ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1695

ตอนที่ 1695 เฝ้ามองจากระยะห่างไกล
หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งสำหรับข้อเรียกร้องของผีเฒ่าที่อยู่ในหุบเหวลึก กล่าวว่า “ถูกต้อง ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนแล้วแต่ต้องจ่ายค่าตอบแทนทั้งสิ้น ของที่ได้มาง่ายไม่มีในโลกอยู่แล้ว ที่ข้าสามารถให้กับเจ้าได้นั้นรับรองว่าต้องเป็นสิ่งที่เจ้ากระหายอยากได้แน่นอน สิ่งที่ข้าให้กับเจ้าก็ง่ายมาก รอให้ข้าสู้รบจนถึงที่สุด รอให้ข้าได้รับชัยชนะกลับมาแล้ว ข้าจะอภัยโทษแก่พวกเจ้า ยกเลิกการลงทัณฑ์กับพวกเจ้า อนุญาตให้พวกเจ้าได้เห็นเดือนเห็นตะวันได้อีกครั้งหนึ่ง อนุญาตให้พวกเจ้าได้ผสานเข้าไปในเก้าแดน ดำรงอยู่พร้อมกับหมื่นเผ่าพันธุ์ในเก้าแดน!”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ผีเฒ่าที่อยู่ในหุบเหวลึกต้องกลั้นลมหายใจ ไม่พูดไม่จาเป็นเวลานาน

ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า คำพูดของหลี่ชิเย่กล่าวสำหรับผีเฒ่าที่อยู่ในหุบเหวลึก กล่าวสำหรับสุสานเทียนกู่แล้ว มันเปี่ยมด้วยความเย้ายวนใจมากเหลือเกิน สิ่งนี้ก็คือสิ่งที่เขากระหายอยากจะได้ และเป็นสิ่งที่สุสานเทียนกู้พวกเขาปรารถนา!

แต่ว่า ผีเฒ่าที่อยู่ในหุบเหวลึกก็ไม่ได้แสดงอาการของเลือดในกายที่พลุ่งพล่านเพียงเพราะคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ เขานิ่งเงียบอยู่พักใหญ่จึงเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “แล้วถ้าหากเจ้าล้มเหลวหละ?”

หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “งั้นเจ้าได้แต่ภาวนาให้ข้าสำเร็จแล้วหละ เพราะหากข้าล้มเหลว พวกเจ้าก็จะตกอยู่ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลาที่มืดมนและยาวไกลต่อไป และโลกใบนี้ก็จะสลดอับแสงภายในระยะเวลาที่ยาวไกลมากๆ โลกนี้จะอยู่ท่ามกลางความเงียบงัน!”

“เจ้ากำลังวาดรูปขนมปังให้พวกเราแก้หิวโหย สิ่งที่เจ้าสามารถนำพาให้กับพวกเราหาใช่เป็นผลประโยชน์ที่เป็นแก่นแท้ไม่!” ผีเฒ่าที่อยู่ในหุบเหวลึกกล่าวน้ำเสียงเย็นชากับคำพูดของหลี่ชิเย่

“ถ้าหากเจ้าจะคิดเช่นนี้ข้าก็ไม่ปฏิเสธ” หลี่ชิเย่ทำท่ายักไหล่และยิ้มกล่าวว่า “แต่ว่า นอกจากข้าที่สามารถวาดรูปขนมปังให้พวกเจ้าแก้หิวโหยได้แล้ว เจ้าคิดว่าโลกใบนี้ยังจะมีใครสามารถวาดรูปขนมปังแก้หิวโหยให้พวกเจ้าได้หละ! ถ้าหากข้าเพียงแค่วาดรูปขนมปังให้พวกเจ้าแก้หิวโหย เช่นนั้นแล้ว คนอื่นๆ ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะวาดรูปขนมปังให้พวกเจ้าแก้หิวโหยเสียด้วยซ้ำ”

“หากจะกล่าวว่า เงื่อนไขของข้าสามารถนำพาความหวังให้พวกเจ้าเพียงหนึ่งเดียว และสามารถนำพาอนาคตให้กับพวกเจ้าได้ล่ะก็” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “อย่างน้อยที่สุดพวกเจ้ายังมองเห็นความหวัง มิฉะนั้นล่ะก็ พวกเจ้าไม่มีแม้กระทั่งความหวัง! กล่าวสำหรับพวกเจ้าแล้วกระทั่งความหวังก็เป็นคำขอที่มากเกินไปด้วยซ้ำ!”

คำพูดของหลี่ชิเย่ได้ทำให้ผีเฒ่าที่อยู่ในหุบเหวลึกตกอยู่ในความเงียบงัน คำพูดของหลี่ชิเย่จี้ใจดำของเขาเข้าให้

“เจ้าคิดว่ายังจะมีสิ่งใดที่เฝ้าหวังได้อีก?” หลี่ชิเยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ขอเพียงสวรรค์โจรยังคงอยู่ พวกเจ้าต้องเป็นผีดิบตลอดไป เป็นเพียงศพดึกดำบรรพ์กลุ่มหนึ่งที่เก่าแก่จนเน่าเปื่อยและถูกฝังอยู่ใต้พื้นดินแห่งนี้เท่านั้น เนิ่นนานจนบนโลกใบนี้ยังจะมีใครจดจำพวกเจ้าได้อีก?”

“ขอเพียงสวรรค์โจรยังอยู่ พวกเจ้าก็ปราศจากความหวัง พวกเจ้าจะถูกกักอยู่ท่ามกลางความสิ้นหวังตลอดไป แม้แต่ความหวังสักนิดก็ไม่มี!” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “ดังนั้น ข้าสามารถนำพาความหวังให้กับพวกเจ้า สิ่งนี้กล่าวสำหรับพวกเจ้าแล้วมันช่างล้ำค่าเพียงใด มันคือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ ความหวังเพียงน้อยนิดของข้านี้สามารถส่องประกายสว่างไสวให้กับสุสานเทียนกู่ที่สิ้นหวังพวกเจ้าได้ สามารถส่องสว่างถึงภายในจิตใจพวกเจ้าที่มองไม่เห็นแสงสว่างเลยแม้แต่นิดเดียว!”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ผีเฒ่าที่อยู่ในหุบเหวลึกตกอยู่ท่ามกลางความเงียบขรึมเป็นเวลานาน

“ดังนั้น ไม่ก็เลือกความหวังริบหรี่ของข้า เมื่อข้าทำสำเร็จแล้วก็จะอภัยโทษให้กับสุสานเทียนกู่ของพวกเจ้า ให้พวกเจ้าคงอยู่ร่วมเก้าแดน” หลี่ชิเย่กล่าวหนักแน่นจริงจังว่า “มิฉะนั้นแล้ว พวกเจ้าก็อยู่อย่างสิ้นหวังต่อไป ต่อให้ข้าสู้รบจนสุดท้ายและได้รับชัยชนะมา พวกเจ้าก็ยังคงถูกพันธนาการอยู่ท่ามกลางความสิ้นหวังเช่นนี้ต่อไป ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันตลอดไป!”

ภายใต้คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ผีเฒ่าที่อยู่ในหุบเหวลึกซึ่งนิ่งเงียบมานานก็ได้เปิดปากพูดขึ้นมาช้าๆ ว่า “ต่อให้ข้ายินดีลงมือให้กับเก้าแดน เกรงว่าโอกาสก็คงมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพราะข้าสามารถออกไปได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากมากกว่านั้นข้าก็รับไม่ไหว”

“ดังนั้น เจ้าจะต้องรอคอยโอกาสที่แม่นยำ รบครั้งเดียวรู้ดำรู้แดงไปเลย โจมตีอเวจีครั้งเดียวถึงตาย” ถ้าหากอเวจีปรากฏตัวออกมา บรรดาเสือสิงห์กระทิงแรดย่อมมีกองทัพไปกวาดล้างพวกมัน ต่อให้มีผู้ยิ่งใหญ่คลานออกมาจริงๆ ข้าเชื่อว่าร่างตัวแทนของเจ้าก็คงรับมือได้! ขอเพียงกดดันพวกมันจนหายใจไม่ออก อเวจีต้องทุ่มเทเต็มที่ ขอเพียงบรรดาตาเฒ่าเหล่านั้นปรากฏตัวออกมา มิติมหัศจรรย์ต้องปรากฏออกมา เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ก็เป็นจังหวะที่เจ้าสมควรลงมือได้แล้ว!”

ผีเฒ่าที่อยู่ในหุบเหวลึกนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ตกลง ข้ารับปากเจ้า เมื่อถึงเวลานั้นแล้วข้าจะลงมืออย่างแน่นอน รบครั้งเดียวรู้ดำรู้แดงไปเลย”

ท้ายที่สุด ผีเฒ่าที่อยู่ในหุบเหวลึกเลือกที่จะให้ความร่วมมือ จะอย่างไรเสียเขาก็ไม่มีทางเลือก ถ้าหากเขาเลือกที่จะยืนอยู่ข้างหลี่ชิเย่ กล่าวสำหรับสุสานเทียนกู่พวกเขาแล้วยังพอมีความหวังที่ริบหรี่อยู่

หลี่ชิเย่พูดถูก กล่าวสำหรับสุสานเทียนกู่ของพวกเขาแล้ว ความหวังช่างล้ำค่าอะไรอย่างนั้น ความหวังเป็นสิ่งที่ได้มายาก ยากมากๆ เลยทีเดียว

“ไม่แน่นัก หลังการศึกเพียงครั้งแล้วรู้ดำรู้แดงในครั้งนี้แล้ว สุสานเทียนกู่ของพวกเจ้าอาจจะได้体方มาครอบครองช่างเป็นดอกผลที่น่าตื่นเต้นดีใจนะเนี่ย” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวกับผีเฒ่าที่อยู่ในหุบเหวลึก

ผีเฒ่าที่อยู่ในหุบเหวลึกไม่อยากจะพูดอะไรมากความอีกต่อไป เนื่องจากสำหรับตัวเขามันไม่มีความสำคัญอีกแล้ว หากเขาออกศึกล่ะก็จะต้องแลกด้วยค่าตอบแทนที่สูงมาก จะอย่างไรเสียเขาไม่สามารถออกไปจากสุสานเทียนกู่ได้อยู่แล้ว กระทั่งเขาอาจจะต้องตายจากการศึกในครั้งนี้

ไม่ว่าการศึกในครั้งนี้เป็นเช่นใด อย่างน้อยที่สุดสามารถนำพาความหวังให้กับสุสานเทียนกู่ของพวกเขา เวลานี้สิ่งที่สุสานเทียนกู่ของพวกเขาภาวนาก็คือ ให้หลี่ชิเย่ได้รับชัยชนะในการรบถึงที่สุด เมื่อเป็นเช่นนั้น สุสานเทียนกู่ของพวกเขาก็จะได้เห็นเดือนเห็นตะวันจริงๆ แล้ว

ในที่สุด หลี่ชิเย่และผีเฒ่าที่อยู่ในหุบเหวลึกได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือกันแล้ว และหลี่ชิเย่เองไม่มีความจำเป็นที่จะรั้งอยู่ต่อไป

“คราวนี้พวกเราร่วมมือกันอย่างชื่นมื่น เป็นการเจรจาที่ชื่นมื่นยิ่งนัก” ก่อนจาก หลี่ชิเย่ได้หัวเราะและเอ่ยขึ้น

ผีเฒ่าที่อยู่ในหุบเหวลึกไม่ต้องการพูดด้วยโดยสิ้นเชิงอีกต่อไป นี่มันการร่วมมือชื่นมื่นอะไรไร้สาระสิ้นดี เป็นการขู่เข็ญบังคับเพียงฝ่ายเดียวที่มีต่อสุสานเทียนกู่ของหลี่ชิเย่เท่านั้น แต่ว่า แม้กระทั่งยอมตกลงร่วมมือกันไปแล้ว เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้จึงไม่อยากเก็บมาใส่ใจอีกแล้ว

หลี่ชิเย่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว หันหลังกลับมาและยิ้มกล่าวว่า “ใช่แล้ว เจ้าหนูที่อยู่เขาเหนือเมฆนั้นนับว่าไม่เลวนัก บางทีเขาอาจสามารถแลกกับการมีชีวิตอยู่อีกชาติหนึ่งก็ได้”

“การจะมีชีวิตอยู่อีกชาติหนึ่งต้องมีค่าตอบแทน ไม่ว่าใครก็ไม่มียกเว้น ข้าเองก็ฝืนกฎนั้นไม่ได้” ผีเฒ่าที่อยู่ในหุบเหวลึกกล่าวขึ้นช้าๆ

“ข้าเข้าใจ หากต้องการจะได้รับก็ต้องมีการให้” หลี่ชิเย่ทำท่าหยักไหล่ แล้วกล่าวว่า “ที่เจ้าจะทำก็แค่มอบโอกาสและวาสนาให้กับเขาก็พอ ส่วนจะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างไรนั้นมันคือเรื่องของเขาแล้วหละ ขึ้นอยู่กับความพยายามของเขาเอง”

“เขาสามารถไปรอเรืออเวจีได้” ผีเฒ่าที่อยู่ในหุบเหวลึกไม่ยอมยกเว้นให้เพียงเพราะหลี่ชิเย่เอ่ยขอขึ้นมา

“ยังไงก็ได้” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “โอกาสและวาสนาข้าได้มอบให้แล้ว ความสัมพันธ์ข้าก็ได้เชื่อมต่อให้แล้ว จะเป็นอย่างไรต่อไปมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าแล้ว เรื่องอย่างนี้จะพูดว่ายังไงดีนะ แม้จะกล่าวว่าสิบยอดอัจฉริยะบุคคลนับแต่อดีตถึงปัจจุบันจะไร้สาระสักหน่อย แต่ว่า ถ้าหากจะมีใครสักคนที่สามารถรับผิดชอบภาระหน้าที่ได้ ไม่แน่นักการสู้รบกับอเวจีในอนาคตเขาอาจมีประโยชน์มากก็ได้ สิ่งนี้อาจมีประโยชน์ต่อสุสานเทียนกู่ของพวกเจ้าก็เป็นได้”

ผีเฒ่าที่อยู่ในหุบเหวลึกไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาไม่ได้รับปากหลี่ชิเย่ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ หุบเหวลึกที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นเหวเข้าสู่ความเงียบสงัด

หลี่ชิเย่ไม่สนใจว่าเรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่อย่างไร และขี้คร้านจะไปพูดอะไรให้มากความ เขาหันหลังลอยล่องจากไป กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว สิ่งที่สมควรทำก็ได้ทำแล้ว เรียกว่าครบถ้วนกระบวนความแล้ว เรื่องราวที่ไร้สาระในโลกนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีกต่อไปแล้ว

ระหว่างที่หลี่ชิเย่เข้าไปในสุสานเทียนกู่นั้น สัจธรรมแต่ละสายที่ไหลรินอยู่บนท้องฟ้าได้รวมตัวเข้าด้วยกันแล้ว ระหว่างนี้ ยามราตรีทุกค่ำคืนของเก้าแดนจะสามารถมองเห็นสัจธรรมแต่ละสายที่ไหลรินอยู่ แต่ว่า เมื่อสัจธรรมทุกสายไหลมารวมเข้าด้วยกันแล้ว ภาพที่อลังการเช่นนี้ก็พลันหายไป

“แว้งค์” ขณะที่สัจธรรมทั้งหมดไหลรวมเข้าด้วยกันแล้วนั้น ในที่สุด ประตูมิติของทุกแดนที่เชื่อมถึงกันและกันก็สว่างไสวขึ้นมา ประตูมิติที่เงียบงันมาหลายหมื่นปีได้เปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง!

การศึกระหว่างราชามังกรดำ และราชันเซียนท่าคงในครั้งนั้น ราชามังกรดำได้ฉีกชะตาฟ้าจนกระจุย และนับแต่นั้นมาเก้าแดนได้เข้าสู่ยุควิบากแห่งเต๋า อีกทั้งเก้าแดนก็ไม่สามารถเชื่อมถึงกันและกันนับแต่นั้นเป็นต้นมา

เวลานี้ สรรพชีวิตของเก้าแดนล้วนแล้วแต่รู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมา เมื่อมองเห็นแท่นบูชา และประตูมิติของเก้าแดนต่างเปล่งเป็นประกายออกมา เมื่อแท่นบูชา และประตูมิติของเก้าแดนเปล่งเป็นประกายขึ้นมาย่อมบ่งบอกถึงประตูมิติเก้าแดนจะเปิดออก ทุกคนต่างเผชิญกับโลกที่ยิ่งใหญ่ยอดเยี่ยมล้ำเลิศที่สุด

แม้จะกล่าวว่า ประตูมิติเก้าแดนเปิดออกมาแล้วใช่เป็นการบ่งบอกว่าทุกคนล้วนแล้วแต่ มีโอกาสก้าวข้ามโลกหล้าไปได้ ต่อให้ประตูมิติของเก้าแดนเปิดออกมาแล้ว หาใช่เป็นการบ่งบอกว่าทุกคนสามารถก้าวข้ามจากแดนมนุษย์กษัตราไปยังแดนวิญญาณสวรรค์อะไรทำนองนั้นได้เลย

แต่ทว่า อย่างน้อยที่สุดเป็นการสร้างความหวังให้กับผู้บำเพ็ญตนทั่วหล้า ขอเพียงทุกคนมีความพยายาม ขอเพียงทุกคนสั่งสมศิลาแกร่งได้เพียงพอ ก็จะมีโอกาสไปผจญภัยยังแดนอื่นๆ ได้แล้ว

มิฉะนั้นแล้ว หากเป็นเหมือนเช่นก่อนหน้าที่เก้าแดนถูกปิดกั้น แม้แต่ระดับจักรพรรดิเทพก็ไม่ต้องการเสี่ยงชีวิตไปฝ่าผนังกั้นแดน เนื่องจากมันเสี่ยงอันตรายมากเกินไป ค่าตอบแทนสูงเหลือเกิน

“เหอะ เหอะ เหอะ แดนสมุนไพรแร่ธาตุ ข้ามาแล้ว ข้าจะต้องชี้ขาดกับหมอโอสถของแดนสมุนไพรแร่ธาตุให้จงได้!” ได้ยินเสียงหัวเราะแหยๆ ดังขึ้นเป็นระลอกจากหมอโอสถของแดนมนุษย์กษัตรา เมื่อนึกถึงว่าตัวเองมีโอกาสเยาะเย้ยหมอโอสถของแดนสมุนไพรแร่ธาตุได้ หมอโอสถจากแดนมนุษย์กษัตราผู้นี้ถึงกับดวงตาทั้งสองเปล่งเป็นประกายออกมา

“ถึงเวลาที่เผ่าวิญญาณเทพของพวกเราได้เผชิญกับเก้าแดนหมื่นอาณาจักรแล้ว ให้เก้าแดนหมื่นเผ่าพันธุ์ได้รับรู้ว่า เผ่าวิญญาณเทพพวกเราจึงเป็นบุรุษผู้สูงส่งที่แท้จริง” มีเผ่าวิญญาณเทพจากแดนวิญญาณสวรรค์เมื่อมองเห็นประตูมิติกำลังจะเปิดออกเร็วๆ นี้แล้ว ถึงกับลิงโลดอยากจะทดลอง

“สมควรออกไปผจญกับโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขตสักครั้งได้แล้ว” ในแดนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็มีดาวรุ่งของเผ่าผีที่มีปณิธานยิ่งใหญ่ และมีความทะเยอทะยานที่ฮึกเหิมกล่าวขึ้น

แน่นอน ใช่ว่าทุกคนที่มองโลกในแง่ดีกับประตูมิติเก้าแดนที่กำลังจะเปิด ผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสกล่าวด้วยความรู้สึกที่กังวลว่า “บางทีเก้าแดนเปิดอีกครั้งก็จะเป็นยุคแห่งการแย่งชิงทรัพยากร เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ คงเป็นโอกาสที่ยอดฝีมือได้กินรวบ สายสำนักราชันเซียนจะต้องกวาดเอาทรัพยากรของเก้าแดนเอาไว้ทั้งหมด บรรดาสำนักขนาดเล็กไม่ได้ประโยชน์การนี้อยู่แล้ว”

ที่ผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสผู้นี้กังวลใช่จะไม่มีเหตุผล กล่าวสำหรับสำนักขนาดเล็กของเก้าแดนแล้ว ชั่วชีวิตของพวกเขาไม่เห็นมีความสามารถรวบรวมศิลาแกร่งที่เพียงพอแก่ความต้องการในการท่องไปในเก้าแดนสักครั้งหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาจะไปแย่งชิงทรัพยากรผู้อื่นในแดนอื่นๆ

ขณะที่เก้าแดนเปิดถึงกันแล้ว จะทำให้ยอดฝีมือจำนวนมากสามารถรุกรานไปทุกๆ ที่ในเก้าแดน เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าบรรดาสายสำนักราชันเซียนก็จะทำการแย่งชิงทรัพยากรของแดนอื่นๆ เมื่อถึงเวลานั้น ไฟสงครามลุกไหม้ขึ้นมาและผู้ที่จะรับเคราะห์ก่อนใครก็คงเป็นพวกสำนักขนาดเล็กเหล่านั้น

แน่นอน เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นอาวุโสที่กังวลใจ บรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ยังคงต้องการทดลองเป็นอันมาก รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ไม่เพียงเก้าแดนเปิดถึงกันเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ได้เวลาที่ชะตาฟ้าปรากฎ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล