ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1689

ตอนที่ 1689 ต้นเทพอสุนีมารโลหิตสายฟ้า
หลังจากศิษย์พรรคเซียนเหินทั้งหมดที่ถูกสายเลือดอเวจีเข้าแทรกซึมถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว หลี่ชิเย่ได้มองดูศิษย์พรรคเซียนเหินที่โชคดีรอดชีวิตมาได้อย่างเย็นชา และกล่าวน่าเกรงขามว่า “หนีไป หนีให้ไกลได้เท่าไรยิ่งดี นับจากนี้ไปโลกนี้จะไม่มีพรรคเซียนเหินอีกต่อไป”

เมื่อศิษย์พรรคเซียนเหินที่โชคดีรอดชีวิตมาได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่และได้สติกลับมาต่างรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมา เวลานี้ หลี่ชิเย่สำเร็จสี่กายเซียนขั้นสมบูรณ์ ปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้า คำพูดแต่ละคำล้วนเปี่ยมด้วยอำนาจยิ่งนัก เวลานี้แม้เขาไม่ใช่ราชันเซียนแต่เป็นยิ่งกว่าราชันเซียน เป็นที่เคารพยำเกรงของผู้คนในหล้า

เวลานี้ บรรดาศิษย์พรรคเซียนเหินที่โชคดีรอดชีวิตมาไหนเลยจะกล้าพูดอะไรออกมา ต่างทยอยหันหลังออกวิ่งหนีไปในทันที หนีออกไปจากพรรคเซียนเหิน หนีไปจากสถานที่ที่เคยเป็นบ้านของพวกเขามาก่อน

ในเวลานี้ สำหรับผู้อ่อนแอเช่นพวกเขาเรียกได้ว่าไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว ไม่ก็หนีไปและอยู่อย่างเอาตัวรอดไปวันๆ ไม่ก็รั้งอยู่ที่ตรงนี้และถูกเข่นฆ่าไป ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกที่จะหนีไป พวกเขาที่เป็นเพียงผู้อ่อนแอเปรียบประดุจเช่นมดปลวกย่อมไม่สามารถต่อต้านหลี่ชิเย่ได้อยู่แล้ว ต่อให้รั้งอยู่ต่อก็ไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด

มองดูบรรดาศิษย์พรรคเซียนเหินที่โชคดีรอดชีวิตมาทยอยกันแยกย้ายหลบหนีไป หลี่ชิเย่ปล่อยให้พวกเขาได้หลบหนีไปตามสบายโดยขี้คร้านจะไปมองพวกเขาอีก กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว เขาไม่มีอารมณ์ที่จะไปตามไล่ล่าบรรดาศิษย์พรรคเซียนเหินเหล่านี้อีกต่อไป

ผู้ที่ได้เห็นภาพเช่นนี้แล้วถึงกับนิ่งเงียบเป็นเวลานาน ไม่นานมานี้เองหนึ่งสำนักห้าราชันเซียนเฉกเช่นพรรคเซียนเหินช่างมีหน้ามีตาเพียงใด ช่างสุดยอดในหล้าไม่มีผู้ใดเทียบเทียมเช่นใด เรียกได้ว่าพลันที่พรรคเซียนเหินปรากฎออกมาสามารถบัญชาทั่วหล้าได้ จะมีใครสักกี่คนในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินกล้าเป็นศัตรูกับพรรคเซียนเหิน

แล้วใครเล่าจะคาดคิดว่าพรรคเซียนเหินที่มีหน้ามีตาไม่สิ้นสุด ปราศจากผู้ต่อกรในเก้าแดนกลับร่วงหล่นลงมาจากฟ้าเพียงแค่ชั่วข้ามคืน ศิษย์ภายในสำนักเสมือนหนึ่งสุนัขไม่มีเจ้าของที่วิ่งเตลิดหนีไป

หลี่ชิเย่ปล่อยให้ศิษย์พรรคเซียนเหินที่โชคดีรอดชีวิตมาได้หนีไปตามปรารถนา เขามองไปบนท้องฟ้าอย่างน่าเกรงขาม สายตาของเขากวาดตามองไปยังเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกๆ พิกัดในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน และช่องว่างล้วนแล้วแต่ไม่อาจรอดพ้นจากดวงตาทั้งสองของเขาไปได้

ในเวลานี้ ตัวเขาที่สำเร็จสี่สุดยอดกายเซียนขั้นสมบูรณ์นั้น ทุกๆ อิริยาบถของเขาล้วนแล้วแต่ สยบไปหมื่นอาณาจักร กระทั่งเรียกได้ว่าหากเขาหลับตาก็คือกลางคืน ลืมตาคือกลางวัน ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะดำรงอยู่ในสถานะแข็งแกร่งเพียงใด ต้านรับราชันเซียนได้ก็ดี เทียบเคียงราชันเซียนก็ช่าง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลี่ชิเย่ที่สำเร็จสี่ยอดกายเซียนขั้นสมบูรณ์ก็สมควรต้องสั่นเทา!

ฉะนั้น เมื่อสายตาที่สามารถสังหารสิ้นเทพมารของหลี่ชิเย่ได้กวาดตามองไปยังเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินครั้งแล้วครั้งเล่า บรรดาระดับปราศจากผู้ต่อกร สุดยอดผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินล้วนแล้วแต่ต้องนิ่งเงียบเป็นเวลานาน กระทั่งมีผู้ปราศจากผู้ต่อกรที่ต้องสั่นเทาภายในใจ

นาทีนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่ ทุกคนล้วนแล้วแต่เกรงว่าหลี่ชิเย่จะลงมือกับตนอย่างกะทันหัน อาศัยลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ หากเขาลงมือโดยพลันล่ะก็ ไม่ว่าผู้นั้นจะดำรงอยู่ในสถานะเช่นนใดก็ต้องถูกสังหารแน่นอน!

