สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1815 ความคิดแวบหนึ่งสร้างสิ่งต่างๆ – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 1815 ความคิดแวบหนึ่งสร้างสิ่งต่างๆ ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
“กรรร” เสียงมังกรคำรามไม่ขาดสาย มังกรทองวนเวียนอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ เหมือนเป็นการคุ้มกันต่อหลี่ชิเย่อย่างนั้น
เสียง “จี๊ด จี๊ด จี๊ด” ดังขึ้น นาทีนี้น้ำพุทองคำที่พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินถึงกับสร้างเป็นอาสน์ราชันที่อลังการมากขึ้นมา โดยที่อาสน์ราชันนี้ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของจอมราชัน เสมือนหนึ่งในโลกนี้มีเพียงจอมราชันที่สามารถนั่งอยู่ตรงนี้ได้เท่านั้น
“กรรร” เสียงคำรามของมังกรทอง ทำให้เกิดเป็นกลิ่นอายมังกรที่ดุจดั่งเป็นพายุทำลายล้างพุ่งเข้าโจมตี สามารถทำลายสุริยันจันทรา ด้วยความน่ากลัวของกลิ่นอายมังกรนี้ทำให้ระดับบรรพบุรุษที่นั่งอยู่บริเวณบันไดสองข้างปลิวออกไปเป็นจำนวนมาก จนพวกเขาต้องหลบซ่อนตัวด้วยความตกใจ กลิ่นอายมังกรที่เหมือนดั่งพายุร้ายพวยพุ่งเข้ามา ทำเอาจอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวินเกือบจะต้องพลิกหงาย ดีที่พวกเขาอาศัยอานุภาพสยบเอาไว้ได้จึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อหลี่ชิเย่นั่งลงบนอาสน์ราชันแล้ว มังกรทองจึงได้ขดตัวอยู่เหนืออาสน์ราชัน ในเวลานี้อาสน์ราชันนี้แลดูเหมือนเป็นอาสน์ราชันมังกรแท้จริงที่สูงส่ง มีเพียงจอมราชันที่สูงส่งจริงๆ จึงมีสิทธิ์นั่งบนนั้นได้
เมื่อหลี่ชิเย่นั่งลงบนนั้นแล้ว เดิมตัวเขาที่ดูเหมือนเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชน พลันกลับกลายเป็นเหมือนจอมราชันแห่งเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน เขาคือจอมราชันผู้บัญชาการเหมื่นชาติพันธุ์ เหล่าเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่ต้องกราบแทบเท้าของเขา
ทั้งจอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวินต่างมองดูภาพนี้ด้วยท่าทีประหลาด พวกเขาเปิดเนตรฟ้าขึ้น แต่ก็มองไม่ออกว่าสิ่งที่เห็นเป็นจริงหรือเท็จ เป็นมายาหรือเป็นความจริงกันแน่
แม้ว่าผู้บำเพ็ญตนเมื่อฝึกฝนจนถึงระดับหนึ่งแล้วจะมีอภินิหารมหัศจรรย์ได้ เป็นต้นว่าจอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวิน เวลาที่ร่างจริงของพวกเขามาด้วยตนเองสามารถทำให้พื้นดินมีน้ำพุทองคำพวยพุ่งขึ้นมา มีบุปผาสวรรค์โปรยปรายลงมาจากบนฟ้า มีเส้นทางที่ปูลาดขึ้นมา…ต่างๆ เป็นงานที่ดูหรูหราใหญ่โตเป็นที่เคารพยำเกรงแก่ผู้พบเห็น
แต่ว่า ความอภินิหารเช่นนี้จะต้องถึงระดับที่แข็งแกร่งมาก โดยปรกติแล้วมีเพียงระดับจอมเทพหรือจอมราชันเซียนหวังที่ทำได้ยิ่งใหญ่อลังการเช่นนี้
แต่ว่า หลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าดูอย่างไรก็ไม่ใช่จอมเทพหรือจอมราชันเซียนหวัง ที่น่าแปลกประหลาดมากไปกว่านั้นก็คือ เฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในฐานะมังกรทองเช่นนี้ พวกมันไม่นับอยู่ในความอภินิหาร
ต่อให้เป็นจอมเทพก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกวักมือเรียกเอามังกรทองมาปรากฏได้สักตัวหนึ่ง เนื่องจากมังกรทองเป็นเผ่ามังกร มังกรทองที่สำเร็จจขั้นสมบูรณ์ไม่ได้ด้อยไปกว่าจอมเทพ แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่จอมเทพสามารถเรียกมังกรทองออกมาปรากฎตัวได้อย่างไรกันเล่า
จอมเทพสามารถอาศัยอภินิหารของตนเสกเป็นมังกรทองออกมาได้ ซึ่งมังกรทองในลักษณะนี้จะเหมือนจริงมาก กระทั่งสามารถพ่นกลิ่นอายมังกรได้ แต่ว่า มังกรทองที่อาศัยการเสกด้วยวิธีนี้จะดูเหมือนจริงมากในสายตาของผู้อ่อนด้อยเท่านั้น แต่หากต่างก็เป็นระดับจอมเทพด้วยกันแล้วล่ะก็ มังกรทองที่อาศัยการเสกด้วยวิธีนี้แค่มองแวบเดียวก็ดูออกได้ทันทีว่าเป็นภาพมายาเท่านั้นเอง
แต่เวลานี้ปัญหาอยู่ที่ทั้งจอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวินต่างดูไม่ออกว่านี่มันคือมังกรทองอะไรกันแน่ แยกไม่ออกว่ามังกรทองที่อยูตรงหน้าเป็นจริงหรือเท็จ
ถ้าหากบอกว่าเป็นเท็จ เช่นนั้นแล้ววิชาการเสกของหลี่ชิเย่ช่างชั่วร้ายผิดกปรกติเหลือเกิน ต้องเป็นระดับหนึ่งไม่มีสองในหล้าแน่นอน ถึงกับสามารถหลอกตาของจอมเทพได้ แต่หากเป็นจริงล่ะก็ ยิ่งเป็นเรื่องที่ประหลาดมากเหลือเกิน แค่ผู้บำเพ็ญตนตัวน้อยๆ คนหนึ่งเป็นไปได้อย่างไรที่สามารถเรียกมังกรทองออกมาได้ อย่าว่าแต่จอมเทพเลย ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังก็ไม่สามารถเรียกมังกรทองออกมาตามอารมณ์เช่นนี้ จะอย่างไรเสียเผ่ามังกรนับว่าพบเห็นได้ยากมากในโลกอีกแล้ว ยิ่งเป็นมังกรทองขั้นสมบูรณ์ยิ่งไม่ใช่ว่าอยากจะเรียกมาก็เรียกได้เลย
สุดท้าย จอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวินได้ข้อสรุปเพียงประเด็นเดียวก็คือ นี่คือวิชามายาที่ชั่วร้ายผิดปรกติของหลี่ชิเย่ เป็นวิชามายาที่กระทั่งจอมเทพก็ยากจะแยกแยะจริงหรือเท็จได้!
“ทองคำเหลวพื้นพิภพ” ฉีหลินกว่านลี่ถึงกับพึมพำออกมา เมื่อมองเห็นพื้นดินพวยพุ่งน้ำพุทองคำขึ้นมา แล้วกลับกลายเป็นอาสน์ราชันที่สูงส่งที่สุด กลับกลายเป็นมังกรทองที่ทรงกำลังอำนาจ
ฉีหลินกว่านลี่คือระดับบรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลิน พลันที่มองเห็นน้ำพุทองคำก็รู้ได้ทันทีว่าคืออะไร เนื่องจากเขามีความคุ้นเคยกับสิ่งนี้เป็นอันมาก
จอมเทพออกเดินทาง พื้นดินปรากฏน้ำพุทองคำพวยพุ่ง มันเป็นเพียงการแสดงอภินิหารเท่านั้นเอง
แต่ว่า พื้นดินพวยพุ่งเป็นน้ำพุทองคำของหลี่ชิเย่มันไม่ใช่อภินิหาร เป็นน้ำพุทองคำจริงๆ มันคือแร่วิเศษที่อยู่ใต้พื้นดินของตระกูลราชันฉีหลิน ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “ทองคำเหลวพื้นพิภพ” ทองคำเหลวเช่นนี้ถูกฝังอยู่ลึกลงไปใต้พื้นดินของตระกูลราชันฉีหลิน มันคือทรัพยากรของตระกูลราชันฉีหลิน และเป็นสิ่งพึ่งพาอย่างหนึ่งของตระกูลราชันฉีหลินบนพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
เวลานี้ “ทองคำเหลวพื้นพิภพ” ที่พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินกลับกลายเป็นอาสน์ราชันและมังกรทอง ซึ่งสร้างความตกใจให้กับฉีหลินกว่านลี่เป็นอย่างยิ่ง
ฉีหลินกว่านลี่นั้นแตกต่างจากจอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวิน จะอย่างไรเสีย จอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวินก็คือบุคคลภายนอก ความเข้าใจเกี่ยวกับธาตุแท้ภายในของตระกูลราชันฉีหลินมีไม่มาก อีกทั้ง ความสนใจของพวกเขาให้น้ำหนักไปที่ความอภินิหารของหลี่ชิเย่
ขณะที่ฉีหลินกว่านลี่กลับสนใจในข้อปลีกย่อยของน้ำพุทองคำ จอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวินไม่ทันได้สังเกตุว่าน้ำพุทองคำนี้ไม่ใช่เป็นอภินิหารชนิดหนึ่ง แต่มันคือ “ทองคำเหลวพื้นพิภพ” ของตระกูลราชันฉีหลิน!
หลังจากที่ฉีหลินกว่านลี่สังเกตเห็นถึงจุดนี้แล้ว เขาถึงกับสะดุ้งในใจอย่างแรก ควรจะทราบว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่บรรพชนของตระกูลราชันฉีหลินพวกเขา ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ไม่เพียงผ่านการปลุกเสกจากปรัชญาเมธีแต่ละคนของตระกูลราชันฉีหลินเท่านั้น กระทั่งเซียนหวังทั้งสามองค์ของตระกูลราชันฉีหลินก็เคยทำการสยบพื้นที่แห่งนี้มาแล้ว
ลองนึกดู บุคคลภายนอกคิดจะให้ทองคำเหลวพื้นพิภพที่อยู่ใต้ดินของตระกูลราชันฉีหลินพวยพุ่งออกมา มันช่างเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากเพียงใด เว้นแต่จะเป็นจอมราชันเซียนหวัง หรือราชันเซียนเก้าแดนแล้ว
นาทีนี้ ฉีหลินกว่านลี่ก็เชื่อในการคาดการณ์ของธิดาราชันฉีหลินว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หลี่ชิเย่ที่มีทักษะระดับตะนอยสัจธรรมตรงหน้าคนนี้ มีความเป็นไปได้ว่าจะต้องเป็นจอมราชันเซียนหวัง หรือราชันเซียนเก้าแดนองค์ใดองค์หนึ่งลงมาถือกำเนิดใหม่ แม้ว่าทักษะของเขาจะอยู่แค่ระดับตะนอยสัจธรรม แต่เขายังคงมีความเป็นไปได้ที่คงความอภินิหารที่สุดยอดของจอมราชันเซียนหวังเอาไว้
“เอาหละ พวกเจ้าสองคนต้องการหาเรื่องกับข้าใช่หรือไม่?” หลี่ชิเย่เวลานี้นั่งอยู่บนอาสน์ราชันอานุภาพราชันยิ่งใหญ่ ดุจดั่งเป็นจอมราชันองค์หนึ่งอยู่ตรงนี้
ผู้ที่มองเห็นภาพนี้ต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะบรรดาระดับบรรพบุรุษที่นั่งอยู่ขั้นบันไดหินซ้ายขวา พวกเขามีสีหน้าที่ขาวซีด เนื่องจากเรื่องนี้ประหลาดเหลือเกิน คนที่มีพลังขมุกขมัวเพียงไม่กี่พันลิตรกลับสามารถสร้างบรรยากาศจอมราชันเช่นนี้ขึ้นมาได้ มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน ต่อให้เป็นเพียงภาพมายา แต่เป็นภาพมายาที่เหมือนจริงมาก สามารถทำให้ผู้คนหลงไปกับภาพมายานี้ได้
“ในเมื่อพวกเจ้าต้องการหาเรื่องกับข้า งั้นข้าก็ไม่เกรงใจหละ พวกเจ้ามีฝีมืออะไรสำแดงออกมาให้เต็มที่ ข้าน้อมรับถึงที่สุด การเข่นฆ่าจอมเทพก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหนักหนา” หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่บนอาสน์ราชันกล่าวด้วยท่าทีที่ตามอารมณ์ยิ่ง
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้บรรดาระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิต่างสะดุ้ง และมีสีหน้าที่ขาวซีด
ออกปากก็เข่นฆ่าจอมเทพ คำพูดนี้ช่างพาลเหลือเกิน ในโลกนี้ยกเว้นตัวจอมเทพเองแล้ว คงมีแต่จอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนเท่านั้นที่กล้าพูดคำว่า “เข่นฆ่าเทพ” ออกมา
ทั้งจอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวินหาใช่เป็นผู้ที่โกรธง่าย อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นถึงจอมเทพ ผ่านเหตุการณ์มานับไม่ถ้วน แต่ เมื่อหลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมานั้น ดวงตาทั้งสองของพวกเขาพลันลุกวาว ปะทุปณิธานการฆ่าที่ไร้ขอบเขตขึ้นมา เหมือนดั่งเป็นดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งที่ระเบิดขึ้นมาอย่างนั้น ทำให้ผู้คนที่พบเห็นต้องอกสั่นขวัญแขวน
“แฮ่ม” ในเวลานี้เอง ฉีหลินกว่านลี่ส่งเสียงไอกระเอมคำหนึ่ง และกล่าวว่า “ท่านทั้งสาม แหะ แหะ แหะ บางทีในนั้นอาจมีเรื่องเข้าใจผิดบ้าง ทุกคนต่างก็เป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่ฐานะสำคัญ หากมีอะไรสามารถคุยกันได้ บางทีอาจจะจากศัตรูกลายเป็นมิตรก็เป็นได้”
ฉีหลินกว่านลี่ย่อมไม่ต้องการให้ทั้งสองฝ่ายตีกันในตระกูลราชันฉีหลิน ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะประวัติความเป็นมาไม่ชัดเจน ฝ่ายหนึ่งเป็นระดับจอมเทพสององค์ ถ้าหากสองฝ่ายเกิดตีกั้นขึ้นมา รับรองว่าต้องเป็นเรื่องฟ้าถล่มดินทลายแน่ ไม่ว่าฝ่ายไหนแพ้หรือชนะก็ไม่ใช่เรื่องดีทั้งสิ้น
“ฆ่าคน ต้องชดใช้ด้วยชีวิต” จอมเทพเชียนจวินเอ่ยขึ้นมาช้าๆ เขาพูดความจริงออกมาโดยพลันด้วยความหนักแน่น ไม่เปิดโอกาสให้มีทางหนีทีไล่เลย
“เรื่องนี้ยากจะให้อภัย!” จอมเทพหนานหยางก็พูดขึ้นมาเช่นกัน แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะไม่เด็ดขาดเหมือนดั่งจอมเทพเชียนจวิน แต่ก็มีท่าทีที่ดุดัน
สิ่งนี้คือข้อแตกต่างระหว่างจอมเทพหนานหยางกับจอมเทพเชียนจวิน จอมเทพหนานหยางต้องการกู้หน้ากลับคืนมา ขณะที่จอมเทพเชียนจวินแตกต่างกัน สิ่งที่เขาต้องการคือแก้แค้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...