“กรรร” เสียงมังกรคำรามไม่ขาดสาย มังกรทองวนเวียนอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ เหมือนเป็นการคุ้มกันต่อหลี่ชิเย่อย่างนั้น
เสียง “จี๊ด จี๊ด จี๊ด” ดังขึ้น นาทีนี้น้ำพุทองคำที่พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินถึงกับสร้างเป็นอาสน์ราชันที่อลังการมากขึ้นมา โดยที่อาสน์ราชันนี้ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของจอมราชัน เสมือนหนึ่งในโลกนี้มีเพียงจอมราชันที่สามารถนั่งอยู่ตรงนี้ได้เท่านั้น
“กรรร” เสียงคำรามของมังกรทอง ทำให้เกิดเป็นกลิ่นอายมังกรที่ดุจดั่งเป็นพายุทำลายล้างพุ่งเข้าโจมตี สามารถทำลายสุริยันจันทรา ด้วยความน่ากลัวของกลิ่นอายมังกรนี้ทำให้ระดับบรรพบุรุษที่นั่งอยู่บริเวณบันไดสองข้างปลิวออกไปเป็นจำนวนมาก จนพวกเขาต้องหลบซ่อนตัวด้วยความตกใจ กลิ่นอายมังกรที่เหมือนดั่งพายุร้ายพวยพุ่งเข้ามา ทำเอาจอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวินเกือบจะต้องพลิกหงาย ดีที่พวกเขาอาศัยอานุภาพสยบเอาไว้ได้จึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อหลี่ชิเย่นั่งลงบนอาสน์ราชันแล้ว มังกรทองจึงได้ขดตัวอยู่เหนืออาสน์ราชัน ในเวลานี้อาสน์ราชันนี้แลดูเหมือนเป็นอาสน์ราชันมังกรแท้จริงที่สูงส่ง มีเพียงจอมราชันที่สูงส่งจริงๆ จึงมีสิทธิ์นั่งบนนั้นได้
เมื่อหลี่ชิเย่นั่งลงบนนั้นแล้ว เดิมตัวเขาที่ดูเหมือนเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชน พลันกลับกลายเป็นเหมือนจอมราชันแห่งเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน เขาคือจอมราชันผู้บัญชาการเหมื่นชาติพันธุ์ เหล่าเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่ต้องกราบแทบเท้าของเขา
ทั้งจอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวินต่างมองดูภาพนี้ด้วยท่าทีประหลาด พวกเขาเปิดเนตรฟ้าขึ้น แต่ก็มองไม่ออกว่าสิ่งที่เห็นเป็นจริงหรือเท็จ เป็นมายาหรือเป็นความจริงกันแน่
แม้ว่าผู้บำเพ็ญตนเมื่อฝึกฝนจนถึงระดับหนึ่งแล้วจะมีอภินิหารมหัศจรรย์ได้ เป็นต้นว่าจอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวิน เวลาที่ร่างจริงของพวกเขามาด้วยตนเองสามารถทำให้พื้นดินมีน้ำพุทองคำพวยพุ่งขึ้นมา มีบุปผาสวรรค์โปรยปรายลงมาจากบนฟ้า มีเส้นทางที่ปูลาดขึ้นมา…ต่างๆ เป็นงานที่ดูหรูหราใหญ่โตเป็นที่เคารพยำเกรงแก่ผู้พบเห็น
แต่ว่า ความอภินิหารเช่นนี้จะต้องถึงระดับที่แข็งแกร่งมาก โดยปรกติแล้วมีเพียงระดับจอมเทพหรือจอมราชันเซียนหวังที่ทำได้ยิ่งใหญ่อลังการเช่นนี้
แต่ว่า หลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าดูอย่างไรก็ไม่ใช่จอมเทพหรือจอมราชันเซียนหวัง ที่น่าแปลกประหลาดมากไปกว่านั้นก็คือ เฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในฐานะมังกรทองเช่นนี้ พวกมันไม่นับอยู่ในความอภินิหาร
ต่อให้เป็นจอมเทพก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกวักมือเรียกเอามังกรทองมาปรากฏได้สักตัวหนึ่ง เนื่องจากมังกรทองเป็นเผ่ามังกร มังกรทองที่สำเร็จจขั้นสมบูรณ์ไม่ได้ด้อยไปกว่าจอมเทพ แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่จอมเทพสามารถเรียกมังกรทองออกมาปรากฎตัวได้อย่างไรกันเล่า
จอมเทพสามารถอาศัยอภินิหารของตนเสกเป็นมังกรทองออกมาได้ ซึ่งมังกรทองในลักษณะนี้จะเหมือนจริงมาก กระทั่งสามารถพ่นกลิ่นอายมังกรได้ แต่ว่า มังกรทองที่อาศัยการเสกด้วยวิธีนี้จะดูเหมือนจริงมากในสายตาของผู้อ่อนด้อยเท่านั้น แต่หากต่างก็เป็นระดับจอมเทพด้วยกันแล้วล่ะก็ มังกรทองที่อาศัยการเสกด้วยวิธีนี้แค่มองแวบเดียวก็ดูออกได้ทันทีว่าเป็นภาพมายาเท่านั้นเอง
แต่เวลานี้ปัญหาอยู่ที่ทั้งจอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวินต่างดูไม่ออกว่านี่มันคือมังกรทองอะไรกันแน่ แยกไม่ออกว่ามังกรทองที่อยูตรงหน้าเป็นจริงหรือเท็จ
ถ้าหากบอกว่าเป็นเท็จ เช่นนั้นแล้ววิชาการเสกของหลี่ชิเย่ช่างชั่วร้ายผิดกปรกติเหลือเกิน ต้องเป็นระดับหนึ่งไม่มีสองในหล้าแน่นอน ถึงกับสามารถหลอกตาของจอมเทพได้ แต่หากเป็นจริงล่ะก็ ยิ่งเป็นเรื่องที่ประหลาดมากเหลือเกิน แค่ผู้บำเพ็ญตนตัวน้อยๆ คนหนึ่งเป็นไปได้อย่างไรที่สามารถเรียกมังกรทองออกมาได้ อย่าว่าแต่จอมเทพเลย ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังก็ไม่สามารถเรียกมังกรทองออกมาตามอารมณ์เช่นนี้ จะอย่างไรเสียเผ่ามังกรนับว่าพบเห็นได้ยากมากในโลกอีกแล้ว ยิ่งเป็นมังกรทองขั้นสมบูรณ์ยิ่งไม่ใช่ว่าอยากจะเรียกมาก็เรียกได้เลย
สุดท้าย จอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวินได้ข้อสรุปเพียงประเด็นเดียวก็คือ นี่คือวิชามายาที่ชั่วร้ายผิดปรกติของหลี่ชิเย่ เป็นวิชามายาที่กระทั่งจอมเทพก็ยากจะแยกแยะจริงหรือเท็จได้!
“ทองคำเหลวพื้นพิภพ” ฉีหลินกว่านลี่ถึงกับพึมพำออกมา เมื่อมองเห็นพื้นดินพวยพุ่งน้ำพุทองคำขึ้นมา แล้วกลับกลายเป็นอาสน์ราชันที่สูงส่งที่สุด กลับกลายเป็นมังกรทองที่ทรงกำลังอำนาจ
ฉีหลินกว่านลี่คือระดับบรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลิน พลันที่มองเห็นน้ำพุทองคำก็รู้ได้ทันทีว่าคืออะไร เนื่องจากเขามีความคุ้นเคยกับสิ่งนี้เป็นอันมาก
จอมเทพออกเดินทาง พื้นดินปรากฏน้ำพุทองคำพวยพุ่ง มันเป็นเพียงการแสดงอภินิหารเท่านั้นเอง
แต่ว่า พื้นดินพวยพุ่งเป็นน้ำพุทองคำของหลี่ชิเย่มันไม่ใช่อภินิหาร เป็นน้ำพุทองคำจริงๆ มันคือแร่วิเศษที่อยู่ใต้พื้นดินของตระกูลราชันฉีหลิน ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “ทองคำเหลวพื้นพิภพ” ทองคำเหลวเช่นนี้ถูกฝังอยู่ลึกลงไปใต้พื้นดินของตระกูลราชันฉีหลิน มันคือทรัพยากรของตระกูลราชันฉีหลิน และเป็นสิ่งพึ่งพาอย่างหนึ่งของตระกูลราชันฉีหลินบนพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
เวลานี้ “ทองคำเหลวพื้นพิภพ” ที่พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินกลับกลายเป็นอาสน์ราชันและมังกรทอง ซึ่งสร้างความตกใจให้กับฉีหลินกว่านลี่เป็นอย่างยิ่ง
ฉีหลินกว่านลี่นั้นแตกต่างจากจอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวิน จะอย่างไรเสีย จอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวินก็คือบุคคลภายนอก ความเข้าใจเกี่ยวกับธาตุแท้ภายในของตระกูลราชันฉีหลินมีไม่มาก อีกทั้ง ความสนใจของพวกเขาให้น้ำหนักไปที่ความอภินิหารของหลี่ชิเย่
ขณะที่ฉีหลินกว่านลี่กลับสนใจในข้อปลีกย่อยของน้ำพุทองคำ จอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวินไม่ทันได้สังเกตุว่าน้ำพุทองคำนี้ไม่ใช่เป็นอภินิหารชนิดหนึ่ง แต่มันคือ “ทองคำเหลวพื้นพิภพ” ของตระกูลราชันฉีหลิน!
หลังจากที่ฉีหลินกว่านลี่สังเกตเห็นถึงจุดนี้แล้ว เขาถึงกับสะดุ้งในใจอย่างแรก ควรจะทราบว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่บรรพชนของตระกูลราชันฉีหลินพวกเขา ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ไม่เพียงผ่านการปลุกเสกจากปรัชญาเมธีแต่ละคนของตระกูลราชันฉีหลินเท่านั้น กระทั่งเซียนหวังทั้งสามองค์ของตระกูลราชันฉีหลินก็เคยทำการสยบพื้นที่แห่งนี้มาแล้ว
ลองนึกดู บุคคลภายนอกคิดจะให้ทองคำเหลวพื้นพิภพที่อยู่ใต้ดินของตระกูลราชันฉีหลินพวยพุ่งออกมา มันช่างเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากเพียงใด เว้นแต่จะเป็นจอมราชันเซียนหวัง หรือราชันเซียนเก้าแดนแล้ว
นาทีนี้ ฉีหลินกว่านลี่ก็เชื่อในการคาดการณ์ของธิดาราชันฉีหลินว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หลี่ชิเย่ที่มีทักษะระดับตะนอยสัจธรรมตรงหน้าคนนี้ มีความเป็นไปได้ว่าจะต้องเป็นจอมราชันเซียนหวัง หรือราชันเซียนเก้าแดนองค์ใดองค์หนึ่งลงมาถือกำเนิดใหม่ แม้ว่าทักษะของเขาจะอยู่แค่ระดับตะนอยสัจธรรม แต่เขายังคงมีความเป็นไปได้ที่คงความอภินิหารที่สุดยอดของจอมราชันเซียนหวังเอาไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...