กล่าวสำหรับจอมเทพหนานหยางแล้ว เขาต้องการกู้หน้ากลับคืนมามากกว่า จะอย่างไรเสียปณิธานของจอมเทพอย่างเขาต้องถูกผู้เยาว์คนหนึ่งทำลาย ทั้งยังเป็นการกระทำต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า ตัวเขาที่ยังคงมีชีวิตอยู่หากไม่กู้หน้ากลับมา จะส่งผลท้าทายต่ออำนาจของเขาเป็นอันมาก
แน่นอน จอมเทพหนานหยางก็ต้องถือโอกาสแก้แค้นให้กับหนานเทียนเหา แต่ว่าเรื่องล้างแค้นให้กับหนานเทียนเหานั้นเป็นเรื่องรอง
แม้ว่าจอมเทพหนานหยางก็โปรดปรานในตัวของหลานคนนี้ แต่ว่า เฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในฐานะจอมเทพหนานหยางเช่นเขานั้นไม่รู้ว่ามีลูกหลานอยู่เป็นจำนวนเท่าไร เรียกได้ว่าลูกหลานเต็มบ้าน รุ่นหลานที่เหมือนดั่งหลี่เทียนเหานั้นหากมีไม่ถึงพันคน อย่างน้อยก็ต้องมีหลายร้อยคน
ต่อให้จอมเทพหนานหยางโปรดปรานหลี่เทียนเหาเพียงใดก็ตาม ก็ไม่แน่เสมอไปว่าเขาจะยอมกลับเข้าสู่โลกโลกีย์มนุษย์เพื่อแก้แค้นให้กับหลี่เทียนเหา
จะอย่างไรเสียกล่าวสำหรับจอมเทพแล้ว ต่อให้พวกเขามีโอกาสนำมาซึ่งสวรรค์ลงทัณฑ์ต่ำกว่าจอมราชันเซียนหวัง และราชันเซียนเก้าแดนอยู่มากทีเดียว แต่ยังคงมีโอกาสในระดับหนึ่ง ดังนั้น จอมเทพหนานหยางจึงไม่ได้มาเพื่อล้างแค้นให้กับหลี่เทียนเหาโดยเฉพาะ
กล่าวสำหรับจอมเทพหนานหยางแล้ว การล้างแค้นให้กับหลานของตนเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เขาคงไม่สามารถประกาศต่อหน้าผู้คนทั่วหล้าว่า เพื่อกู้หน้ากลับคืนมา สร้างอำนาจของตนขึ้นมาใหม่ จึงได้กลับคืนสู่โลกีย์มนุษย์เพื่อหาเรื่องหลี่ชิเย่กระมัง
ไม่มีข้ออ้างใดๆ ดีไปกว่าการกลับคืนสู่โลกปัจจุบันมากไปกว่าการแก้แค้นให้กับหลานของตนอีกแล้ว
สำหรับจอมเทพเชียนจวินนั้นจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถ้าหากจอมเทพหนานหยางเพียงต้องการแก้แค้นให้กับลูกหลานของตนอยู่บ้างล่ะก็ จอมเทพเชียนจวินคือผู้ที่ต้องการแก้แค้นให้กับเสิ่นจินหลงอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม การกลับคืนสู่โลกปัจจุบันของจอมเทพเชียนจวินมีสาเหตุมาจากการตายของเสิ่นจินหลงอยู่แล้ว ต่อให้มีความเป็นไปได้ว่าอาจนำมาซึ่งสวรรค์ลงทัณฑ์ จอมเทพเชียนจวินก็จะออกมาแก้แค้นให้กับเสิ่นจินหลงให้จงได้
จอมเทพเชียนจวินแตกต่างจากจอมเทพหนานหยางอย่างสิ้นเชิง หากจะว่าไปแล้ว หลี่เทียนเหาเป็นเพียงหนึ่งในลูกหลานจำนวนมากมายของจอมเทพหนานหยาง เท่านั้น ต่อให้จอมเทพหนานหยางมีความโปรดปรานในตัวของหลี่เทียนเหาเพียงใดก็ตาม มันก็มีข้อจำกัดอยู่
แต่ กล่าวสำหรับจอมเทพเชียนจวินแล้วมันต่างกัน เสิ่นจินหลงเป็นบุตรชายของจอมเทพเชียนจวิน ทั้งยังเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวที่เป็นสายเลือดแท้จริงของเขา
จอมเทพเชียนจวินได้บุตรชายตอนอายุมากแล้ว ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าในมุมมองของเขาเสิ่นจินหลงมีความสำคัญเพียงใด เรียกได้ว่ามีเพียงหนึ่งไม่มีสองเลยหละ
เนื่องจากเหตุผลต่างๆ นานา ความสัมพันธ์ระหว่างจอมเทพเชียนจวินกับบุตรชายของเขาเสิ่นจินหลงไม่ได้ใกล้ชิดกัน กระทั่งห่างเหินกันมากด้วยซ้ำ เสิ่นจินหลงเองก็ไม่ต้องการเปิดเผยบิดาของตนกับบุคคลอื่น เนื่องเพราะสาเหตุนี้เอง จึงไม่มีใครรู้ว่าเสิ่นจินหลงถึงกับเป็นบุตรชายของจอมเทพเชียนจวิน
ไม่ว่าเสิ่นจินหลงจะทำตัวห่างเหินต่อจอมเทพเชียนจวินอย่างไรก็ตาม แต่ในความคิดของจอมเทพเชียนจวินเขายังคงเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเขา เพื่อบุตรชายของตนแล้ว จอมเทพเชียนจวินกระทั่งไม่เสียดายอะไรทั้งนั้น
สืบเนื่องจากจอมเทพเชียนจวินต้องการแก้แค้นให้กับเสิ่นจินหลง เขาจึงได้กดดันต่อตระกูลราชันฉีหลิน สมควรรู้ว่าตระกูลราชันฉีหลินยังคงมีเซียนหวังสององค์ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ในสายตาของตระกูลราชันฉีหลินแล้ว ต่อให้เขาอยู่ในระดับจอมเทพก็ไม่สามารถข่มขู่อะไรได้ เนื่องจากตระกูลราชันฉีหลินเองก็มีระดับจอมเทพอยู่เช่นกัน
ต่อให้เป็นระดับจอมเทพ การสร้างความกดดันต่อยักษ์ใหญ่อย่างตระกูลราชันฉีหลินก็มีความเสี่ยงในระดับหนึ่ง แต่จอมเทพเชียนจวินยังคงกดดันต่อตระกูลราชันฉีหลิน ต้องการให้ตระกูลราชันฉีหลินยืนอยู่ข้างฝ่ายของตน ย่อมมองออกว่าจอมเทพเชียนจวินนั้นตัดสินใจเด็ดขาดที่จะต้องแก้แค้นให้กับเสิ่นจินหลงที่ตายไป
ท่าทีของหลี่ชิเย่คืออย่างไรก็ได้ ไม่ว่าจอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวินจะคิดอย่างไร เขากล่าวตามอารมณ์ออกมาว่า “พวกเจ้าจะเข้ามาทีละคน หรือร่วมมือกันเข้ามาพร้อมกันหละ?”
หลี่ชิเย่ยังคงตามอารมณ์ยิ่งนักแม้ต้องเผชิญหน้ากับจอมเทพ กระทั่งกล่าววาจาสามหาวท้าสู้การร่วมมือกันระหว่างจอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวิน พลันทำให้ระดับบรรพบุรุษที่นั่งอยู่บริเวณสองฟากซ้ายขวาของบันไดหินต้องงุนงง เกรงว่านี่คงเป็นคนหนุ่มที่ยโส และอหังการมากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยพบเห็นมาชั่วชีวิต
ทั้งจอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวินต่างมีสีหน้าที่ดูไม่ดีเมื่อหลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา พวกเขาต่างก็อยู่ในระดับจอมเทพ มีประสบการณ์มากมาย ผ่านอุปสรรคมาไม่น้อย เรียกได้ว่าพวกเขาไม่ใช่ประเภทที่บังเกิดอารมณ์โกรธง่ายดาย
แต่ทว่า เมื่อหลี่ชิเย่พูดจาท้าท้ายต่อหน้าผู้คนมากมาย การที่ถูกคนหนุ่มคนหนึ่งดูแคลนถึงเพียงนี้ หากพวกเขาไม่จัดการกับคนหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้เสีย เช่นนั้นแล้ว อำนาจของพวกเขาถูกท้าทายอย่างแท้จริง และทำให้เขาไม่รู้ว่าต้องเอาหน้าไปไว้ไหน
“เจ้าผู้เยาว์ อย่าได้กำแหงนัก!” จอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวินยังไม่ทันได้แสดงความโกรธออกมา ปรากฏระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งที่อยู่ด้านข้างได้ก้าวออกมา ร้องกล่าวเสียงทุ้มต่ำ และกล่าวน่าเกรงขามว่า “ข้ายินดีต่อสู้แทนอาจารย์เป็นคนแรก ขอรับการชี้แนะความอภินิหารของเจ้า”
หลังจากที่ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ได้ก้าวออกมาแล้ว ท่าทางดูน่ากลัว โดยเฉพาะด้านหลังของเขาที่มีเงาลางๆ ของงูหลามปรากฎฑออกมา ทำให้ผู้คนที่ได้เห็นรู้สึกขนลุก เหมือนว่าเขาคืองูหลามที่ดุร้ายมาจากยุคดึกดำบรรพ์อย่างนั้น ให้ความรู้สึกน่าครั่นคร้าม โดยเฉพาะขณะดวงดาคู่นั้นจากงูหลามที่เป็นร่างเงาจับจ้องเข้ามา ทำให้ผู้คนถึงกับร่างสั่นเทิ้มขึ้นมา
“จอมทิพย์งูหลามทอง” บรรดาระดับบรรพบุรุษที่นั่งกันอยู่สองฟากฝั่งบันไดหินต่างจดจำประวัติความเป็นมาของเขาได้ มีผู้เอ่ยชื่อ่ของเขาออกมาเบาๆ
จอมทิพย์งูหลามทองนับเป็นระดับบรรพบุรุษที่มีชื่อเสียงในเขตฉีหลิน ตลอดจนในชิงโจว เขาเป็นระดับบรรพบุรุษของสำนักเจอเยื่อ และเป็นศิษย์ของจอมเทพเชียนจวิน
จอมทิพย์งูหลามทองมีพลังอยู่ในระดับสวรรค์สัจธรรม ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เขามีพลังขมุกขมัวมากถึงหนึ่งพันสามร้อยห้าสิบล้านลิตร เรียกได้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับสวรรค์สัจธรรมที่ยากจะมีผู้ใดต่อกรได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...