บางครั้งก็มีมังกรแท้จริงผาดโผนบนท้องฟ้า กลิ่นอายมังกรดั่งคลื่นที่ถาโถม เมื่อสิ่งมีชีวิตที่บงการทุกสิ่งในยุคดึกดำบรรพ์ปรากฎตัวออกมาแล้ว สรรพชีวิตใดๆ ก็ตาม ล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างน้อยนิดเสียเหลือเกิน
บางครั้งก็สลับด้วยตราสัญลักษณ์ที่มีความเจิดจ้ายิ่งปรากฏบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ภายในตราสัญลักษณ์ล้อมรอบด้วยสุริยันจันทรา มีดวงดาราผุดเข้าออกตรงนั้น มีทางช้างเผือกที่ไหลริน กระทั่งมีตรีสหัสโลกธาตุที่ลอยล่องอยู่
ขณะที่เหตุการณ์ประหลาดต่างๆ ปรากฏขึ้นมาล้วนแล้วแต่รวบรวมพลังจากเก้าแดนเอาไว้ โดยที่พลังสายนี้วนเวียนอยู่ท่ามกลางเก้าแดน มันมีอยู่ทุกที่ ไม่มีที่ใดที่ไม่มีพวกมัน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แห่งใด เวลาใดก็สามารถรับรู้ถึงพลังสายนี้ได้
เหมือนว่าพลังสายนี้คอยบงการเก้าแดนอยู่ เหมือนว่าพลังลักษณะเช่นนี้ที่มันบงการหมื่นอาณาจักร พลังลักษณะเช่นนี้มาจากเก้าแดน แต่ไม่ใช่ของเก้าแดน เหมือนดั่งว่าพลังลักษณะเช่นนี้เป็นตัวแทนของสวรรค์ เหมือนว่ามันคือการแสดงออกถึงปณิธานของสวรรค์อย่างหนึ่ง
นี่แหละคือชะตาฟ้า ชะตาฟ้าในชาตินี้ได้รวมตัวกันจนเป็นผลสำเร็จแล้ว รอคอยราชันเซียนองค์ใหม่มาสืบทอด ยามที่ชะตาฟ้าปรากฏ ทั่วทั้งเก้าแดนก็จะดำรงอยู่ในลักษณะเช่นนี้ พลังขอลชะตาฟ้ามีอยู่ทุกที่ พลังของชะตาฟ้าสร้างความหวั่นเกรงแก่ผู้คนยิ่งนัก
ภายใต้พลังของชะตาฟ้า ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นระดับจักรพรรดิเทพ หรือรัชทายาท ก็จะรู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างตัวเล็กและอ่อนแออะไรเช่นนั้น ต่อให้เป็นผู้ที่ยกย่องตัวเองว่าปราศจากผู้ต่อกร เมื่อต้องเผชิญกับพลังชะตาฟ้าแล้ว ต้องรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ปราศจากผู้ต่อกรอะไรขนาดนั้น มีเพียงได้สืบทอดชะตาฟ้า ควบคุมชะตาฟ้าแล้วเท่านั้นจึงปราศจากผู้ต่อกรอย่างแท้จริง เพียงครอบครองชะตาฟ้าจึงสามารถหัวเราะเย้ยได้หนึ่งยุคสมัย สามารถปราศจากผู้ต่อกรอย่างแท้จริงได้หนึ่งยุคสมัย สามารถเกรียงไกรไปทั่วเก้าแดนได้อย่างแท้จริง!
นี่แหละคือความแข็งแกร่งของชะตาฟ้า และก็คือสิ่งที่ชะตาฟ้าน่าดึงดูดผู้คนได้มากที่สุด ขอเพียงได้ครอบครองชะตาฟ้าจึงบ่งบอกถึงการปราศจากผู้ต่อกร และนี่ก็คือเพราะเหตุใดดาวรุ่งและยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนนับแต่อดีตถึงปัจจุบันต่างต้องการเสาะแสวงหาชะตาฟ้า ขอเพียงบุคคลผู้นั้นมีชะตาฟ้าแล้วก็สามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกนี้!
กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนใดๆ ก็ตาม หรือยอดฝีมือใดๆ ก็ตาม ชาตินี้ไม่มีสิ่งใดคู่ควรให้พวกเขาไปเสาะแสวงหามากไปกว่านี้อีกแล้ว
“ชะตาฟ้าได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว ชาตินี้จะมีผู้ใดสามารถได้รับการยอมรับจะชะตาฟ้ากันเล่า?” แม้แต่ระดับจักรพรรดิเทพยังถึงกับมองดูชะตาฟ้าที่ปรากฏด้วยความอิจฉา ไม่รู้ว่ามีจักรพรรดิเทพรุ่นอาวุโสจำนวนมากมายต้องสะอื้นเบาๆ ถ้าหากสามารถมีเวลาให้พวกเขาได้เลือกอีกครั้งล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาคงจะก้าวเดินไปสู่เส้นทางการแย่งชิงชะตาฟ้าโดยไม่ลังเล กล่าวสำหรับพวกเขาผู้ซึ่งเคยเห็นอานุภาพของชะตาฟ้ามาแล้ว ชะตาฟ้าช่างเย้ายวนใจมากเหลือเกิน
ในเก้าแดนมีดาวรุ่งจำนวนไม่น้อยถึงกับอยากลองดู ต่างรู้สึกคันไม้คันมือ พวกเขาต่างรู้สึกถึงเลือดร้อนในกายที่พลุ่งพล่านเมื่อเห็นชะตาฟ้าปรากฎ พวกเขาอยากจะได้รับการยอมรับของชะตาฟ้าให้มันรู้แล้วรู้รอดไป สามารถก้าวเดินบนเส้นทางการแย่งชิงชะตาฟ้า และสามารถสืบทอดชะตาฟ้าได้เป็นราชันเซียน
เมื่อนึกถึงว่าสามารถเป็นราชันเซียน นึกถึงสามารถกลายเป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกรของเก้าแดน ผู้บงการของเก้าแดนในหมื่นอาณาจักรไม่รู้ว่ามีดาวรุ่งจำนวนเท่าไรอยากจะให้เรื่องนี้กลายเป็นจริงในทันทีให้รู้แล้วรู้รอดไป และให้สามารถมาถึงในเร็ววันให้รู้แล้วรู้รอดไป
ในที่สุดเมื่อชะตาฟ้าปรากฏ ประตูมิติของเก้าแดนก็ได้เปิดออกมาโดยสิ้นเชิง ทุกๆ แดนล้วนแล้วแต่มีสำนักเจ้าลัทธิที่เริ่มควบคุมประตูมิติ และทำการส่งศิษย์ของตนออกไปยังแดนต่างๆ เพื่อเป็นการเพิ่มพูนสความรู้ประสบการของพวกเขา สำหรับศิษย์ของสำนักขนาดเล็กขอเพียงสามารถมอบศิลาแกร่งให้กับสำนักเจ้าลัทธิ ก็สามารถถูกส่งไปยังทุกๆ ที่ของเก้าแดนได้เช่นกัน
“แดนมนุษย์กษัตรา ข้ามาแล้ว สถานที่ที่ให้กำเนิดอัจฉริยะบุคคลจะต้องกลายเป็นสนามรบของข้า” มีดาวรุ่งจากแดนอื่นที่เข้ามาเหยียบในแดนมนุษย์กษัตราถึงกับกล่าวด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ในเวลานี้ ดาวรุ่งกระทั่งยอดฝีมือรุ่นอาวุโสจากแดนสมุนไพรแร่ธาตุ แดนวิญญาณสวรรค์ แดนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เป็นต้นต่างเดินทางเข้ามายังแดนมนุษย์กษัตรา สำหรับยอดฝีมือของสำนักเจ้าลัทธิจากแดนอื่นๆ แล้ว แดนมนุษย์กษัตราเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดที่จะมาเยือนอย่างเด็ดขาด นักจากอดีตเป็นต้นมา เคยมีการแย่งชิงชะตาฟ้าจำนวนมากที่ปะทุขึ้นที่แดนมนุษย์กษัตรา นี่เอง
“ชาตินี้ข้าจะต้องเกรียงไกรไปเก้าแดน ข้าจะเป็นตัวแทนของแดนวชิระท้าสู้กับผู้กล้าทั่วหล้า และแดนมนุษย์กษัตราคือจุดแรก ข้าจะต้องเอาชนะสุดยอดดาวรุ่งทั้งหมดของแดนมนุษย์กษัตราได้แน่นอน” หลวงจีนจากแดนวชิระหลังจากมาถึงแดนมนุษย์กษัตราแล้วได้ลั่นวาจาที่ฮีกเหิมเอาไว้
“ข้าเทียนเซิ่นเสินจุนแห่งแดนมหิงสาประจิมยินดีท้าสู้ผู้มีปณิธานเข้ารับการคัดเลือกเป็นราชันเซียนทุกคนของแดนมนุษย์กษัตรา ไม่ว่าจะเป็นการสู้กันตัวต่อตัวหรือตะลุมบอนข้าก็ไม่เกี่ยง ชาตินี้ ข้าเทียนเซิ่นเสินจุนจะต้องเป็นราชันเซียน” มีดาวรุ่งที่ปราศจากผู้ต่อกรของแดนมหิงสาประจิมมาถึงแดนมนุษย์กษัตราเป็นครั้งแรก ก็เอ่ยปากท้าสู้กับดาวรุ่งทุกคนของแดนมนุษย์กษัตราทันที
จากการที่ประตูมิติเปิดออก เก้าแดนเชื่อมติดต่อถึงกันได้ ทำให้ยอดฝีมือที่เข้ามาอยู่ในแดนมนุษย์กษัตราเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ดาวรุ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาที่แดนมนุษย์กษัตราแล้วก็อดใจอยากจะทดลองไม่ได้ อยากจะท้าสู้กับดาวรุ่งของแดนมนุษย์กษัตราให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ก็มียอดฝีมือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาที่แดนมนุษย์กษัตราแล้วกลับทำตัวไม่เป็นที่สนใจ พวกเขาเพียงเฝ้าสังเกตุอย่างละเอียดเพื่อดูว่ามีใครบ้างที่จะเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งของพวกเขาได้
ขณะที่หลวงจีนจากแดนวชิระ และเทียนเซิ่นเสินจุนแห่งแดนมหิงสาประจิมได้ลั่นวาจาที่ฮึกเหิมออกมาท้าท้ายต่อดาวรุ่งของแดนมนุษย์กษัตราแล้วนั้น ปรากฏว่าเสียงตอบรับกลับเงียบเฉย กระทั่งไม่มีใครไปสนใจพวกเขาเลย
มีผู้ส่งเสียงท้าทายต่อแดนมนุษย์กษัตรา ขณะที่ดาวรุ่งของแดนมนุษย์กษัตรากลับมีปฏิกิริยาที่เรียบเฉย ไม่มีใครไปรับคำท้า ทำให้บรรดาดาวรุ่งที่มาจากแดนต่างๆ รู้สึกแปลกใจ
“ดาวรุ่งของแดนมนุษย์กษัตราไม่มีใครแล้วรึ? หลวงจีนจากแดนวชิระ และเทียนเซิ่นเสินจุนแห่งแดนมหิงสาประจิมได้กล่าววาจาที่ข่มแหงกันขนาดนี้ กลับไม่มีใครในแดนมนุษย์กษัตรายอมออกมารับคำท้า” ผู้บำเพ็ญตนที่มาจากแดนวัชระหลังจากได้รู้จักกับผู้บำเพ็ญตนของแดนมนุษย์กษัตราแล้วจึงอดเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัยไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...