“สำเร็จสี่ยอดกายเซียนขั้นสมบูรณ์ ช่างเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะให้ผู้คนต้องเคารพยำเกรงเพียงใด เก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินสมควรต้องสั่นเทา ขอเพียงเขาอยู่เฝ้าปกป้องในโลกหล้า อเวจีก็ดี ราชันเซียนก็ช่าง ล้วนแล้วแต่มีสิทธิ์สั่นเทาสถานเดียว! ” แม้แต่เถ้าแก่ร้านที่หลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังโต๊ะเถ้าแก่อย่างยวีเจิ้นฟงในเวลานี้ก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า และกล่าวพึมพำออกมาขณะไม่ได้สติ

หลังจากที่ศิษย์พรรคเซียนเหินที่โชคดีรอดชีวิตมาได้และหลบหนีไปจนหมดแล้ว หลี่ชิเย่พลันลงมือ เสียง “ตูม” ดังสนั่น เขตหวงห้ามหลายแห่งของพรรคเซียนเหิน ถูกหลี่ชิเย่โจมตีจนทะลุ ไม่ว่าจะเป็นแนวป้องกันของราชันเซียนก็ดี ผ่านการปลุกเสกจากปรัชญาเมธีแต่ละยุคสมัยมาก็ช่าง ในเวลานี้ไม่ว่าการปิดกั้นจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถขวางหลี่ชิเย่เอาไว้ได้ ถูกหลี่ชิเย่ตีแตกไปทีละแห่ง

“ตูม ตูม ตูม” เสียงตูมตามดังขึ้นมาเป็นระลอก หลี่ชิเย่จัดการลากเอาคลังสมบัติของพรรคเซียนเหินออกมาทีละแห่งๆ และขนย้ายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แต่ละต้น น้ำพุศักดิ์สิทธิ์แต่ละแห่งเอาไปทั้งหมด

เห็นคลังสมบัติแต่ละแห่งที่มีประกายศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่าน เห็นน้ำพุศักดิ์สิทธิ์แต่ละแห่งที่พวยพุ่งสุดยอดน้ำศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา มองดูต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แต่ละต้นที่มีประกายศักดิ์สิทธิ์ลากยาวออกมา………ผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อได้เห็นของวิเศษแต่ะชิ้น ต่อให้ผู้ที่มีประสบการณ์ชีวิตมานับไม่ถ้วน เมื่อเห็นของวิเศษมากมายเช่นนี้แล้วก็อดที่จะต้องกลืนน้ำลายไม่ได้

พรรคเซียนเหินคือสำนักที่มีฐานะหนึ่งสำนักห้าราชันเซียนนะเนี่ย เริ่มต้นก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ยุคไร้ซึ่งอารยะธรรมที่ดึกดำบรรพ์ยิ่งนัก ผ่านการสั่งสมมายุคแล้วยุคเล่า ผ่านยุคของไร้ซึ่งอารยะธรรม ยุคบุกเบิกอารยะธรรม ยุคอเวจี ยุคเหล่าราชัน พรรคเซียนเหินในแต่ละยุคสมัยที่ผ่านมาไม่รู้ว่าได้สั่งสมทรัพยากรเอาไว้เท่าไร มีของวิเศษจำนวนเท่าไรในครอบครอง

มาวันนี้ คลังสมบัติทั้งหมดที่เห็นอยู่ตรงหน้า ล้วนแล้วแต่ถูกหลี่ชิเย่ยึดเอาไปเพียงคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นคลังสมบัติ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สมุนไพรเซียน และหรือน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ภูเขาวิเศษ ทั้งหมดถูกหลี่ชิเย่กวาดเอาไปสิ้น ทำให้หลายคนรู้สึกอยากได้มาก หลายคนรู้สึกอิจฉา

แต่ว่าเวลานี้ไม่มีใครกล้าไปแย่งชิ้นเนื้อมันกับหลี่ชิเย่ ไม่มีใครกล้าคิดวางแผนแย่งชิ้นเนื้อมันกับหลี่ชิเย่ คนโหดอันดับหนึ่งกล้าทำลายล้างกระทั่งพรรคเซียนเหิน แล้วยังจะมีอะไรที่เขาทำลายล้างไม่ได้อีก? ใครหาญกล้าไปแย่งชิ้นเนื้อมันจากปากของเขา ใครกล้าไปเป็นศัตรูกับเขา เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายเอง

เวลานี้ คนโหดอันดับหนึ่งคือผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าแล้ว ต่อให้ราชันเซียนมาเองยังต้องอ่อนข้อให้กับเขา ไม่ว่าใครก็ตามในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินล้วนแล้วแต่ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับเขา

ท้ายที่สุด หลี่ชิเย่เสมือนหนึ่งเป็นลมพายุที่พัดผ่าน และหอบเอาสมบัติของพรรคเซียนเหินจนเกลี้ยง เขามองดูพื้นดินตรงหน้าที่มีขนาดกว้างใหญ่ไพศาลแล้ว ถึงกับกล่าวเฉยเมยว่า “พื้นดินที่ดีขนาดนี้หากปล่อยให้มันรกร้างว่างเปล่านับว่าน่าเสียดาย น่าจะปลูกอะไรบ้างนะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล