“ต่อให้เป็นสรรพชีวิตก็ต้องก้าวเดินจนถึงจุดนั้น สวรรค์ไม่ได้เห็นอกเห็นใจชาวโลกอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เพราะเหตุใดในแต่ละศักราชที่ผ่านมาจึงมีสรรพชีวิตจำนวนมากที่พยายามกันอยู่หละ? ไม่ว่าใครก็หลีกหนีจากโชคชะตาไม่พ้นภายใต้สวรรค์แห่งนี้ นี่แหละคือคำกล่าวที่ผู้คนบนโลกพูดถึงอยู่เสมอๆ ว่า ปณิธานของสวรรค์ฝืนไม่ได้!”
“ชีวิตข้าขึ้นอยู่กับข้าไม่ขึ้นอยู่กับสวรรค์!” คำกล่าวเบื้องต้นทำให้เทพแท้จริงสยบโลกานึกถึงคำกล่าวของยอดฝีมือ โดยเฉพาะราชันเซียนที่มักจะพูดกัน ถึงกับพึมพำว่า “มีเพียงผู้ที่ก้าวไปถึงระดับราชันเซียนแล้วจึงจะคำนึงถึงปัญหาข้อนี้”
ครั้นเทพแท้จริงสยบโลกาเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วทอดถอนใจเบาๆ ออกมา ใช่ว่าเขาจะไม่ไปสืบเสาะค้นหาปัญหาข้อนี้ และไม่ใช่เป้าหมายที่เขาต้องไปพยายาม ความหมายในการดำรงอยู่ของเขาคือเฝ้ามองดูเก้าแดน เพื่อป้องกันการหวนกลับมาปกครองเก้าแดนอีกครั้งของอเวจี
“เพื่อต่อต้านกับอเวจี ใต้เท้าเดินทางไปเจรจาขอความร่วมมือจากสุสานเทียนกู่” เทพแท้จริงสยบโลกากล่าวพร้อมกับทอดถอนใจออกมา กระทั่งจะไปจากแล้ว แต่ว่าเขายังคงเข้าใจว่าใต้เท้าไม่สามารถปล่อยวางเก้าแดนลงได้
“ถูกต้อง” หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ถ้าหากอเวจีกล้าเสี่ยงสู้อย่างเต็มที่ล่ะก็ ราชันเซียนของพวกเขาจะต้องลงมืออย่างแน่นอน และหากราชันเซียนของอเวจีสู้อย่างเต็มที่ล่ะก็ อาศัยกองทัพมังกรเขียวเพียงลำพังไม่สามารถต้านพวกเขาได้อยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่อาจไม่ไปขอให้สุสานเทียนกู่ลงมือ คาดหวังว่าสามารถเอาชนะได้จากการลงมือเพียงครั้งเดียว”
“เกรงว่าอเวจีคงไม่หลงกลแพะตัวผู้เฉกเช่นครั้งครานั้นอีก” เทพแท้จริงสยบโลกาถึงกับพูดติดตลกออกมา
“คราวนี้จะไม่เล่นกลกันอีกแล้ว ผู้บงการของสุสานเทียนกู่ลงมือด้วยตนเอง มีเพียงเช่นนี้จึงสามารถเอาชนะได้โดยอาศัยการสู้รบเพียงครั้งเดียว วิธีการเก่าๆ ในอดีตใช้การไม่ได้แล้ว ต่อให้อเวจีหลงกลจริงๆ ก็ไม่สามารถบรรลุถึงขั้นเอาชนะได้โดยอาศัยการสู้รบเพียงครั้งเดียวได้” หลี่ชิเย่กล่าวพร้อมกับส่ายหน้า
“ที่อเวจีหลงกลในครั้งนั้นนับว่าเป็นเรื่องดี เป็นการบั่นทอนกำลังของอเวจีไป มิฉะนั้นล่ะก็พวกเราอาจจะต้องแลกด้วยค่าตอบแทนที่สูงกว่านี้” เทพแท้จริงสยบโลกาถึงกับพูดทอดถอนใจออกมา
“มันก็จริง ครั้งนั้นอาศัยยืมมือถ้ำเซียนมารมาหลอกให้อเวจีหลงกล อเวจีเองก็เตรียมตัวมาไม่พร้อม พวกเขาลงมือบุ่มบ่ามทำให้มิติมหัศจรรย์ถูกสยบ ส่งผลให้สูญเสียกำลังไปมาก ผู้ยิ่งใหญ่ต้องจบชีวิตลงหลายคน ในเวลานี้พวกเขาก็หลบซ่อนตัวไม่กล้าออกมาอีกเลย” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวขึ้นมา
“ครั้งนั้นใต้เท้าคิดจะได้มาซึ่งมิติมหัศจรรย์ และของสิ่งนั้นของถ้ำเซียนมาร” เทพแท้จริงสยบโลกาถึงกับเอ่ยขึ้นมาว่า “น่าเสียดายกับไม่ได้ดั่งใจ ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถพินาศไปด้วยกันในคราเดียว”
“พออเวจีเห็นท่าไม่ดีก็รู้ได้ทันทีว่าหลงกล พวกเขาจึงรีบล่าถอยกลับทันที ขณะที่ถ้ำเซียนมารก็ไม่ต้องการให้ข้าได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการขัดแย้งกันของสองฝ่าย จึงจงใจปล่อยอเวจีให้หนีไปได้” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มกล่าวเฉยเมยออกมาว่า “เรื่องราวที่ไม่เป็นไปตามปรารถนามีมากมายเหลือเกิน ไม่ได้ของสองสิ่งนี้ก็ไม่มีอะไรจะพูด”
เรื่องราวเกี่ยวกับแพะตัวผู้ที่หลี่ชิเย่ และเทพแท้จริงสยบโลกาพูดถึงก็คือนิทานที่หลี่ชิเย่เมื่อครั้งอยู่เมืองฟงตู (เมืองอเวจี หรือยมโลก) ได้เล่าให้กับผีน้อยได้ฟัง เป็นเรื่องราวที่คราวนั้นเขาหลอกให้อเวจีหลงกลบุกตีถ้ำเซียนมาร
ครั้งนั้นที่หลี่ชิเย่ได้คำนวณเอาไว้ก็คือยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว คาดหวังจัดการกับถ้ำเซียนมารและอเวจีในครั้งคราเดียว และได้รับมิติมหัศจรรย์ของอเวจี กับของสิ่งนั้นของถ้ำเซียนมาร
สงครามในครั้งนั้นอเวจีเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ต่อให้ราชันเซียนของอเวจีที่มีมิติมหัศจรรย์อยู่ในครอบครองก็ไม่สามารถบุกยึดถ้ำเซียนมารได้ ตรงกันข้ามกับถูกสยบ ซึ่งส่งผลให้ผู้ยิ่งใหญ่ที่แอบซ่อนตัวอยู่ของพวกเขายิ่งเพิ่มความยากที่จะขับเคลื่อนมิติมหัศจรรย์มากขึ้นกว่าเดิม
ทว่า การศึกในครั้งนั้น เมื่อถึงที่สุดทางด้านถ้ำเซียนมารจงใจปล่อยให้อเวจีได้หนีไป เนื่องจากไม่ต้องการให้หลี่ชิเย่เป็นฝ่ายได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ และให้หลี่ชิเย่สมใจตามแผนการที่ได้วางเอาไว้
เรื่องราวในครั้งนั้น ตัวของเทพแท้จริงสยบโลกาก็รู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง หากไม่เป็นเพราะถ้ำเซียนมารจงใจกล่อยให้อเวจีหนีไป เป็นความจริงที่ศึกในครั้งนั้นสามารถทำให้ได้รับชัยชนะจากการรบเพียงครั้งเดียวจริงๆ ไม่ต้องสูญเสียค่าตอบแทนมากนักก็สามารถได้ทั้งถ้ำเซียนมารและอเวจีในเวลาเดียวกัน กระทั่งสามารถได้สิ่งของสองสิ่งอีกด้วย
แม้ว่ายุทธวิธีรบนี้ไม่บรรลุผล แต่นับว่าได้ช่วงชิงโอกาสให้กับพวกเขาได้มาก เนื่องจากนิทานเรื่องแพะตัวผู้นี้ได้ทำให้อเวจีสูญเสียกำลังไปมาก ส่งผลให้สามารถวางรากฐานยุทธการศึกพิฆาตเซียนในเวลาต่อมา
ถ้าหากปราศจากนิทานแพะตัวผู้ในครั้งครานั้น ต่อให้เก้าแดนสามารถเอาชนะอเวจีได้ในที่สุด จะต้องแลกด้วยค่าตอบแทนที่สุดจะจินตนาการได้
ควรจะทราบว่า ยุทธการพิฆาตเซียนในครั้งนั้นได้แลกด้วยค่าตอบแทนที่สาหัสมาก ปรัชญาเมธีของเก้าแดนได้พยายามร่วมกันจึงสามารถทำลายล้างอเวจีได้เป็นผลสำเร็จ ครั้งนั้นเรียกได้ว่าฆ่าฟันกันจนเลือดไหลนองเป็นธาร โดยเฉพาะยุทธการพิฆาตเซียนครั้งนั้น ผู้ที่รอดชีวิตจากการศึกมาได้นั้นมีจำนวนไม่มาก! กำลังทหารของเก้าแดนที่ทุ่มเข้าไปในการศึกยุทธการพิฆาตเซียนมีมากถึงร้อยล้าน ท้ายสุดเหลือรอดไม่ถึงหนึ่งล้านคน ย่อมสามารถประเมินได้ว่าศึกครั้งนี้มีความทารุณโหดร้ายเพียงใดแล้ว
กองทัพมังกรเขียวพักเพื่อฟื้นฟูกำลังมาโดยตลอดหลังจากศึกยุทธการพิฆาตเซียนสิ้นสุดลง” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจด้วยความหดหู่ว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าไม่ต้องการให้กองทัพมังกรเขียวกลับเข้าสู่สมรภูมิรบอีกครั้ง สงครามมันช่างโหดร้ายเหลือเกิน และนี้คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้ข้าทำการกวาดล้างเก้าแดนครั้งแล้วครั้งเล่าทุกยุคสมัยที่ผ่านมา และตามหามิติมหัศจรรย์มาครั้งแล้วครั้งเล่า! ข้าหวังว่าสามารถล้างทำลายอเวจีให้สิ้นซากด้วยมือข้าเอง เสียดาย ท้ายที่สุดแล้วก็ทำไม่สำเร็จ หลังจากผ่านเหตุการณ์เข่นฆ่าครั้งยิ่งใหญ่แล้ว อเวจีสามารถอดกลั้นได้ และตัดสินใจยื้อกับข้าต่อไป…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...