหรินเสียนถึงกับขาวซีด เมื่อกระบี่เหรินเสียนไม่ตอบสนองใดๆ นางร้องเสียงดังว่า “ท่านทอดทิ้งข้าไม่ได้ ท่านทำแบบนี้ไม่ได้”

“แช้งค์” เสียงของทวนที่ทำลายหยิงหยาง มังกรเขียวอาศัยท่วงท่าที่พาลที่สุดโจมตีเข้าใส่ เมื่อกระบี่เหรินเสียนไม่ตอบสนอง ราชินีเหรินเสียนได้แต่ร้องเสียงดังออกมาพร้อมกับทิ้งกระบี่และรับมือกับทวนที่โจมตีเข้ามา!

“อ๊ากก” นาทีนี้เอง โอรสราชันเซียนเหรินเสียนสี่พี่น้องต่างร้องเสียงน่าเวทนาออกมา ทันใดนั้น เดิมทีพวกเขาสี่พี่น้องได้รวมร่างเป็นหนึ่ง เวลานี้กลับถูกหลี่ชิเย่อาศัยพลังของสวรรค์ลงทัณฑ์จัดการแยกร่างพวกเขาออกจากกันดื้อๆ การที่พวกของโอรสราชันเซียนเหรินเสียนสี่พี่น้องรวมร่างกันอย่างสมบูรณ์ และอาศัยสี่ยอดกายเซียนที่แข็งแกร่งของพวกเขายังพอจะต้านกับหลี่ชิเย่ได้

เวลานี้ พวกเขาทั้งสี่ถูกจับแยกออกโดยพลัน จึงทำให้ไม่สามารถต้านกับหลี่ชิเย่สองคนได้อีก พวกเขาตกอยู่ในสภาพที่ต้องถูกเชือดสถานเดียวเท่านั้น

เสียง “เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ” ดังขึ้น ทันใดนั้นหลี่ชิเย่ได้แยกสายฟ้าสีทองออกมาอีกสามสาย พี่น้องเหรินเสียนทั้งสี่ถูกสายฟ้าตรึงเอาไว้บนท้องฟ้าคนละสาย อีกทั้งสายฟ้าแต่ละสายล้วนแล้วแต่ ทิ่มแทงเข้าไปภายในร่างกายของพวกเขาโดยตรง หลี่ชิเย่ต้องการอาศัยพลังสวรรค์ลงทัณฑ์มาหลอมกลั่นพวกเขาทั้งสี่พี่น้อง!

“เป็นพวกเจ้าที่บีบบังคับข้า!” เมื่อราชินีเหรินเสียนมองเห็นลูกๆ ของนางได้รับทุกข์ทรมาน นางร้องเสียงแหลมดังออกมาทีหนึ่ง ทันใด้นั้นร่างทั้งร่างของนางเจิดจรัสยิ่งนัก ภายในกายของนางได้พวยพุ่งอักขระยันต์ที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์มากออกมา โดยที่อักขระยันต์เก่าแก่ดึกดำบรรพ์นี้ได้แฝงไว้ซึ่งพลังที่ลึกลับยิ่งมาด้วย

“เจ้าบรรพบุรุษ ขออาศัยเลือดของลูกหลานบูชาท่าน” เวลานี้ ปากราชินีเหรินเสียนท่องบ่นเป็นคาถาขึ้นมา อาศัยสุดยอดวิชาประสานฟ้าดิน คาถาดังก้องอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ทำการเทศนาธรรมไปจบแล้วจบเล่า

“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไร้นาม สัจจธรรมปราศจากยากลำบาก ใจไร้สิ่งแปดเปื้อน อาศัยสัจธรรมโลก…” เวลานี้ เสียงคัมภีร์ของราชินีเหรินเสียนสะท้อนก้องฟ้าดิน

ในขณะเดียวกัน ผู้คนทุกระดับในพรรคเซียนเหินก็มีเสียงคัมภีร์บทนี้ดังขึ้น ศิษย์ภายในพรรคเซียนเหินส่วนใหญ่ต่างเทศนาคัมภีร์บทนี้ขึ้นโดยพร้อมเพรียง “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไร้นาม สัจจธรรมปราศจากยากลำบาก ใจไร้สิ่งแปดเปื้อน อาศัยสัจธรรมโลก…”

เดิมเป็นเคล็ดวิชาพื้นฐานประจำสำนักของพรรคเซียนเหิน เวลานี้กลับผิดรูปไป พวกเขาต่างเทศนาคัมภีร์บทนี้ตามราชินีเหรินเสียน พลันทำให้พวกเขามีเลือดในกายที่ร้อนระอุเดือดพล่าน อยากจะเข้าสู่สมรภูมิรบเดี๋ยวนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

ครั้นศิษย์พรรคเซียนเหินทุกคนต่างเทศนาบทคัมภีร์บทนี้แล้วนั้น ทำให้ร่างกายของพวกเขาเปล่งเป็นประกายขึ้นทั่วทั้งตัวและปรากฏปีกแสงขึ้นมา ทันใดนั้น พวกเขาเหมือนดั่งได้รับความช่วยเหลือจากสวรรค์ ได้ครอบครองพลังจากสวรรค์

“ตูม” ในขณะนี้ ปรากฏเสียงดังตูมตามดังขึ้นมาเป็นระลอกภายในร่างกายของราชินีเหรินเสียน สายเลือดของนางพลันพลุ่งพล่านขึ้นเหมือนตื่นขึ้นมาอย่างนั้น ในเวลานี้ ทั่วร่างของนางเปล่งเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ออกมา และร่างทั้งร่างของนางดูเหมือนโปร่งแสงอย่างนั้น มองเห็นสายเลือดที่ขาวดั่งหิมะกำลังไหลรินอยู่

“แว้งค์” เวลานี้ดวงตาของราชินีเหรินเสียนเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งกลับกลายเป็นดวงตาที่ตั้งตรง รูม่านตาคู่นั้นถึงกับตั้งตรง แลดูประหลาดยิ่งนัก

หลี่ชิเย่ถึงกับยิ้มนิดหนึ่ง เมื่อมองเห็นภายในกายของราชินีเหรินเสียนถึงกับหลั่งรินเป็นสายเลือดที่ขาวดั่งหิมะ กล่าวช้าๆ ขึ้นมาว่า “ที่แท้เจ้าอาศัยตัวเจ้าเองในการทดลอง อาศัยเลือดราชันของราชันเซียนเหรินเสียนมากลั่นเลือดของอเวจี จากมืดมิดไปถึงขีดสูงสุด จากดำกลับกลายเป็นขาว”

“ใครบอกว่าอเวจีก็คือความมืด” ราชินีเหรินเสียนร้องกล่าวเสียงดังว่า “เจ้านั่นแหละคือต้นกำเนิดความมืดของเก้าแดน อเวจีมันก็แค่เผ่าพันธุ์ๆ หนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีความผิดอะไร! ”

พลันที่ราชินีเหรินเสียนพูดขาดคำ หน้าผากของนางปริออก ปรากฏตาที่สามขึ้นมา ได้ยินเสียงดัง “ปุ” กลางหน้าผากปรากฏแอ่งเลือดเล็กๆ เหมือนว่ามีเลือดอยู่ในนั้นแค่ไม่กี่หยดเท่านั้น แต่ว่าเลือดดังกล่าวแปลกประหลาดยิ่งนัก แดงจนค่อนไปทางดำ

เวลานี้ เมื่อเลือดที่อยู่ภายในแอ่งขนาดเล็กกระเพื่อม เส้นชีพจรใต้ดินภายในพรรคเซียนเหินพลันสว่างไสวขึ้นมา ทำให้พื้นที่ทุกตารางนิ้วของพรรคเซียนเหินล้วนแล้วแต่เปล่งประกายที่ศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ขึ้นมา

“ดูท่าอเวจียอมลงทุนจริงๆ นะเนี่ย เพื่อให้เจ้าทดลอง เพื่อให้พรรคเซียนเหินกลายเป็นสมุน ถึงกับยอมให้เลือดบรรพบุรุษกับเจ้า นี่คือเลือดต้นกำเนิดอเวจีเลยนะ” หลี่ชิเย่เองก็รู้สึกเหนือความคาดคิดอยู่สามส่วน ยิ้มกล่าวขึ้นเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว

ในด้านการวิวัฒนาการทางสายเลือดนั้น ราชินีเหรินเสียนนับว่าก้าวล้ำไปมาก นางทำให้สายเลือดของอเวจีมองดูแล้วมีความศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์เป็นอันมาก มีพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่ในครอบครอง ด้วยเหตุนี้เอง อเวจีจึงใจป้ำกับนางยิ่งนัก ถึงกับให้เลือดบรรพบุรุษอเวจีกับนาง

ขณะที่ราชินีเหรินเสียนก็ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด หวังจะให้พรรคเซียนเหินได้วิวัฒนาการกลายเป็นสำนักที่มีสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ให้พรรคเซียนเหินได้เป็นราชันเซียนตลอดกาล ดังนั้น นางจึงทำอะไรบางอย่างกับชีพจรใต้ดินของพรรคเซียนเหิน อาศัยเลือดบรรพบุรุษย้อมเปลี่ยนแปลงเส้นชีพจรใต้ดินของพรรคเซียนเหิน ยามที่สายเลือดของนางปะทุนั้น ไม่เพียงบรรดาศิษย์พรรคเซียนเหินที่ฝึกเคล็ดวิชาพื้นฐานเริ่มต้นจะก้าวหน้าขึ้น แม้แต่เส้นชีพจรใต้ดินของพรรคเซียนเหินก็กลมกลืนตามไปด้วย

วิธีการลักษณะเช่นนี้หากเป็นคนอื่นจะไม่สามารถทำได้ เส้นชีพจรใต้ดินเรียกว่าได้ผ่านการสยบมายุคแล้วยุคเล่า บังเอิญราชินีเหรินเสียนคือภรรยาของราชันเซียน ตัวของนางเองแต่เดิมก็มีทักษะยุทธที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งอยู่แล้ว พรสวรรค์ของนางในยุคของราชันเซียนเหรินเสียนก็จัดอยู่ในอันดับต้นๆ

ท่ามกลางกาลเวลาอันยาวนาน นางค่อยๆ รุกและเซาะเส้นชีพจรใต้ดินของพรรคเซียนเหินไปเรื่อยๆ และทำให้ศิษย์พรรคเซียนเหินกลมกลืนเป็นพวก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบรรพบุรุษพรรคเซียนเหินจำนวนไม่น้อยที่ยืนอยู่ข้างฝ่ายของราชินีเหรินเสียน โดยเฉพาะสายของราชันเซียนเหรินเสียน ในยุคหลังๆ สองสามยุคนี้ได้ให้ความช่วยเหลือราชินีเหรินเสียนลับๆ อย่างเต็มที่ เมื่อเป็นเช่นนี้ พรรคเซียนเหินไม่ตกไปอยู่ในมือของราชินีเหรินเสียนก็คงแปลก

“ตูม” เสียงดังสนั่นขึ้นมา ขณะที่สายเลือดของราชินีเหรินเสียน ปะทุขึ้นมา ทันใดนั้นด้านหลังของนางปรากฎเป็นท้องฟ้าขึ้นมา เมื่อเป็นเช่นนี้เป็นเสมือนหนึ่งสวรรค์อยู่ด้านหลังของนางอย่างนั้น ได้ยินเสียงดัง “แว้งค์” นาทีนี้ทั่วทั้งตัวของราชินีเหรินเสียนได้พวยพุ่งประกายไฟออกมา แต่เดิมเวลาสายเลือดอเวจีประทุขึ้นมาจะเป็นสีดำ แต่จากการที่ราชินีเหรินเสียนทำการวิวัฒนาการแล้ว สายเลือดที่ปะทะขึ้นมากลับดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก พลังศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้สามารถโน้มน้าวผู้อื่นได้ ทำให้บุคคลนั้นยอมเป็นพวกกับนาง

นาทีนี้ราชินีเหรินเสียนเหมือนหนึ่งได้รับการปกป้องคุ้มครองจากสวรรค์อย่างนั้น พลังของนางใช่จะมีเพียงเท่านี้ “ตึง ตึง ตึง” เสียงการเต้นของฟ้าดินดังขึ้น ด้านหลังของนางกลายเป็นแคว้นๆ หนึ่ง เป็นแคว้นที่มีพื้นที่ใหญ่โตสุดลูกหูลูกตา มันมีพลังจากสิ่งมีชีวิตถึงหนึ่งล้านล้านชีวิต

ในเวลานี้ บรรดาศิษย์พรรคเซียนเหินทั้งหมดที่ได้ฝึกเคล็ดวิชาพื้นฐานนั่นล้วนแล้วแต่ กลายเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ โดยที่ตัวของพวกเขาเหล่านั้นหายไป และประกายศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวได้พุ่งเข้าไปอยู่ภายในแคว้นที่แบกอยู่หลังราชินีเหรินเสียน ทันใดนั้น ศิษย์พรรคเซียนเหินแต่ละคนล้วนแล้วแต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของแคว้น พวกเขาอาศัยพลังชีวิตที่น่าเกรงขามและไม่มีสิ้นสุดทำให้ราชินีเหรินเสียนมีพลังเพิ่มมากขึ้น

ไม่เพียงแต่ศิษย์พรรคเซียนเหินที่เข้าไปอยู่ในแคว้นดังกล่าว แม้แต่พลังจากเส้นชีพจรใต้ดินและละเส้นยังถูกดึงให้แยกออกมาให้เข้าไปอยู่ในแคว้น ทำให้ราชินีเหรินเสียนมีพลังของหนึ่งโลกธาตุอยู่ในครอบครอง

เสียง “แช้งค์” ดังขึ้น ในเวลานี้ในมือของราชินีเหรินเสียนถือกระบี่กระดูกอยู่เล่มหนึ่ง กระบี่กระดูกเล่มนี้มีสีดำดั่งหมึก พลังดำมืดที่มันแผ่ออกมาทำให้ทุกคนต้องหวาดกลัว เนื่องจากกระบี่กระดูกเล่มนี้สามารถแทงทะลุทุกสิ่งทุกอย่างในโลกหล้านี้ได้ เหมือนว่าต่อให้เป็นเทพแท้จริงหากถูกกระบี่กระดูกเล่มนี้แทงเข้าให้ก็ต้องเน่าเปื่อยไป ชีวิตที่เป็นนิรันดร์ก็ต้องมอดม้วยในทันที นี่คือกระบี่กระดูกที่เป็นตัวแทนแห่งความตาย

“สุดยอดมาก อเวจีนับว่ายอมลงทุนหนัก และตั้งใจบ่มฟักเจ้า แม้แต่กระบี่กระดูกที่ใช้กระดูกงอกของปฐมบรรพบุรุษหลอมสร้างขึ้นมายังมอบให้กับเจ้าได้” ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่ดูน่าเกรงขามและเผยปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวขึ้นมา เมื่อได้เห็นกระบี่กระดูกเล่มนี้แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล