ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1707

ตอนที่ 1707 ถูกตัดสิทธิ์
ภายหลังจากที่หลี่ชิเย่ออกจากถ้ำเซียนมารแล้ว ก็ปรากฏเสียง “แว้งค์” ดังขึ้นทีหนึ่ง ทันใดนั้น บนหน้าผากของเขาก็ปรากฏวังวนเล็กๆ ขึ้นมา ย่อมไม่ต้องสงสัยนาทีนี้หลี่ชิเย่ได้รับการยอมรับจากชะตาฟ้าแล้ว

การที่หลี่ชิเย่ได้รับการยอมรับจากชะตาฟ้าถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด อาศัยสิบสามลัคนาของเขาหากยังไม่ได้รับการยอมรับจากชะตาฟ้า เช่นนั้นแล้วคนอื่นๆ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับการยอมรับจากชะตาฟ้าแล้ว

หลี่ชิเย่ไม่ได้รู้สึกน่าดีใจตรงไหน ปฏิกิริยาของเขาธรรมดามากกับการได้รับการยอมรับจากชะตาฟ้า เพียงยิ้มเฉยเมยและเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ในที่สุดก็มาแล้ว มันสมควรกลายเป็นของประดับให้กับข้าได้แล้วหละ”

พลันที่หลี่ชิเย่กล่าวขาดคำ เขาเปิดหน้าผากออกมา “แว้งค์” นาทีนี้บริเวณหน้าผากของหลี่ชิเย่ปรากฎประกายขึ้นมา โดยที่ประกายนี้เกิดจากประกายสามสายที่เปล่งกระจายออกมา โดยประกายสามสายประกอบด้วยสีทอง สีเงิน และสีเหล็กสามสี ประกายทั้งสามสีพันเกี่ยวซึ่งกันและกันและล้อมเป็นวงซึ่งกันและกัน เมื่อประกายทั้งสามสายเคลื่อนไหวนั้น แลดูเหมือนไม่ขาดช่วงและไม่มีการหยุดนิ่งอย่างนั้น

พริบตาเดียวนั่นเอง ประกายทั้งสามสายของหลี่ชิเย่ได้กลับกลายเป็นเจิดจ้ายิ่งนักโดยพลัน และท่ามกลางความเจิดจ้านี้ปรากฏเป็นวังวนสีทอง เงิน และเหล็กขึ้นมาสามวง โดยที่วังวนทั้งสามส่งประกายที่วูบวาบออกมา เหมือนว่าสามารถกลั่นเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินได้อย่างนั้น

“แว้งค์” ทันใดนั้นเองวังวนสามวงที่เกิดจากประกายสามสายพลันจับวังวนขนาดเล็กที่เป็นสัญลักษณ์ได้รับการยอมรับจากชะตาฟ้านั้นเอาไว้ โดยที่วังวนดังกล่าวคล้ายดั่งเป็นแมลงตัวน้อยที่หลงเข้าไปติดกับบนใยแมงมุมและถูกล็อกจับตายเอาไว้อย่างนั้น

แม้ว่าวังวนขนาดเล็กที่แสดงการยอมรับของชะตาฟ้าจะดิ้นรนอย่างไร แต่ท่ามกลางวังวนทอง เงิน เหล็กกลับดูอ่อนแอเหลือเกิน ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง

ภายในระยะเวลาอันสั้น วังวนขนาดเล็กที่แสดงถึงการได้รับกายยอมรับจากชะตาฟ้านั้นได้ถูกวังวนสีทอง เงิน เหล็กนั้นหลอมกลั่นจนกลายเป็นประกายสายหนึ่ง

ควรจะทราบว่า ชะตาฟ้านั้นเป็นพลังที่เกิดจากการสืบทอดมาเป็นยุคสมัยหนึ่ง มันได้สืบทอดพลังของหมื่นสัจธรรมของเก้าแดนเอาไว้ แต่ในขณะนี้ วังวนขนาดเล็กที่แสดงถึงการได้รับการยอมรับจากชะตาฟ้ากลับถูกหลอมกลั่นได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น ย่อมสามารถประเมินได้ว่า วังวนสีทอง เงิน และเหล็กจะมีพลังที่น่ากลัวเพียงใด และมีความแข็งแกร่งมากมายเช่นใด

จากนั้น วังวนสีทอง เงิน และเหล็กที่ปรากฏอยู่แต่เดิมได้หายไป แต่ยังคงเป็นประกายสามสายที่ไหลหมุนวนอยู่บริเวณกลางหน้าผากของหลี่ชิเย่ไม่หยุดนิ่ง ขณะที่เวลานี้ได้ยินเสียงดัง “ตึง” ดังขึ้นมา สัญลักษณ์ที่แสดงถึงการได้รับการยอมรับจากชะตาฟ้าได้ถูกหลอมกลั่นเป็นประกายสายหนึ่ง และประกายสายนี้ได้ไปปรากฏอยู่ด้านล่างของประกายสีทอง เงิน และเหล็กทั้งสามสายนั่นโดยติดตามอยู่ด้านหลังต่อท้ายประกายสามสาย กลายเป็นเหมือนสิ่งประดับของประกายสามสายนั่น

ในเวลานี้เอง ได้ยินเสียง “ตึง ตึง ตึง” ประกายทอง เงิน เหล็กพลันยิงกฎเกณฑ์ออกมาสามสาย และกฎเกณฑ์สามสายนี้ได้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า และยิงเข้าไปยังวังวนชะตาฟ้าที่หมุนวนไม่หยุดนิ่งบนท้องฟ้านั่น

“ตูม ตูม ตูม…” ทันใดนั้นเองชะตาฟ้าได้เกิดอาการสั่นเทาขึ้นมา

และแล้วชะตาฟ้าเกิดสั่นไหวโคลงแคลงขึ้น จากนั้นชะตาฟ้าได้เปล่งประกายออกมา โดยกฎเกณฑ์แต่ละสายที่ไหลรินอยู่ภายในชะตาฟ้าได้กลายเป็นสีสามสี คือ สีทอง เงิน และเหล็ก อีกทั้งสีทั้งสามของกฎเกณฑ์ที่ไหลอยู่ในชะตาฟ้าเหมือนว่าสีดังกล่าวเกิดจากการเคลือบ เหมือนว่าสีทั้งสามได้ประทับสลักลงบนชะตาฟ้าแล้วอย่างนั้น

หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มที่เฉยเมยออกมาเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในการควบคุมของเขา

จังหวะที่ชะตาฟ้าเกิดสั่นเทาขึ้นมานั้น เกิดเรื่องขึ้นที่เก้าแดน เป็นเรื่องใหญ่มากที่แทบจะพลิกเอาเก้าแดนขึ้นมา ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าใดที่งงงันจนวิญญาณแทบออกจากร่าง

“อ๊ากก…” ภายในสำนักเจ้าลัทธิแห่งหนึ่งในเก้าแดนพลันปรากฎเสียงร้องที่แหลมดังและน่าเวทนาขึ้นมา เป็นเสียงของเทพบุตรของสำนักดังกล่าว ขณะที่เทพบุตรผู้นี้เพิ่งจะได้รับการยอมรับจากชะตาฟ้าเมื่อวานซืนนั้นเอง ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือกให้เป็นราชันเซียน

เวลานี้ พลันเทพบุตรถึงกับร้องเสียงน่าเวทนาขึ้นมากะทันหัน ทำเอาตระหนกตกใจกันไปทั้งสำนัก บรรดาบรรพบุรุษของสำนักรุดไปยังที่พักของเทพบุตรแทบจะในเวลาเดียวกัน

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ระดับบรรพบุรุษร้องเสียงดังออกมาทันทีที่มาถึง

“แย่แล้ว แย่แล้ว” ท่าทีของเทพบุตรเหมือนวิญญาณไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กล่าวด้วยท่าทีหวาดผวาว่า “วัง วัง วัง วังวนขนาดเล็กของข้าหายไปแล้ว”

“ว่าไงนะ วังวนขนาดเล็กหายไปแล้ว?” บรรพบุรุษของสำนักดังกล่าวรู้สึกงงงันรับเรื่องไม่ทัน ไม่รู้ว่าที่พูดมานั้นหมายถึงอะไร”

เทพบุตรผู้นี้เสยผมขึ้นอย่างกระหืดกระหอบ เผยให้เห็นถึงหน้าผากของตน ร้องกล่าวเสียงดังออกมาว่า “การยอมรับจากชะตาฟ้าไง มันหายไปอย่างกะทันหัน สงสัยเจอผีให้แล้วหละ”

บรรพบุรุษของสำนักมองเห็นบริเวณหน้าผากของเทพบุตรว่างเปล่า ไม่มีอะไรปรากฎออกมา พวกเขาพลันรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางลำตัวอย่างนั้น ยืนงงงันอยู่ตรงนั้น ไม่สามารถเรียกสติกลับมาได้อยู่นาน

วันก่อนเทพบุตรของพวกเขาได้รับการยอมรับจากชะตาฟ้า สัญลักษณ์วังวนขนาดเล็กบนหน้าผากคือสุดยอดเกียรติยศสูงสุด เวลานี้สัญลักษณ์กลับหายไปโดยพบัน มันช่างเป็นเรื่องที่เขย่าจิตใจมากเหลือเกิน

“แย่แล้ว มีผู้ที่ได้สืบทอดชะตาฟ้า มีผู้ได้เป็นราชันเซียนแล้ว” ระดับบรรพบุรุษที่มีอาวุโสสูงสุดได้สติกลับมาสลดจนหน้าถอดสี ร้องเสียงแหลมดังออกมา

“เป็นใครที่ได้กลายเป็นราชันเซียนแล้ว!” บรรพบุรุษคนอื่นๆ เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว ต่างถึงกับหวาดผวา ศึกแย่งชิงชะตาฟ้ายังไม่ทันได้เริ่มต้นขึ้น พลันมีคนได้เป็นราชันเซียนเสียแล้ว นี่มันทำให้ผู้คนต้องเซ่อไปเลยชัดๆ

“ไม่จริง ชะตาฟ้ายังคงอยู่ ดูนั่นสิ ชะตาฟ้ายังคงอยู่ตรงนั้นมิใช่รึ?” บรรพบุรุษที่ได้สติกลับมาแล้ว มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ร้องเสียงแหลมและชี้ไปยังชะตาฟ้าที่อยู่บนท้องฟ้า

บรรพบุรุษคนอื่นๆ ทยอยกันแหงนหน้าขึ้นมอง จริงสิ ชะตาฟ้ายังคงแขวนอยู่บนท้องฟ้าเหมือนเดิม ยังคงไหลวนไม่หยุดนิ่ง มันไม่ได้หายไปไหน

“เจอะเจอผีเข้าให้แล้วกระมัง!” เวลานี้แม้แต่บรรพบุรุษที่อาวุโสมากกว่าใครก็มีสีหน้าที่ขาวซีดเสมือนหนึ่งได้เห็นผีอย่างนั้น ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเอง ดวงตาคู่นั้นของเขาเบิกกว้างมาก

“ท่านบรรพบุรุษ เรื่อง เรื่อง เรื่องนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่?” เทพบุตรผู้นั้นก็มีท่าทีเหมือนวิญญาณไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในเวลานี้เขาไม่สามารถยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้ จึงเร่งรีบเอ่ยถามบรรพบุรุษผู้มีอาวุโสมากที่สุด

บรรพบุรุษผู้มีอาวุโสมากที่สุดหายจากอาการอ้าปากตาค้างแล้ว เขาหัวเราะอย่างขมขื่นว่า “เหตุ เหตุ เหตุการณ์แบบนี้ข้าก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ตามหลักแล้วมีเพียงคนที่ชนะเป็นคนสุดท้ายแล้ว และคนผู้นี้ได้สืบทอดชะตาฟ้าเรียบร้อยแล้ว สัญลักษณ์ที่อยู่บนหน้าผากของพวกเจ้าจึงจะหายไป ถ้าหากชะตาฟ้ายังคงอยู่ หรือยังคงไม่มีใครได้เป็นราชันเซียน สัญลักษณ์ของพวกเจ้าก็จะไม่หายไปไหน โดยปรกติทั่วไปแล้วมัน มันควรจะต้องเป็นเช่นนี้”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้ว บรรพบุรุษผู้นี้รู้สึกไม่ค่อยจะมั่นใจนัก เนื่องจากเขาไม่เคยพบเห็นลักษณะเช่นนี้มาก่อน เหตุการณ์เช่นนี้มันช่างแปลกประหลาดมากเหลือเกิน

“เป็นไปไม่ได้…” ในวันเดียวกันนี้เอง ผู้ที่ส่งเสียงร้องแหลมดังน่าเวทนาออกมาใช่จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น บรรดาดาวรุ่งของเก้าแดนที่ได้รับการยอมรับจากชะตาฟ้าต่างทยอยกันร้องเสียงน่าเวทนาออกมา เช่นเทียนเซิ่นเสินจุนแห่งแดนมหิงสาประจิม หลวงจีนแห่งแดนวชิระ เป็นต้น ต่างก็ส่งเสียงร้องที่แหลมดังออกมา

เนื่องจากในวันและเวลาเดียวกันนี้ สัญลักษณ์ชะตาฟ้าของพวกเขาล้วนแล้วแต่หายไป ซึ่งทำให้วิญญาณของพวกเขาแทบหลุดลอยออกจากร่างไป

“ผู้คนที่ได้รับสัญลักษณ์แสดงถึงการยอมรับจากชะตาฟ้าทั้งหมดต่างหายไปภายในวันและเวลาเดียวกันทุกคน” ภายในระยะเวลาอันสั้น ข่าวสะเทือนอารมณ์ได้กระจายไปทั่วทั้งเก้าแดน ข่าวลักษณะเช่นนี้เหมือนระเบิดที่หย่อนลงจนเก้าแดนเดือดพล่านขึ้นมา

“นี่ นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน…”ไม่ว่าระดับบรรพบุรุษจำนวนเท่าไรหลังจากได้รับทราบข่าวนี้แล้วต่างร้องเสียงแหลมดังออกมา

เคยมีระดับบรรพบุรุษที่เป็นพยานเห็นผู้ที่สำเร็จเป็นราชันเซียนมาก่อนก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ กล่าวด้วยความหวาดผวาว่า “มีเพียงยามที่มีผู้ได้เป็นราชันเซียนและสืบทอดชะตาฟ้าแล้วเท่านั้น สัญลักษณ์เช่นนี้จึงจะหายไป เวลานี้ ชะตาฟ้ายังคงอยู่ เพราะอะไรถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้กันหละ!”

แรกทีเดียวผู้คนจำนวนมากยังเข้าใจว่านี่คงเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เมื่อข่าวนี้ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเก้าแดนแล้ว พวกเขาจึงรับรู้ได้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเสียแล้ว แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับทุกๆ คนที่ได้รับการยอมรับจากชะตาฟ้า

เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปแล้ว ทุกคนในเก้าแดนล้วนแล้วแต่งงงัน ปฏิกิริยาแรกของทุกคนก็คือแหงนหน้าขึ้นมองดูท้องฟ้า แต่ว่าชะตาฟ้าก็ยังคงอยู่ มันยังคงแขวนอยู่บนท้องฟ้าเช่นเดิม

เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาก็ได้ทำให้ทุกคนล้วนแล้วแต่คิดไม่ตก ต่อให้เป็นบรรพบุรุษที่มีประสบการณ์มากที่สุด ต่อให้ผู้ที่แก่จนสมควรจะตายที่เคยเป็นพยานรู้เห็นการบรรลุมรรคผลกลายเป็นราชันเซียนมาแล้วหลายองค์ ก็ไม่สามารถอธิบายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้

ชะตาฟ้ายังคงอยู่แท้ๆ อยู่ดีๆ บรรดาผู้รอการคัดเลือกทั้งหมดของเก้าแดนล้วนแล้วแต่ถูกตัดสิทธิ์การเข้าชิงชะตาฟ้าออกไป เรื่องเช่นนี้ไม่ว่าใครก็สุดจะจินตนาการได้อยู่แล้ว

“หรือ หรือ หรือว่าชาตินี้จะแตกต่างกับครั้งก่อนๆ รึ?” มีบรรพบุรุษที่กล่าวขึ้นมาด้วยท่าทีที่วิญญาณไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“ฟ้าจะเปลี่ยนแล้ว จะเปลี่ยนแล้ว” ระดับปราศจากผู้ต่อกรที่แท้จริง ซึ่งตื่นขึ้นจากการนอนหลับใหลในโลง ถึงกับร่างสั่นเทาทีหนึ่งเมื่อรับรู้ถึงเรื่องราวเช่นนี้แล้ว กล่าวด้วยความหวาดผวาว่า “พลันที่ผู้บงการเก้าแดนลงมือก็สร้างความแตกตื่น จากนี้ต่อไปจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่นอน ผู้คนบนโลกต้องขอให้ตนเองโชคดีและช่วยเหลือตัวเองก็แล้วกัน ใครที่มีตาแต่ไร้แววจะต้องตายภายใต้เงื้อมมือของเขาแน่นอน”

แม้ว่าระดับปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ก็ไม่เข้าใจในรายละเอียดว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหมือนกัน แต่ว่า พวกเขาได้คาดการณ์ว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับอีกาทมิฬ อีกทั้งอีกาทมิฬกำลังวางแผนทำเรื่องใหญ่ที่สะเทือนฟ้าอยู่

ผู้ปราศจากผู้ต่อกรประเภทนี้ที่เคยรับรู้ถึงความน่ากลัวของอีกาทมิฬมาเข้าใจเป็นอย่างดี ถ้าหากอีกาทมิฬมีการวางแผนทำในเรื่องใหญ่ที่สะเทือนฟ้าดินล่ะก็ นั่นหมายถึงฟ้าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง เฉกเช่นอเวจีในครั้งนั้นก็ถูกทำลายล้างภายใต้การวางแผนของเขา

มาวันนี้เมื่อมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น แม้ว่าระดับผู้ปราศจากผู้ต่อกรเช่นพวกเขาจะไม่รู้ว่าจากนี้ต่อไปจะมีเรื่องเช่นใดเกิดขึ้น แต่ว่า พวกเขาต่างตักเตือนศิษย์ภายในสำนักให้หลบซ่อนตัวในทันที ห้ามก้าวออกจากสำนักอีกต่อไป มิฉะนั้นล่ะก็ หากนำมาซึ่งภัยถูกทำลายล้างสำนัก ผู้นั้นจะต้องรับผิดชอบ

“จะต้องเป็นฝีมือของเจ้าชิเย่เหม็นที่ก่อเรื่องขึ้นมา” เมื่อสัญลักษณ์ชะตาฟ้าได้หายไปแล้ว หลงจิงเซียนกระโดดขึ้นมาเอะอะโวยวายด้วยความโกรธ และวิ่งพล่านค้นหาหลี่ชิเย่ไปทั่วสำนักโบราณสี่เหยียนเพื่อคิดบัญชีกับเขา

หลงจิงเซียนรู้ว่าคนอื่นไม่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ มีเพียงหลี่ชิเย่เท่านั้นที่ทำเรื่องแบบนี้ได้คนเดียว

สำหรับบรรดาหญิงสาวอื่นๆ ถึงกับยิ้มเจื่อนๆ นี่มันเป็นการหลอกลวงเก้าแดนนะเนี่ย เริ่มจากการให้บรรดาดาวรุ่งของเก้าแดนได้ดีใจเสียก่อน จากนั้นก็คือการเสมือนตักน้ำด้วยตะกร้าพบแต่ความว่างเปล่า มิเท่ากับเป็นการราดน้ำเย็นใส่หัวผู้อื่นรึ?”

“เขาได้ควบคุมชะตาฟ้าเอาไว้แล้ว กล่าวสำหรับเขาแล้ว ชะตาฟ้าเป็นเพียงสิ่งประดับอย่างหนึ่งของการเดินทางไกลเท่านั้นเอง” ระหว่างที่หลงจิงเซียนกำลังตามหาหลี่ชิเย่ไปทั่วสำนักโบราณสี่เหยียนเพื่อระบายอารมณ์นั้น ปู้เหลียนเซียงได้อมยิ้มและเอ่ยขึ้น

หลงจิงเซียนโกรธจนคันปากเมื่อตามหาหลี่ชิเย่ไม่พบ กล่าวด้วยความแค้นเคืองว่า “หากชิเย่เหม็นกลับมาข้าจะต้องตัดสินชี้ขาดกับเขา ดูว่าสิบสามลัคนาของเขาร้ายกาจ หรือว่าสิบสองลัคนาของข้าปราศจากผู้ต่อกรกันแน่!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล