ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1697

ตอนที่ 1697 อดีตของอเวจี
เมื่อเทพแท้จริงสยบโลกาได้ยินคำกล่าวเช่นนี้แล้วถึงกับยิ้มด้วยความขมขื่นว่า “ปณิธานของสวรรค์ ไม่รู้ว่าควรนับว่าเป็นดีหรือเลว กล่าวสำหรับผู้ดำรงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งแล้ว เกรงว่าทุกคนคงต้องสาปแช่งสวรรค์กัน กล่าวสำหรับสรรพชีวิตแล้ว เกรงว่าคงเป็นสิ่งปลอบขวัญและความคุ้มครองที่สวรรค์มอบให้อยู่ในใจของพวกเขา”

“ต่อให้เป็นสรรพชีวิตก็ต้องก้าวเดินจนถึงจุดนั้น สวรรค์ไม่ได้เห็นอกเห็นใจชาวโลกอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เพราะเหตุใดในแต่ละศักราชที่ผ่านมาจึงมีสรรพชีวิตจำนวนมากที่พยายามกันอยู่หละ? ไม่ว่าใครก็หลีกหนีจากโชคชะตาไม่พ้นภายใต้สวรรค์แห่งนี้ นี่แหละคือคำกล่าวที่ผู้คนบนโลกพูดถึงอยู่เสมอๆ ว่า ปณิธานของสวรรค์ฝืนไม่ได้!”

“ชีวิตข้าขึ้นอยู่กับข้าไม่ขึ้นอยู่กับสวรรค์!” คำกล่าวเบื้องต้นทำให้เทพแท้จริงสยบโลกานึกถึงคำกล่าวของยอดฝีมือ โดยเฉพาะราชันเซียนที่มักจะพูดกัน ถึงกับพึมพำว่า “มีเพียงผู้ที่ก้าวไปถึงระดับราชันเซียนแล้วจึงจะคำนึงถึงปัญหาข้อนี้”

ครั้นเทพแท้จริงสยบโลกาเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วทอดถอนใจเบาๆ ออกมา ใช่ว่าเขาจะไม่ไปสืบเสาะค้นหาปัญหาข้อนี้ และไม่ใช่เป้าหมายที่เขาต้องไปพยายาม ความหมายในการดำรงอยู่ของเขาคือเฝ้ามองดูเก้าแดน เพื่อป้องกันการหวนกลับมาปกครองเก้าแดนอีกครั้งของอเวจี

“เพื่อต่อต้านกับอเวจี ใต้เท้าเดินทางไปเจรจาขอความร่วมมือจากสุสานเทียนกู่” เทพแท้จริงสยบโลกากล่าวพร้อมกับทอดถอนใจออกมา กระทั่งจะไปจากแล้ว แต่ว่าเขายังคงเข้าใจว่าใต้เท้าไม่สามารถปล่อยวางเก้าแดนลงได้

“ถูกต้อง” หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ถ้าหากอเวจีกล้าเสี่ยงสู้อย่างเต็มที่ล่ะก็ ราชันเซียนของพวกเขาจะต้องลงมืออย่างแน่นอน และหากราชันเซียนของอเวจีสู้อย่างเต็มที่ล่ะก็ อาศัยกองทัพมังกรเขียวเพียงลำพังไม่สามารถต้านพวกเขาได้อยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่อาจไม่ไปขอให้สุสานเทียนกู่ลงมือ คาดหวังว่าสามารถเอาชนะได้จากการลงมือเพียงครั้งเดียว”

“เกรงว่าอเวจีคงไม่หลงกลแพะตัวผู้เฉกเช่นครั้งครานั้นอีก” เทพแท้จริงสยบโลกาถึงกับพูดติดตลกออกมา

“คราวนี้จะไม่เล่นกลกันอีกแล้ว ผู้บงการของสุสานเทียนกู่ลงมือด้วยตนเอง มีเพียงเช่นนี้จึงสามารถเอาชนะได้โดยอาศัยการสู้รบเพียงครั้งเดียว วิธีการเก่าๆ ในอดีตใช้การไม่ได้แล้ว ต่อให้อเวจีหลงกลจริงๆ ก็ไม่สามารถบรรลุถึงขั้นเอาชนะได้โดยอาศัยการสู้รบเพียงครั้งเดียวได้” หลี่ชิเย่กล่าวพร้อมกับส่ายหน้า

“ที่อเวจีหลงกลในครั้งนั้นนับว่าเป็นเรื่องดี เป็นการบั่นทอนกำลังของอเวจีไป มิฉะนั้นล่ะก็พวกเราอาจจะต้องแลกด้วยค่าตอบแทนที่สูงกว่านี้” เทพแท้จริงสยบโลกาถึงกับพูดทอดถอนใจออกมา

“มันก็จริง ครั้งนั้นอาศัยยืมมือถ้ำเซียนมารมาหลอกให้อเวจีหลงกล อเวจีเองก็เตรียมตัวมาไม่พร้อม พวกเขาลงมือบุ่มบ่ามทำให้มิติมหัศจรรย์ถูกสยบ ส่งผลให้สูญเสียกำลังไปมาก ผู้ยิ่งใหญ่ต้องจบชีวิตลงหลายคน ในเวลานี้พวกเขาก็หลบซ่อนตัวไม่กล้าออกมาอีกเลย” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวขึ้นมา

“ครั้งนั้นใต้เท้าคิดจะได้มาซึ่งมิติมหัศจรรย์ และของสิ่งนั้นของถ้ำเซียนมาร” เทพแท้จริงสยบโลกาถึงกับเอ่ยขึ้นมาว่า “น่าเสียดายกับไม่ได้ดั่งใจ ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถพินาศไปด้วยกันในคราเดียว”

“พออเวจีเห็นท่าไม่ดีก็รู้ได้ทันทีว่าหลงกล พวกเขาจึงรีบล่าถอยกลับทันที ขณะที่ถ้ำเซียนมารก็ไม่ต้องการให้ข้าได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการขัดแย้งกันของสองฝ่าย จึงจงใจปล่อยอเวจีให้หนีไปได้” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มกล่าวเฉยเมยออกมาว่า “เรื่องราวที่ไม่เป็นไปตามปรารถนามีมากมายเหลือเกิน ไม่ได้ของสองสิ่งนี้ก็ไม่มีอะไรจะพูด”

เรื่องราวเกี่ยวกับแพะตัวผู้ที่หลี่ชิเย่ และเทพแท้จริงสยบโลกาพูดถึงก็คือนิทานที่หลี่ชิเย่เมื่อครั้งอยู่เมืองฟงตู (เมืองอเวจี หรือยมโลก) ได้เล่าให้กับผีน้อยได้ฟัง เป็นเรื่องราวที่คราวนั้นเขาหลอกให้อเวจีหลงกลบุกตีถ้ำเซียนมาร

ครั้งนั้นที่หลี่ชิเย่ได้คำนวณเอาไว้ก็คือยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว คาดหวังจัดการกับถ้ำเซียนมารและอเวจีในครั้งคราเดียว และได้รับมิติมหัศจรรย์ของอเวจี กับของสิ่งนั้นของถ้ำเซียนมาร

สงครามในครั้งนั้นอเวจีเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ต่อให้ราชันเซียนของอเวจีที่มีมิติมหัศจรรย์อยู่ในครอบครองก็ไม่สามารถบุกยึดถ้ำเซียนมารได้ ตรงกันข้ามกับถูกสยบ ซึ่งส่งผลให้ผู้ยิ่งใหญ่ที่แอบซ่อนตัวอยู่ของพวกเขายิ่งเพิ่มความยากที่จะขับเคลื่อนมิติมหัศจรรย์มากขึ้นกว่าเดิม

ทว่า การศึกในครั้งนั้น เมื่อถึงที่สุดทางด้านถ้ำเซียนมารจงใจปล่อยให้อเวจีได้หนีไป เนื่องจากไม่ต้องการให้หลี่ชิเย่เป็นฝ่ายได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ และให้หลี่ชิเย่สมใจตามแผนการที่ได้วางเอาไว้

เรื่องราวในครั้งนั้น ตัวของเทพแท้จริงสยบโลกาก็รู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง หากไม่เป็นเพราะถ้ำเซียนมารจงใจกล่อยให้อเวจีหนีไป เป็นความจริงที่ศึกในครั้งนั้นสามารถทำให้ได้รับชัยชนะจากการรบเพียงครั้งเดียวจริงๆ ไม่ต้องสูญเสียค่าตอบแทนมากนักก็สามารถได้ทั้งถ้ำเซียนมารและอเวจีในเวลาเดียวกัน กระทั่งสามารถได้สิ่งของสองสิ่งอีกด้วย

แม้ว่ายุทธวิธีรบนี้ไม่บรรลุผล แต่นับว่าได้ช่วงชิงโอกาสให้กับพวกเขาได้มาก เนื่องจากนิทานเรื่องแพะตัวผู้นี้ได้ทำให้อเวจีสูญเสียกำลังไปมาก ส่งผลให้สามารถวางรากฐานยุทธการศึกพิฆาตเซียนในเวลาต่อมา

ถ้าหากปราศจากนิทานแพะตัวผู้ในครั้งครานั้น ต่อให้เก้าแดนสามารถเอาชนะอเวจีได้ในที่สุด จะต้องแลกด้วยค่าตอบแทนที่สุดจะจินตนาการได้

ควรจะทราบว่า ยุทธการพิฆาตเซียนในครั้งนั้นได้แลกด้วยค่าตอบแทนที่สาหัสมาก ปรัชญาเมธีของเก้าแดนได้พยายามร่วมกันจึงสามารถทำลายล้างอเวจีได้เป็นผลสำเร็จ ครั้งนั้นเรียกได้ว่าฆ่าฟันกันจนเลือดไหลนองเป็นธาร โดยเฉพาะยุทธการพิฆาตเซียนครั้งนั้น ผู้ที่รอดชีวิตจากการศึกมาได้นั้นมีจำนวนไม่มาก! กำลังทหารของเก้าแดนที่ทุ่มเข้าไปในการศึกยุทธการพิฆาตเซียนมีมากถึงร้อยล้าน ท้ายสุดเหลือรอดไม่ถึงหนึ่งล้านคน ย่อมสามารถประเมินได้ว่าศึกครั้งนี้มีความทารุณโหดร้ายเพียงใดแล้ว

กองทัพมังกรเขียวพักเพื่อฟื้นฟูกำลังมาโดยตลอดหลังจากศึกยุทธการพิฆาตเซียนสิ้นสุดลง” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจด้วยความหดหู่ว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าไม่ต้องการให้กองทัพมังกรเขียวกลับเข้าสู่สมรภูมิรบอีกครั้ง สงครามมันช่างโหดร้ายเหลือเกิน และนี้คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้ข้าทำการกวาดล้างเก้าแดนครั้งแล้วครั้งเล่าทุกยุคสมัยที่ผ่านมา และตามหามิติมหัศจรรย์มาครั้งแล้วครั้งเล่า! ข้าหวังว่าสามารถล้างทำลายอเวจีให้สิ้นซากด้วยมือข้าเอง เสียดาย ท้ายที่สุดแล้วก็ทำไม่สำเร็จ หลังจากผ่านเหตุการณ์เข่นฆ่าครั้งยิ่งใหญ่แล้ว อเวจีสามารถอดกลั้นได้ และตัดสินใจยื้อกับข้าต่อไป…”

“…ไม่นึกเลยว่า มาถึงวันนี้ท้ายที่สุดแล้วยังคงต้องอาศัยกองทัพมังกรเขียว ยังคงมอบหมายภารกิจเฝ้าดูเก้าแดนให้กับพวกเจ้า” เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยถึงตรงนี้แล้วท่าทีเหมือนจนด้วยเกล้าอยู่บ้าง

แม้ว่าเขาจะดำรงอยู่ในฐานะผู้บงการเก้าแดน เคยบงการมายุคแล้วยุคเล่า แต่เรื่องบางเรื่องเขาก็จนด้วยเกล้า จำเป็นต้องมีการตัดสินใจเลือก

ครั้งนั้น หลังจากที่อเวจีถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แล้ว อเวจีที่มีมิติมหัศจรรย์ในมือได้หนีไปหลบซ่อนตัวอย่างสิ้นเชิง พวกเขารู้ว่าขอเพียงโผล่หน้าออกมาแม้เพียงน้อยนิดก็จะต้องถูกล้อมปราบด้วยกองทัพนับร้อยล้าน ในระหว่างที่โอกาสไม่สุกงอมพวกเขาจะไม่กล้าปรากฏตัวออกมาโดยง่ายดาย ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกที่จะหลบซ่อนตัวมายุคแล้วยุคเล่า

ในแต่ละยุคสมัยที่ผ่านมา หลี่ชิเย่ได้ทำการกวาดล้าง และติดตามมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ว่า อวจีที่มีมิติมหัศจรรย์ครอบครองอยู่ในมือ ทำให้ไม่สามารถถอนรากถอนโคนกากเดนของอเวจีที่หลงเหลือได้อยู่แล้ว!

“นี่คือภารกิจของพวกเรา” เทพแท้จริงสยบโลกากล่าวเสียงหนักแน่นจริงจังว่า “เฉกเช่นที่ใต้เท้ากล่าวเอาไว้ ใต้เท้าเห็นใจพวกเรา สมรภูมิอื่นๆ พวกเราไม่ไปก็ได้ แต่ว่า หากเผชิญกับอเวจีพวกเราต้องสู้รบจนถึงที่สุด ครั้งนั้นใต้เท้าก่อตั้งกองทัพมังกรเขียวขึ้นมาก็เพื่อต้องการต่อต้านอเวจีมิใช่รึ? ในเมื่ออเวจีหาญกล้ายื่นมือสกปรกของมันมายังเก้าแดนอีก กองทัพมังกรเขียวพวกเราก็มีหน้าที่สู้รบให้ถึงที่สุด พวกเราจะไม่เลิกรากับอเวจี…”

“…อีกอย่าง แม้แต่ใต้เท้าก่อนจะจากไปยังปล่อยมือเก้าแดนไม่ได้ ทิ้งเก้าแดนไม่ได้ ยังคงทุกข์ใจเพราะเก้าแดน ยังคงวิ่งเต้นบากบั่นเพื่อเก้าแดน ขนาดใต้เท้ายังเป็นเช่นนี้ พวกเราในฐานะลูกหลานของเก้าแดนจะมีข้ออ้างอะไรไม่ก้าวเดินออกมาสู้รบให้ถึงที่สุดกันเล่า?” ทุกๆ คำพูดที่เทพแท้จริงสยบโลกาพูดออกมาล้วนหนักแน่นจริงจัง!

หลี่ชิเย่ได้แต่กล่าวทอดถอนใจออกมาว่า “ที่ข้าสามารถทำได้ก็คงมีเพียงเท่านี้หละนะ อนาคตของเก้าแดนได้แต่พึ่งพาพวกเจ้าเองแล้ว และสามารถอาศัยเก้าแดนเองแล้ว ถ้าหากข้าไม่สามารถกลับมาได้ ความอยู่รอดของเก้าแดนได้แต่อาศัยความพยายามของตนเอง อาศัยการต่อสู้ของตนเอง โลกนี้ไม่มีพระเจ้าที่ช่วยโลก และเก้าแดนไม่เคยมีผู้ที่คอยเฝ้าคุ้มครอง”

“ไม่ ในสายตาของข้าใต้เท้าก็คือพระเจ้าผู้ช่วยโลก เป็นผู้คุ้มครองของเก้าแดน” เทพแท้จริงสยบโลกาส่ายหัวและกล่าวว่า “ไม่ว่าผู้คนบนโลกจะด่าว่าใต้เท้าอย่างไร หวาดกลัวต่อใต้เท้าเช่นใด แต่บนโลกใบนี้ ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลาจะมีใครที่ใส่ใจเก้าแดนยิ่งกว่านี้อีก? ยังมีใครที่เสียสละเพื่อเก้าแดนมากไปกว่าใต้เท้า? ไม่มี! ใต้เท้าคอยเฝ้าดูมายุคแล้วยุคเล่า ไม่เพียงเพื่อสั่งสมให้กับตัวเอง ยังทำเพื่อระมัดระวังอเวจี! ถ้าหากไม่เป็นเช่นนี้ หลังจากที่ใต้เท้าไปแดนสิบแล้วคงไม่กลับมาอีกแล้ว…”

“…คนอื่นอาจไม่เข้าใจใต้เท้า แต่ข้าเข้าใจ ครานั้น หลังจากราชันเซียนหญิงหงเทียนแล้ว ใต้เท้าก็ได้บ่มฟักราชันเซียนได้มากพอแล้ว ณ ที่ตรงนั้นเพียงพอที่จะสามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้สิบสามทวีปอยู่แล้ว แต่ ใต้เท้ายังคงกลับมาที่เก้าแดน ใต้เท้าที่กลับมาใช่เพียงแค่ดูอย่างเดียวเท่านั้น ขณะเดียวกันใต้เท้าก็เกรงว่าอเวจีจะย้อนกลับมาอีกครั้ง ที่ใต้เท้าทำไปเพื่อต้องการให้อเวจีรู้ว่าใต้เท้ายังคงเฝ้าปกป้องเก้าแดนตลอดมา!”

“ที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจเบาๆ และกล่าวว่า “อดีตไปๆ มาๆ ได้ แต่ชาตินี้มันต่างกัน ชาตินี้เกรงว่าไปแล้วจะไม่มีวันได้กลับมาอีกแล้วหละ! ถ้าหากข้างบนนั้นมีกำลังเพียงพอล่ะก็ ข้าก็จะจัดให้มีการยกทัพออกปราบเป็นครั้งสุดท้ายสู้รบถึงที่สุด หากไม่สำเร็จจะไม่หวนคืนกลับมาอีก!”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้เทพแท้จริงสยบโลกาถึงกับนิ่งเงียบไปนาน เขารู้แล้วว่าคราวนี้คือการจากกันชั่วนิรันดร์ และรู้ว่าเพราะเหตุใดใต้เท้าจึงได้สั่งกำชับเช่นนี้ก่อนไปจาก

ความจริงแล้ว ก่อนหน้านั้นใต้เท้าใช่จะเคยไปจากเก้าแดนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น อีกทั้งก่อนหน้านั้น คราวที่ใต้เท้าจากไปก็ไม่จำเป็นต้องมากล่าวลา การกล่าวลาในครั้งนี้เกรงว่าจะกลายเป็นจากลากันนิรันดร์เสียแล้ว

“รักษาตัวให้ดีหละ” ในที่สุด หลี่ชิเย่ก็ได้แต่พูดว่า “พยายามมีชีวิตอยู่ต่อไป เก้าแดนยังคงต้องการพวกเจ้า พวกเจ้าต้องเฝ้ารักษาแสงอรุโณทัยสุดท้ายของเก้าแดนเอาไว้”

“ใต้เท้า ถนอนตัว ขอให้ใต้เท้าได้รับชัยชนะกลับมา” สุดท้าย เทพแท้จริงสยบโลกาคุกเข่าลงกราบกับพื้นแสดงคารวะเต็มรูปแบบอย่างจริงจัง ไม่อยากจากกันเลย

พวกเขาแม้ว่าจะเป็นนายกับบ่าว แต่ก็เป็นเหมือนดั่งอาจารย์กับศิษย์ เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมาก่อน เคยผ่านความทุกข์ยาก ผ่านกาลเวลาที่มืดมิดที่สุด และร่วมต่อสู้อย่างดุเดือดในสมรภูมิรบด้วยกันมา

จากกันวันนี้เกรงว่าจะกลายเป็นการจากกันชั่วนิรันดร์ ดังนั้น เทพแท้จริงสยบโลกาจึงได้ทำความเคารพต่อหลี่ชิเย่เต็มรูปแบบและจริงจังที่สุด

ครั้งนี้ หลี่ชิเย่ไม่ได้พยุงตัวเทพแท้จริงสยบโลกาเอาไว้ รับการเคารพเต็มรูปแบบจากเทพแท้จริงสยบโลกาอย่างสงบ เกรงว่าคงเป็นการรับการเคารพเต็มรูปแบบเช่นนี้เป็นครั้งสุดท้ายจากเทพแท้จริงสยบโลกาแล้ว

“ใต้เท่า นังหนูซู่เจินนั้นท่านพานางไปด้วยเถอะ แม้ว่าตอนนี้นางยังช่วยอะไรใต้เท้าไม่ได้เป็นการชั่วคราว แต่ว่า สายเลือดของเขาแตกต่างจากคนอื่น คุ้มค่าต่อการบ่มฟัก ไม่แน่นักการไปอยู่ข้างบนในอนาคตอาจช่วยเหลือใต้เท้าได้อีกแรงหนึ่ง” เทพแท้จริงสยบโลกากล่าวหลังจากที่ลุกขึ้นมาแล้ว

หลี่ชิเย่พยักหน้า และกล่าวว่า “เจ้าไม่บอกข้าก็ต้องพานางไปอยู่แล้ว ครั้งนั้นข้าได้รับปากนาง และเท่ากับได้รับปากมู่เทียน ข้าจะไม่ทิ้งนางเอาไว้ ให้นางได้เตรียมตัวและไปรายงานตัวที่สำนักโบราณสี่เหยียน บอกกับนางว่าเวลาไม่คอยท่า”

“ข้าจะให้นางได้เตรียมตัว” เทพแท้จริงสยบโลกาพยักหน้ากล่าว

สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้ไปจากพรรคปกฟ้า เทพแท้จริงสยบโลกาเดินทางมาส่งหน้าสำนักด้วยตนเอง หลังจากเดินไปไกล หลี่ชิเย่ถึงกับเหลียวหลังกลับไปมองดูอีกครั้งหนึ่ง มองดูอักษรคำว่า “ปกฟ้า” สองตัวนั้นรู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาในใจ สุดท้ายยังคงก้าวเดินจากไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล