ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1692

ตอนที่ 1692 พบผีเฒ่าอีกครั้ง
หลี่ชิเย่พักอยู่ไม่กี่วันก็ออกเดินทางไปยังสุสานเทียนกู่ การไปสุสานเทียนกู่ในครั้งนี้ของเขาไม่ได้เพื่อตัวเอง แต่เพื่อเก้าแดน เขาจำต้องทำข้อตกลงกับสุสานเทียนกู่

การมาเยือนเมืองเทียนกู่อีกครั้ง เป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันอีกแบบหนึ่ง และเป็นอารมณ์ที่แตกต่างกัน คราวก่อนที่มายังเมืองเทียนกู่นั้น เป็นการมาพร้อมกับพวกของหลี่ซวงเหยียน คราวนี้เขามาเพียงลำพังคนเดียว โดยไม่มีผู้ใดติดตามมาด้วย

หลี่ชิเย่ ถึงกับจ้องมองดูสุสานเทียนกู้จากระยะห่างไกล ขณะยืนอยู่นอกเมืองเทียนกู่ จะว่าไปแล้วการมีสถานที่ฝังศพเฉกเช่นสุสานเทียนกู่เช่นนี้ กล่าวสำหรับเก้าแดนแล้วไม่รู้ว่าเป็นความโชคร้ายหรือโชคดีไม่อาจทราบได้ แต่ว่า หากจะว่ากัน ณ เวลานี้ ไม่มีอะไรสามารถสร้างความกดดันต่อเก้าแดนมากไปกว่าอเวจีได้อีกแล้ว

หลี่ชิเย่ก้าวเท้าเข้าไปในเมืองเทียนกู่ มาถึงร้านผีเฒ่า ร้านผีเฒ่ายังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เหมือนว่ากาลเวลาผ่านไปยาวนานมากเท่าไรก็ตาม ร้านขนาดเล็กร้านนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนว่าไม่มีสิ่งใดในโลกสามารถลบเลือนร้านเล็กๆ ร้านนี้ไปได้

ผีเฒ่ายังคงนั่งคุดคู้อยู่ภายในร้านเล็กๆ นั่น เมื่อหลี่ชิเย่ก้าวเท้าเข้าไปภายในร้าน ผีเฒ่าที่แห้งเหี่ยวพลันลืมตาทั้งสองขึ้นมาทันที ดวงตาคู่นั้นของเขาส่วนที่เป็นสีขาวมีมากกว่าส่วนที่เป็นตาดำเวลานี้พลันหมุนเคลื่อนที่ดั่งกับหยินและหยางทันที โดยหมุนอยู่อย่างนั้นไม่หยุดนิ่ง เสมือนหนึ่งสามารถกลั่นทำลายเก้าแดนได้อย่างนั้น

หลี่ชิเย่ไม่สนใจว่าดวงตาของผีเฒ่าจะมีความน่ากลัวเพียงใด ความจริงแล้ว ตัวเขาที่สำเร็จสี่ยอดกายเซียนขั้นสมบูรณ์แล้วนั้น ต่อให้ไม่อาศัยวิธีการใดๆ ก็สามารถกวาดล้างศัตรูทั้งหมดจนสิ้นได้อยู่แล้ว

หลี่ชิเย่ในเวลานี้จึงนั่งลงตรงหน้าผีเฒ่าด้วยท่าทีที่ไม่เกรงใจ และจ้องหน้าผีเฒ่าอยู่

“ข้าหน่ะแก่แล้ว เรื่องราวมากมายก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เรื่องหลายเรื่องได้ลืมไปหมดแล้ว” ผีเฒ่ากล่าวด้วยท่าทีเหมือนไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงว่า “เคยมีตำนานกล่าวเอาไว้เรื่องหนึ่ง เพียงแต่เรื่องมันนานมากเหลือเกิน ข้าก็จำไม่ค่อยจะได้แล้ว และจำไม่ได้ว่าตำนานเรื่องนี้ว่าอย่างไร เพียงแต่มาวันนี้คนที่อยู่ในตำนานได้นั่งอยู่ตรงหน้าของข้าเอง”

“เจ้าจำไม่ได้ก็ไม่นับเป็นเรื่องแปลก ข้าเองก็ไม่ถือสาเจ้า” หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าผีเฒ่าหัวเราะเรียบเฉย และกล่าวว่า “เจ้าเองก็เป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้นเอง กาลเวลาย่อมสามารถชะล้างความทรงจำของเจ้าออกไปได้ แต่ ไม่ว่ากาลเวลาจะชะล้างความทรงจำของเจ้าอย่างไร ไม่ว่ากาลเวลาจะทำลายความตั้งใจของเจ้าอย่างไรก็ตาม แต่ว่า เรื่องบางเรื่องอย่างไรเสียเจ้าก็ไม่มีวันลืมเลือน บางสิ่งได้ถูกสลักเอาไว้ที่ตรงนี้ บางอย่างได้สลักลึกลงไปในส่วนลึกของวิญญาณของเจ้าแล้ว!”

“นั่นสิ การลืมเลือนใช่จะเป็นเรื่องไม่ดี” ผีเฒ่าพึมพำออกมา ขณะที่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ดวงตาคู่นั้นที่เป็นสีขาวมากกว่าสีดำนั้นมองเหม่อ ลักษณะดูเหมือนกลวงโบ๋อย่างนั้น

หลังจากที่หลี่ชิเย่จ้องเขม็งไปที่ผีเฒ่าอยู่ครู่ใหญ่จึงเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าต้องการพบกับเจ้า”

“ข้าอยู่ตรงนี้แล้วไง ข้าอยู่ตรงหน้าเจ้า ข้าก็คือข้า” ผีเฒ่าก็เอ่ยขึ้นช้าๆ เช่นกัน ท่าทางเหมือนที่พูดออกมาเหมือนมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรงอย่างนั้น

“ไม่ ที่ข้าต้องการพบไม่ใช่เจ้า อย่างน้อยที่สุดไม่ใช่เจ้าที่อยู่ตรงหน้า” หลี่ชิเย่ส่ายหน้า จ้องมองดูผีเฒ่าและกล่าวว่า “เจ้าที่อยู่ในเวลานี้เป็นเพียงเปลือกนอกที่เฝ้ามองดูสวรรค์เท่านั้นเอง ตัวของเจ้าที่ข้าต้องการพบคือตัวเจ้าที่หลบซ่อนตัวอยู่ในสุสานเทียนกู่ ตัวเจ้าที่หลบการลงทัณฑ์จากสวรรค์โจรคนนั้น! ตัวเจ้าที่สามารถให้สัตยาบรรณเลือดกับข้าได้จริงๆ คนนั้น!”

คำพูดลักษณะเช่นนี้พลันทำให้ดวงตาคู่นั้นของผีเฒ่าลุกวาวขึ้นมา ทันใดนั้น ดวงตาคู่นั้นของผีเฒ่าเสมือนหนึ่งเป็นดวงอาทิตย์สองดวงที่ร้อนแรงยิ่งนัก เหมือนว่าดวงตาคู่นั้นของเขาสามารถหลอมละลายทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดสามารถต้านดวงตาที่ร้อนแรงคู่นี้ของเขาได้

หลี่ชิเย่ไม่หวั่นไหวต่อคู่ดวงตาที่ร้อนแรงของผีเฒ่า เขาเพียงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ จ้องมองดูผีเฒ่าด้วยท่าทีที่สงบ เพื่อรอคอยคำตอบจากผีเฒ่า

สุดท้าย ผีเฒ่าได้เก็บงำสายตาที่ร้อนแรงกลับคืน ดวงตาคู่นั้นของเขายังคงเป็นสีขาวมากกว่าสีดำ เขาจ้องมองดูหลี่ชิเย่อยู่พักหนึ่งแล้วส่ายหน้าและกล่าวว่า “การได้มาซึ่งสัจธรรมไม่ง่ายนัก หลีกหนีจากโลกภายนอกยิ่งไม่ง่าย เรื่องราวบนโลกสับสนวุ่นวายมากเกินไป แรงกระเพื่อมของโลกมนุษย์จะทำให้ปณิธานของสวรรค์สาดส่องมายังสุสานเทียนกู่ของพวกเรา ดังนั้น พวกเราไม่รับแขก หากจะมาจริงๆ ก็ให้โดยสารเรืออเวจีเข้ามา หากมีวาสนาย่อมต้องได้พบเจอกันอยู่แล้ว”

“เรื่องนี้เจ้าไม่มีทางเลือก ข้าบอกว่าพบก็ต้องได้พบ” หลี่ชิเย่หัวเราะนิดหนึ่ง ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเฉยเมยว่า “ไม่ว่าเจ้าจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม ข้าต้องพบให้ได้ ข้าไม่มีเวลามากมายไปรอเรืออเวจีอะไรนั่น ดังนั้น ที่ข้ามาที่นี่เพียงต้องการให้เจ้าเข้าใจความหมายของข้า เจ้าเห็นด้วยก็ดี ไม่เห็นด้วยก็ช่าง ข้าต้องเข้าไปให้ได้ ไม่ว่าเจ้าจะยินดีหรือไม่ยินดีก็ต้องออกมาพบข้า!”

“สุสานเทียนกู่พวกเราใช่จะเป็นสถานที่ที่ให้ใครมาทำกำเริบเสิบสานได้ เว้นแต่สวรรค์แล้วสุสานเทียนกู่พวกเราไม่เคยหวาดหวั่นต่อสิ่งใด” ผีเฒ่าเอ่ยขึ้นช้าๆ เวลานี้ทุกๆ คำพูดของเขาดูหนักแน่นมีพลัง และท่าทีของเขาก็ดูหนักแน่นจริงจังยิ่งนัก

“ข้าเข้าใจ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “แม้ว่าทุกๆ ศักราชจะมีความตระหนักเกี่ยวกับคัมภีร์สวรรค์นพเก้าที่แตกต่างกัน ความหมายที่ลึกซึ้งของคัมภีร์สวรรค์นพเก้าในแต่ละศักราชก็ไม่เหมือนกัน ซึ่งมีความสัมพันธ์กับต้นกำเนิดสัจธรรมอย่างแนบแน่น แต่ว่า เจ้าไม่ลองอาศัยมุมมองของยุคสมัยนี้มาพิจารณาหน่อยรึ ข้าที่มีสี่ยอดกายเซียนขั้นสมบูรณ์จะมีพลังการต่อสู่สักเท่าไร สามารถจัดการฉีกสุสานเทียนกู่ของพวกเจ้าให้เป็นสองซีกได้หรือไม่หละ? แม้ว่าเจ้าจะจดจำเรื่องราวที่เป็นตำนานไม่ได้แล้ว เจ้าแก่เฒ่าแล้ว ความจำก็เสื่อมถอย แต่เจ้าสมควรเข้าใจว่า ในมือของข้ายังมีอะไรอีกมากมายที่สามารถเทียบเคียงกับพลังต่อสู้เฉกเช่นสี่ยอดกายเซียนขั้นสมบูรณ์ได้อีก!”

เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ได้หยุดนิดหนึ่ง จ้องมองดูผีเฒ่าจริงจัง และกล่าวช้าๆ ว่า “เจ้าคิดว่าให้ข้าบุกเข้าไปพบกับเจ้าดี หรือว่าเจ้าจะส่งคนมารับข้าดีหละ? เรื่องนี้ให้เจ้าเป็นคนเลือกก็แล้วกัน!” หลังจากจบคำหลี่ชิเย่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป หันหลังเดินออกจากร้านเล็กๆ ของผีเฒ่าในทันที

ผีเฒ่านั่งนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้นไม่พูดไม่จาเป็นเวลานาน เหมือนว่าเวลาได้หยุดลงแล้วอย่างนั้น เหมือนว่าจากนี้ไปผ่านไปเป็นพันล้านปีเขาก็จะยังคงรักษาลักษณะท่าทางเช่นนี้เอาไว้อย่างนั้น

หลังจากที่หลี่ชิเย่ออกจากร้านเล็กๆ ของผีเฒ่าแล้ว ก็ได้ตรงเข้าไปในสุสานเทียนกู่ทันที สุสานเทียนกู่ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยังคงตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของศพ ยังคงมีผีดิบอยู่ทั่วทุกแห่งหน

แต่ทว่า พลันที่หลี่ชิเย่ได้ก้าวเท้าเข้าไปยังสุสานเทียนกู่ เขาได้สำแดงพลังของสี่ยอดกายเซียนออกมาทันที ประกายเซียนที่วูบวาบ สยบทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ไม่สามารถขัดขวางอำนาจของเขาได้ หมางเมินทั่วหล้า โดยได้สำแดงพลานุภาพของสี่ยอดกายเซียนขั้นสมบูรณ์ออกมาโดยไม่มีการซ่อนเร้นแต่อย่างใด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล