ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1693

ตอนที่ 1693 เรื่องราวในอดีต
“ข้ารู้ เป็นข้าที่พลาดโอกาสไป ครั้งนั้นใต้เท้าอีกาทมิฬต้องการรับข้าเป็นศิษย์ แต่ข้ากลับปฏิเสธ ผิดต่อความหวังดีของใต้เท้า” ชายวัยกลางคนหัวเราะนิดหนึ่งและกล่าวขึ้นมาช้าๆ

“ไม่ ที่เจ้าทำให้ผิดหวังไม่ใช่ความหวังดีของข้า” หลี่ชิเย่ส่ายหน้า และกล่าวว่า “ครั้งนั้นที่ข้าต้องการรับเจ้าเป็นศิษย์หาใช่เป็นเรื่องส่วนตัว ระหว่างเจ้ากับข้าก็ไม่ได้มีบุญคุณความแค้นอะไร ที่ข้าต้องการรับเจ้าเป็นศิษย์ในครั้งนั้นเพราะข้าคาดหวังในเก้าแดนจะมีผู้ที่สามารถรับภาระใหญ่ในการต่อต้านกับอเวจีได้…”

“…ข้าคาดหวังเผ่าพันธุ์มนุษย์จะมีผู้บำเพ็ญตนที่เป็นอัจฉริยะบุคคลประเภทสวรรค์ประทานสามารถลุกขึ้นมาเอาชนะเทียนถูที่อยู่ในวัยหนุ่ม ข้าคาดหวังเผ่าพันธุ์มนุษย์จะมีสักคนในยุคนั้นได้สืบทอดชะตาฟ้า กลายเป็นราชันเซียน เพื่อตัดขาดการผูกขาดเป็นราชันเซียนของอเวจียุคแล้วยุคเล่า! สิ่งนี้ไม่เพียงเพราะข้าต้องการบ่มฟักราชันเซียนขึ้นมาสักองค์เท่านั้น แต่เป็นเพราะเก้าแดนต้องการราชันเซียนที่เป็นของพวกเราเก้าแดน เป็นราชันเซียนที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์…”

เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้ ได้จ้องมองดูชายวัยกลางคนอย่างเย็นชา และกล่าวว่า “แต่เจ้าปฏิเสธ เจ้าคิดว่าอาศัยท่วงท่าสวรรค์ประทานของตนเองก็สามารถต่อต้านเทียนถูสามารถต่อต้านอเวจี สามารถกลายเป็นราชันเซียนได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาข้า ไม่จำเป็นต้องมีคนนอกมาคอยคุ้มกันให้กับเจ้า!”

“แต่ว่า เจ้ากลับล้มเหลว! เจ้าพ่ายให้กับเทียนถู! และเก้าแดนก็พ่ายแพ้ให้กับอเวจี! ถ้าหากข้าต้องการรับเจ้าเป็นศิษย์ มันก็แค่มาจากความเห็นแก่ตัวของบุคคล เป็นบุญคุณความแค้นส่วนตัว เช่นนั้นแล้ว ขณะอยู่ที่ป่าไผ่ระทมข้าคงไม่ทำให้อเวจีต้องล่าถอยไปโดยอาศัยธนูดอกเดียวเพื่อเจ้า ขณะอยู่ที่เกาหยางเทียนข้าคงไม่นำทัพใหญ่ระวังหลังให้กับเจ้าด้วยตนเอง และรบกับเทียนถูอย่างดุเดือด! ข้าเพียงหวังว่าจะเหลือไว้ซึ่งเชื้อไฟที่สามารถต่อต้านอเวจีให้กับเก้าแดน น่าเสียดาย เจ้ากลับหยิ่งยโสเกินไป คิดว่าชั่วชีวิตของตนไม่ต้องพึ่งพาข้า เป็นเจ้าเองที่พลาดโอกาสไปครั้งแล้วครั้งเล่า!”

ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ดูมีท่าทีที่เย็นชา และกล่าวเรียบเฉยว่า “สิบยอดอัจฉริยะบุคคลนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน นับว่าล้ำค่าจริงและมีความยอดเยี่ยมจริง แต่ว่าสิบยอดอัจฉริยะบุคคลนับแต่อดีตถึงปัจจุบันจะมีสักกี่คนทีสามารถเป็นราชันเซียนได้กันเล่า! เพราะอะไรสิบยอดอัจฉริยะบุคคลนับแต่อดีตถึงปัจจุบันถึงไม่สามารถกลายเป็นราชันเซียนได้หละ? มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการมองว่าตัวเองสูงส่ง คิดว่าอาศัยพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียมแล้วต้องได้เป็นราชันเซียนอย่างแน่นอน และต้องปราศจากผู้ต่อกรในเก้าแดน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ใดทั้งสิ้น!”

.“ครั้งนั้นหากไม่เป็นเพราะต้องการต่อต้านอเวจี เจ้าคิดว่าข้าจะปกป้องเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “โอกาสอยู่ที่ตนเองเป็นผู้ไขว่คว้า มิฉะนั้นล่ะก็ ต่อให้มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมกว่านี้ มีวาสนาที่ยอดเยี่ยมเท่าไร แต่ตัวเองไม่คว้าเอามา ท้ายที่สุดมันก็แค่ตะกร้าตักน้ำมีแต่ความว่างเปล่าในที่สุดเท่านั้นเอง!”

“เป็นความจริงที่ครั้งนั้นข้าทำให้ใต้เท้าอีกาทมิฬต้องผิดหวัง และเป็นความจริงกับนิสัยของข้าที่เย็นชาทะนงตนที่แย่แบบนี้ของข้า” ชายวัยกลางคนถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “เรื่องราวในอดีตที่ผ่านไปข้าไม่มีอะไรต้องเสียใจ ชาตินี้หนึ่งเดียวที่ข้ารู้สึกเสียใจก็คือไม่สามารถเอาชนะเทียนถูได้ ความเจ็บปวดที่เขาทำเอาไว้กับข้าได้กวนใจข้ามาชาติแล้วชาติเล่า!”

“หนทางมันยาวไกล ใช่เพียงแค่อาศัยพรสวรรค์ก็ได้แล้ว ยังต้องอาศัยความฉลาดเฉียบแหลมและมีสายตาที่ยาวไกล ยังต้องอาศัยจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีที่เฉยเมย

ชายวัยกลางคนถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “ข้าเชื่อว่าการมาครั้งนี้ของใต้เท้าอีกาทมิฬใช่จะมาเพื่อหัวเราะเยาะข้า และใต้เท้าคงไม่ใช่คนที่ใจแคบขนาดนี้”

“ถ้าหากว่าข้าเป็นคนฝังแค้นล่ะก็ ข้าคงไม่เพียงมาเยาะเย้ยเจ้าแล้ว ข้าคงจัดการสังหารเจ้าทิ้งแล้วหละ หากข้าฝังแค้นล่ะก็ ข้าคงไม่ลงมือช่วยเจ้าในครั้งนั้นที่ป่าไผ่ระทม และที่เกาหยางเทียน” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีฉยเมยว่า “ที่ข้ามาครั้งนี้ก็เพื่อต้องการบอกข่าวเรื่องหนึ่งกับเจ้า ศัตรูของเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่ ช้าเร็วเขาก็ต้องลงมืออีกครั้ง เจ้าสามารถปรากฏตัวออกมาหรือเปล่า?”

ชายวัยกลางคนถึงกับร่างสั่นเทาทีหนึ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ แม้ว่าเขาได้ควบคุมอารมณ์ของตนเอาไว้แล้ว แต่ว่า มือสองข้างที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวยังคงสั่นเทาทีหนึ่ง

“ต่อให้เจ้าสามารถปรากฏตัวได้อีกก็มีแต่ต้องถูกสังหารอีกครั้ง” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ต่อให้อาการบาดเจ็บของเจ้าหายเป็นปรกติ ต่อให้เจ้าสามารถกลับไปยังจุดสูงสุดได้ เจ้ายังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”

ในครั้งครานั้น่ข้าเคยคาดหวังในตัวเจ้า แต่เวลานี้ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่สามารถเฝ้าดูเก้าแดน เจ้าไม่สามารถรับภาระหน้าที่หนักอึ้งนี้ได้!” หลี่ชิเย่ที่มองดูท่าทีของชายวัยกลางคนแล้ว ส่ายหน้าทอดถอนใจเบาๆ ออกมาด้วยความผิดหวังยิ่งนัก

ชายวัยกลางคนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสยบอารมณ์ของตนเอง สุดท้าย เขาก็ได้ทอดถอนใจออกมาเบาๆ เช่นกัน ยิ้มด้วยความขมขื่นว่า “ใต้เท้าพูดได้ถูกต้อง ต่อให้ข้าเข้าสู่ยุทธภพอีกครั้งข้าก็จะต้องพ่ายอย่างยับเยิน เรื่องบางเรื่องเมื่อพลาดไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับมาได้ และไม่สามารถได้มันมาอีกเลย!”

หลี่ชิเย่จ้องมองดูชายวัยกลางคนแล้วไม่อยากพูดอะไรอีกต่อไป ดูจากท่าทีของเขาในเวลานี้แล้วคงไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ต่อให้เขาสามารถกลับสู่ยุทธภพอีกครั้งคงสำแดงอะไรไม่ได้มาก

“ใต้เท้ามาครั้งนี้ด้วยเรื่องของอเวจีรึ?” สุดท้ายแล้ว ชายวัยกลางคนกล่าวพร้อมกับมองดูหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีจริงจัง

หลี่ชิเย่มองดูชายวัยกลางคนทีหนึ่งและไม่ปิดบัง พยักหน้ากล่าวว่า “ถูกต้อง อเวจียังคงมีกากเดนหลงเหลืออยู่ในเก้าแดน ขอเพียงโอกาสสุกงอมพวกเขาจะต้องหวนกลับมาใหม่แน่นอน! พวกเขาจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เด็ดขาด อเวจีของพวกเขาต้องการผุดขึ้นอย่างฉับพลันล่ะก็ จะต้องอาศัยแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ของเก้าแดน! ความมืดมิดปกคลุมเก้าแดนเป็นเรื่องที่ช้าหรือเร็วเท่านั้น ดังนั้น เก้าแดนจึงต้องมีผู้ที่มาสอดส่อง ต้องการผู้ที่มาเฝ้ารักษา หากข้าจากไป หวังว่ายังมีผู้ที่สามารถต่อต้านอเวจีได้!”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ชายวัยกลางคนถึงกับนิ่งเงียบ หลังจากผ่านไปนานมาก เขาหัวเราะอย่างขมขื่น และกล่าวว่า “พูดไปแล้วให้ละอายยิ่งนัก ใต้เท้าถือเอาใต้หล้าเป็นความปรารถนา เก้าแดนเป็นความใฝ่ฝันมาโดยตลอด แต่ละยุคสมัยที่ผ่านไป ใต้เท้ายังคงเฝ้าดูเก้าแดนอยู่ ไม่สามารถปล่อยวางเก้าแดนมาโดยตลอด ทิ้งเก้าแดนไปไม่ได้ ขณะที่ข้ากลับยึดถือบุญคุณความแค้นส่วนตัวตลอดมา ไม่สามารถปล่อยวางสิ่งที่ยึดติดภายในใจ กลับไม่ได้มองที่เก้าแดน ไม่เคยคิดเพื่อสรรพชีวิตของเก้าแดน…”

“…ครั้งนั้น ข้าคิดเพียงต้องการชี้ขาดกับเทียนถู ต้องการแก้แค้นให้กับสำนักของตนแค่นั้นเอง ไม่ได้นึกถึงอเวจีที่ย่ำยีสรรพชีวิตทั่วหล้า บังคับหมื่นเผ่าพันธุ์ของเก้าแดนให้เป็นทาส ความมืดมิดปกคลุมเก้าแดนมาโดยตลอด ทำให้ใต้เท้าต้องผิดหวังนับเป็นความผิดของข้าโดยแท้ และข้าต้องรับผลกรรมจากการกระทำของตัวเอง” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ต้องทอดถอนใจเบาๆ ออกมา

“รอต่อไป พยายามฉกฉวยให้ได้ก็แล้วกัน บางทีอาจมีทางพลิกกลับได้ในอนาคต” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “สามารถเฝ้าดูเก้าแดนได้หรือไม่ต้องอาศัยความพยายามของตนเองแล้วล่ะ จะทำอะไรให้กับเก้าแดนบ้างหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวเองแล้ว ข้าไม่สามารถบังคับให้เจ้าไปทำอะไร ท้ายที่สุดจะก้าวเดินไปทางไหนดีขึ้นอยู่กับเจ้า จะฝังตัวเองอยู่ที่นี่ต่อไป หรือว่าขณะที่ความมืดมิดปกคลุมเก้าแดนแล้วสู้กับมันเต็มที่ สละกำลังอันน้อยนิดเพื่อโลกใบนี้ ทั้งหมดอยู่ที่ความคิดนาทีนั้นของเจ้าเอง”

ชายวัยกลางคนถึงกับนิ่งเงียบ เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่

หลี่ชิเย่ก็ไม่ต้องการพูดอะไรอีกต่อไป ก้าวเท้าออกไปจากเขาเหนือเมฆ ตรงเข้าไปยังสุสานเทียนกู่

หลังจากที่ชายวัยกลางคนนิ่งเงียบอยู่นานมาก สุดท้าย เขาทอดถอนใจเบาๆ ออกมา ถึงกับจ้องมองไปยังระยะห่างไกล มองไปบนท้องฟ้า เวลานี้เขามองดูจนเหม่อลอย

บนโลกใบนี้ยังจะมีสิ่งใดคู่ควรให้เขาต้องอาลัยอาวรณ์อย่างนั้นรึ? ผู้คนในครั้งนั้นต่างตายจากไปทีละคนสองคน สำนักในครั้งครานั้นได้กลายเป็นเถ้าธุลีไปนานแล้ว บุคคลอันเป็นที่รักของเขา และคนที่รักเขาล้วนแล้วแต่กลายเป็นดินจนสิ้น

สิ่งเดียวที่ทำให้เขาตัดใจไม่ลง สิ่งเดียวที่ทำให้เขายังคงมีชีวิตอยู่ที่นี้อย่างอดสูก็คือ ความยึดติดที่อยู่ภายในใจของเขาแล้ว!

ท้ายที่สุด ชายวัยกลางคนทอดถอนใจออกมาด้วยความผิดหวัง ล้มตัวลงนอนในโลงอีกครั้งหนึ่ง ได้ยินเสียงดัง “ปัง” ฝาโลงได้ปิดกลับไปเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง

หลังจากที่หลี่ชิเย่ไปจากเขาเหนือเมฆแล้ว ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าตรงเข้าไปยังสุสานเทียนกู่ แต่ว่า ยังไม่ทันที่หลี่ชิเย่จะเข้าไปถึงบริเวณส่วนที่ลึกที่สุดของสุสานเทียนกู่ก็ได้ปรากฏเสียงดังตูมตามขึ้นมาเป็นระลอก โดยเสียงที่ดังขึ้นมานี้ฟังดูเป็นระเบียบและเป็นจังหวะจักโคนยิ่งนัก

ในเวลานี้เอง ปรากฏโลงโบราณขึ้นตรงหน้าของหลี่ชิเย่ โดยที่โลงโบราณนี้ถูกแบกมาโดยมดดึกดำบรรพ์แต่ละตัว ขณะที่มดดึกดำบรรพ์แต่ละตัวแบกโลงโบราณมาด้วยความเร็วที่สูงมาก ยากที่จะจินตนาการได้ว่าเจ้ามดดึกดำบรรพ์แต่ละตัวเหล่านี้จะมีพลังที่แข็งแกร่งและความรวดเร็วได้ถึงเพียงนี้

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะเมื่อเห็นมดดึกดำบรรพ์เคลื่อนย้ายโลงศพ บ่นพึมพำว่า “ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า ในที่สุดชาตินี้ก็ได้นอนแล้ว ถือเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวนัก”

“ปัง” เวลานี้มดดึกดำบรรพ์ได้เปิดฝาโลงโบราณออก ภายในโลงโบราณว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดๆ อยู่ภายในโลงเลย

หลี่ชิเย่มองดูโลงที่ว่างเปล่านั่นถึงกับหัวเราะออกมา เขานึกถึงคำโบราณคำหนึ่ง

เรืออเวจีปรากฏ อุบัติชีวิตใหม่ วิถีสวรรค์ปรากฏ ศิลาเทวะเปิดออก เข้าโกศสวรรค์ กลายเป็นนิรันดร์ เปิดหลุมฝังศพ สวรรค์กลายเป็นอดีต!

“เอาเถอะ เก้าแดนจะดีหรือร้ายคงต้องพึ่งพาตนเองแล้ว สิ่งที่ข้าจะทำให้ได้คงมีเพียงเท่านี้แล้ว” หลี่ชิเย่ ทอดถอนใจเบาๆ มองดูโลงที่เปิดฝาออกมานั่น เวลานี้หลี่ชิเย่พลันก้าวเท้าเข้าไปภายในโลงโดยไม่ได้ลังเล นอนลงในโลงราวกับคนตาย

“ปัง” เมื่อหลี่ชิเย่นอนในโลงเรียบร้อยแล้ว ฝาโลงถูกปิดโดยมดดึกดำบรรพ์ในทันที ขณะเดียวกัน เสียง “ตูม ตูม ตูม” ดังขึ้น มดดึกดำบรรพ์แบกโลงโบราณเข้าไปยังส่วนลึกของสุสานเทียนกู่

ขณะที่หลี่ชิเย่นอนอยู่ในโลงนั้นพบแต่ความเงียบสงัดไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย กระทั่งไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนที่ของโลงโบราณ การที่ได้นอนอยู่ในที่นี้ดูจะสบายเป็นพิเศษ เหมือนว่าเป็นการนอนอยู่ภายในบ้านของตนเองอย่างนั้น เข้าสู่นิทราได้อย่างรวดเร็ว

หลี่ชิเย่ไม่รู้สึกตื่นตระหนกอะไรกับการนอนอยู่ภายในโลง และไม่ได้เร่งรีบ ยิ่งไม่ได้ให้ความสนใจว่าจะถูกนำตัวไปยังที่ใดแต่อย่างไร เขาไม่รู้สึกกังวลว่าสุสานเทียนกู่จะทำอะไรกับตน ในเมื่อสุสานเทียนกู่กล้ามาต้อนรับย่อมแสดงว่าไม่ได้มาร้าย

หลี่ชิเย่ที่นอนอยู่ในโลงไม่ได้มีแนวคิดใดๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าได้นอนอยู่ในนี้นานเท่าไรแล้ว สุดท้ายก็ได้ถึงยังที่หมาย

ขณะที่โลงโบราณถูกเปิดออก มดดึกดำบรรพ์เหล่านั้นไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์อีกต่อไป ที่ตรงนี้เป็นตำหนักโบราณที่มืดสลัว หากจะกล่าวให้ถูกต้อง มันคือตำหนักที่ถูกผ่าออกเป็นสองส่วน

สิ่งของจำนวนมากที่อยู่ภายในตำหนักโบราณล้วนแล้วแต่แตกหักชำรุดยิ่งนัก แต่เก้าอี้ตัวใหญ่ที่อยู่ในตำหนักกลับอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ดูจากลักษณะของเก้าอี้ตัวนี้แล้วสามารถสรุปได้ว่า ต้องเคยมีกษัตริย์ที่มากด้วยอำนาจนั่งบัญชาการใต้หล้าอยู่ที่ตรงนี้

การที่ตำหนักโบราณถูกผ่าออกเป็นสองส่วน ส่วนที่อยู่ทางด้านขวามือเป็นหุบเหวลึกที่มองไม่เห็นก้นเหว มีเพียงความมืดมิดปราศจากแสงใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งยังไม่มีเสียงใดๆ เหมือนว่าสิ่งมีชีวิตใดก็ตาม หากตกลงไปในเหวลึกเช่นนี้ก็ต้องถูกกลืนกินไปอย่างนั้น

การยืนอยู่ ณ ตำหนักโบราณที่แตกหักเช่นนี้ เสมือนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ ปากของจอมมารที่เป็นหุบเหวลึกนั่น อีกทั้งยังอยู่ในสุสานเทียนกู่อีกด้วย เกรงว่าต่อให้คนผู้นั้นมีความกล้าอย่างไรก็ตาม คงต้องตกใจจนเข่าอ่อนทั้งสองข้าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล