ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1751

ตอนที่ 1751 บังเกิดตัณหาในใจ
เสียเวลาไปพอสมควร ในที่สุดเสิ่นเสี่ยวซันก็ปรนนิบัติหลี่ชิเย่ชะระล้างกายาจนเรียบร้อย บอกกันตามตรง สิ่งนี้กล่าวสำหรับเสิ่นเสี่ยวซันแล้ว หากเปลี่ยนเป็นอดีตมันคือเรื่องที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิด

จะอย่างไรเสียชั่วดีอย่างไรนางก็เป็นถึงศิษย์เอกของสำนักต้นไม้เหล็ก การปรนนิบัติผู้ชายที่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งอาบน้ำ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถจินตนาการได้อยู่แล้ว

แม้ว่าตลอดขั้นตอนเป็นไปอย่างเก้อเขินอึดอัดตั้งแต่แรกเริ่ม กระทั่งเรียกได้ว่าทำให้นางแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่ว่า นางค่อยๆ เคยชินกับทุกสิ่งทุกอย่างนี้

ลักษณะของหลี่ชิเย่ช่างไม่สะทกสะท้าน สงบนิ่งอะไรอย่างนั้นซึ่งส่งผลต่อสภาพจิตใจของนาง หากเปลี่ยนเป็นผู้ชายอื่นแล้วให้สาวงามเช่นนางมาปรนนิบัติย่อมจะต้องคิดแน่นอน

แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับมีความสงบนิ่งอะไรอย่างนั้น มีท่าทีอย่างหนึ่งที่บอกไม่ถูก บางทีท่าทีเช่นนี้อาจเป็นความล้ำเลิศที่เป็นหนึ่งไม่มีสองที่มีมาแต่กำเนิดกระมัง หรือกล่าวให้ถูกต้องมากกว่านี้คือเขามีท่าทีที่สูงส่งอย่างหนึ่งในตัว ต่อให้เขาดูเหมือนธรรมดามาก แต่ภายในมวลกระดูกด้านในมีท่าทีของความมีอำนาจแม้จะไม่ได้แสดงความโกรธออกมา

เหมือนว่าเขาคือผู้กุมอำนาจที่เป็นมาแต่กำเนิด เขาก็คือผู้ดำรงอยู่ในฐานะผู้ควบคุมหมื่นอาณาจักร ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นบุคคลเช่นใดมาปรนนิบัติเขาก็เป็นเรี่องที่สมเหตุสมผล ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีความสมควรอยู่แล้ว

เนื่องจากหลี่ชิเย่มีความสงบนิ่งเช่นนี้ จึงค่อยๆ โน้มน้าวตัวของเสิ่นเสี่ยวซันเข้า และนางก็ค่อยๆ กลับกลายเป็นมีความสบายใจขึ้น และสวมบทบาทที่ตนเองสมควรจะเล่น ด้วยการปรนนิบัติหลี่ชิเย่อย่างดี ท่วงท่าเป็นไปด้วยความอ่อนโยน เสมือนหนึ่งเป็นสาวใช้ตัวน้อยๆ คนหนึ่งเท่านั้น

หลังจากที่หลี่ชิเย่ชำระล้างกายาเรียบร้อยแล้วก็ดูมีชีวิตชีวาสดชื่น ถึงกับสูดลมหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง เผยให้เห็นรอยยิ้มนิดหนึ่ง

ขณะที่เวลานี้เสิ่นเสี่ยวซันได้ปรนนิบัติให้หลี่ชิเย่ได้สวมใส่เสื้อผ้า โดยจัดแจงสวมให้กับหลี่ชิเย่ทุกชิ้นจนเรียบร้อย ท่าทางช่างละเอียดอ่อน ท่วงท่าเป็นไปด้วยความนุ่มนวลที่บอกไม่ถูก

ก่อนหน้านี้ไม่นาน เสิ่นเสี่ยวซันยังต่อต้านกับสิ่งนี้อย่างยิ่ง ภายในใจรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ กระทั่งยังเปี่ยมด้วยความโกรธอย่างรุนแรง เวลานี้นางกลับทำได้อย่างเอาใจใส่ แม้แต่นางเองยังรู้สึกเหมือนต้องมนต์สะกดอย่างนั้น ถึงกับเหมือนเสพสุขกับขั้นตอนเช่นนี้ เป็นความสงบนิ่งที่บอกไม่ถูกอย่างหนึ่ง เป็นรายละเอียดที่ไม่สามารถแจกแจงได้ เหมือนว่าขั้นตอนการกระทำทั้งหมดนี้คือการเสพสุขอย่างหนึ่ง

ครั้นเสิ่นเสี่ยวซันได้หยิบเอาชิ้นส่วนประดับของชุดให้กับหลี่ชิเย่แล้ว นางอดที่จะจ้องมองหลี่ชิเย่อีกครั้ง จ้องมองดูอย่างละเอียด

หน้าตาที่สุดแสนจะธรรมดาเหมือนเช่นมนุษย์ปุถุชนทั้งหลาย หากมองกันที่รูปร่างหน้าตาแล้ว ไม่มีอะไรเป็นที่ดึงดูดใจ อย่างมากที่สุดแค่มองแล้วไม่ขัดลูกตาเท่านั้น

แต่ว่า เมื่อมองให้ละเอียดจากหน้าตาที่ธรรมดานี้แหละ ลิ้มรสของมันอย่างละเอียด ก็จะพบว่าเขามีกลิ่นอายที่ไม่สะทกสะท้าน ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายเขาก็จะไม่สะทกสะท้านเช่นนี้ เหมือนว่าไม่มีเรื่องใดในโลกสามารถสั่นคลอนต่อเขาอย่างนั้น เนื่องเพราะเขาที่ไม่สะทกสะท้านนี่เอง ส่วนที่ลึกเข้าไปถึงภายในกระดูกยิ่งมีกลิ่นอายที่สยบเหนือเก้าชั้นฟ้าอยู่สายหนึ่ง

ครั้นมองดวงตาทั้งสองของเขานั้น แวบแรกที่เห็นเหมือนว่าคู่ดวงตาคู่นี้ไม่ได้มีสิ่งใดที่โดดเด่นกว่าผู้อื่นมากนัก แต่หากพิจารณาให้ดีให้ละเอียด ก็จะพบว่าดวงตาคู่นี้ลึกล้ำเสมือนดั่งมหาสมุทรยากจะหยั่งถึง เหมือนว่าเปี่ยมด้วยเสน่ห์ที่ไม่มีสิ้นสุด เมื่อจ้องมองดูดวงตาคู่นั้นของเขาแล้วก็จะถูกดึงดูดเอาไว้ได้

เหมือนว่าดวงตาคู่นี้เปี่ยมด้วยพลังมารไร้ขีดจำกัด เมื่อสังเกตถึงความไม่ธรรมดาของคู่ดวงตาคู่นี้แล้ว ยามที่ถูกดวงตาคู่นี้ดึงดูดเข้าให้อย่างจัง ดวงตาคู่นี้สามารถดึงดูดผู้นั้นเอาไว้จนแน่น เหมือนว่าต้องการกลืนกินคนผู้นั้นเข้าไปทั้งหมด ทำให้ตกลงไปท่ามกลางสายตาคู่นี้จนถอนตัวไม่ขึ้น

“ข้ารู้ตัวว่าข้านั้นเสน่ห์แรงไม่มีขีดจำกัด เจ้าอย่าได้จ้องมองข้าแบบไม่กะพริบตา เดี๋ยวทำให้นัยน์ตาของตัวเองต้องเหมื่อยล้าจนแย่จะไม่เป็นการดี อีกอย่าง หากเจ้าเกิดหลงรักข้าขึ้นมาก็ไม่ดี จะทำให้เจ้าไม่เป็นอันกิน มันก็จะเป็นบาปแก่ข้า” ขณะที่เสิ่นเสี่ยวซันกำลังจ้องมองหลี่ชิเย่อยู่นั้น เสียงของหลี่ชิเย่ที่เอ้อระเหยไม่สะทกสะท้านได้ดังขึ้นที่ข้างหูของนาง

ครั้นเสิ่นเสี่ยวซันได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ พลันมีใบหน้าที่แดงก่ำขึ้นมาทั้งยังลามไปถึงใบหู ทำให้นางรู้สึกเหมือนแสบร้อนบนใบหน้า มาคราวนี้นางกลับไม่มีการต่อปากต่อคำ หรือแสดงความไม่พอใจ นางกลับอายจนก้มหน้าลงต่ำ ไม่เหลือความกล้าแม้จะจ้องมองหลี่ชิเย่อีกสักครั้ง

หลี่ชิเย่ได้แต่ส่ายหน้า ยิ้มเฉยเมยแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ คุมจุดตันเถียน ทำใจให้สงบ ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออก กลืนกลิ่นอายขมุกขมัว รับเอาพลังของโลกดึกดำบรรพ์ที่ฟ้าดินยังไม่ได้แยกออกเป็นสองส่วนเข้าไป

ไม่ง่ายนักกว่าเสิ่นเสี่ยวซันจะได้สติกลับคืน นางรู้สึกว่าเมื่อครู่นี้นางช่างน่าอายนัก ชั่วดีอย่างไรนางก็คือศิษย์เอกของสำนักต้นไม้เหล็ก ถึงกับพ่ายแพ้อย่างง่ายดายต่อหน้าผู้ชายคนหนึ่งซึ่งทำให้นางยากที่จะยอมรับสิ่งนี้ได้

เมื่อเสิ่นเสี่ยวซันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา และจ้องมองดูหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง เห็นหลี่ชิเย่คุมจุดตันเถียน ทำใจให้สงบ จึงเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”

“ฝึกยุทธน่ะสิ หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล เมื่อฝึกฝนแล้วก็จะรู้ว่าตนเองยังห่างไกลนัก” แม้ว่าหลี่ชิเย่จะอยู่ระหว่างการฝึก แต่ไม่ได้หลับตาฟื้นฟูกายา ท่าทีสบายๆ กระทั่งมีท่าทีเหมือนกำลังสนทนาสัพเพเหระ ยิ้มกล่าวไปตามอารมณ์

“เจ้าก็ฝึกยุทธเป็นด้วย?” เสิ่นเสี่ยวซันมองดูทีหนึ่งถามว่า “ที่เจ้าฝึกคือเคล็ดวิชาอะไร? กำลังฝึกสุดยอดเคล็ดวิชาอะไรอยู่รึ?”

แม้ว่าแดนที่สิบแตกต่างจากเก้าแดน แต่ก็มีส่วนที่เชื่อมกันไม่ได้ ไม่ว่าจะฝึกอย่างไรก็ตามต้องอาศัยการเริ่มต้นฝึกจากพลังภายใน กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนแล้ว สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือการดูดกลืนกลิ่นอายขมุกขมัวเข้าไปก่อน แล้วรับเอาพลังของโลกดึกดำบรรพ์ยุคที่ฟ้าดินยังไม่ได้แยกออกเป็นสองส่วนเข้าไป หากไม่มีแม้กระทั่งกลิ่นอายขมุกขมัว และพลังของโลกดึกดำบรรพ์ที่ฟ้าดินยังไม่ได้แยกออกเป็นสองส่วน ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องการฝึก ต่อให้เคล็ดวิชาลับที่ทรงพลังเพียงใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยเคล็ดวิชามาสนับสนุน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล