ทุกคนถึงกับกลั้นลมหายใจมองดูภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ระดับบรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลินก็ไม่เว้น เซียนหวังฉีหลินปฐมระดับบรรพบุรุษของพวกเขาพลันมีพระราชโองการลงมากะทันหัน นับว่าสร้างความสะเทือนหวั่นไหวเหลือเกิน เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ศิษย์น้อมส่งท่านอาจารย์” หลังจากจอมเทพหนานหยางรับราชโองการแล้ว ได้แสดงคารวะ โขกศีรษะดังสามครั้งด้วยความเคารพ
แม้ว่าจอมเทพหนานหยางในวันนี้คือระดับจอมเทพแห่งยุคแล้ว มีฐานะที่สูงส่ง แต่ภายในใจของเขายังคงไม่กล้าลืมบุญคุณที่ได้รับการสั่งสอนชี้แนะจากเซียนหวังฉีหลิน
หลังจากจอมเทพหนานหยางโขกศีรษะจบสิ้นเรียบร้อยแล้ว อานุภาพเซียนหวังแต่ละสายที่ตลบอบอวลจึงค่อยๆ จางหายไป เมื่ออานุภาพเซียนหวังจางหายไปแล้วเท่ากับเป็นการบ่งบอกว่าเซียนหวังฉีหลินได้จากไปไกลแล้ว เขาได้ปลีกตัวออกจากโลกภายนอกอีกครั้ง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกีย์มนุษย์อีก
หลังจากที่จอมเทพหนานหยางน้อมส่งเซียนหวังฉีหลินแล้ว สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เปิดราชโองการออกมาด้วยความเคารพ เมื่อราชโองการถูกเปิดออก ปรากฏประกายเซียนตลบอบอวล อานุภาพราชันที่ลอยขึ้นมา พลันที่ได้เห็นก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือสุดยอดปณิธานสูงสุดของจอมราชันเซียนหวัง
ทุกคนถึงกับกลั้นลมหายใจเอาไว้ มองไปที่จอมเทพหนานหยาง ทุกคนต่างต้องการรู้ว่าในราชโองการฉบับนี้ว่าอย่างไรบ้าง ซึ่งหมายรวมถึงบรรดาระดับบรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลินด้วย
การที่เซียนหวังฉีหลินมีราชโองการลงมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังเป็นราชโองการให้แก่จอมเทพหนานหยาง ย่อมต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน
ในขณะนี้ ทุกคนต่างเฝ้าดูทุกๆ ความเคลื่อนไหวของจอมเทพหนานหยาง เหมือนว่าเวลาช่างผ่านไปเชื่องช้าเหลือเกิน นาทีหนึ่งเสมือนดั่งยาวนานถึงยุคสมัยหนึ่งอย่างนั้น
จอมเทพหนานหยางอ่านข้อความในราชโองการ เขาถึงกับมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป ท่าทีที่หนักแน่นจริงจังขึ้นมา ท่าทีของเขากลับกลายเป็นเคร่งขรึมจริงจังยิ่งนัก
เมื่อทุกคนมองเห็นท่าทีของจอมเทพหนานหยางแล้ว ยิ่งเพิ่มความแปลกใจให้กับทุกคนมากยิ่งขึ้นไปอีก เซียนหวังฉีหลินได้เขียนอะไรไว้ในราชโองการกันแน่นะ ทุกคนล้วนแล้วแต่ ต้องการเห็นราชโองการนี้ด้วยตาของตนเอง
สุดท้าย จอมเทพหนานหยางได้เก็บราชโองการนี้เอาไว้อย่างดี จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เหินฟ้าขึ้นไป ก้าวเดินไปอยู่ตรงหน้าอาสน์ราชันของหลี่ชิเย่ เข้าโน้มกายไปข้างหน้าหมอบกราบกับพื้นตรงนี้ กล่าวด้วยท่าทีให้ความเคารพยิ่ง และกล่าวว่า “ข้าน้อยถูกสิ่งเล็กน้อยบังตา ไม่รู้ว่าใต้เท้ามาด้วยตนเอง ข้าน้อยโง่เขลาไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ล่วงเกินใต้เท้า ขอใต้เท้าลงโทษ!”
ภาพที่เห็นได้สร้างความสะเทือนหวั่นไหวให้กับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิต่างอ้าปากค้าง พวกเขาถูกทำให้หวั่นไหวจนหุบปากไม่ลงอยู่นาน
จอมเทพหนานหยางคือระดับจอมเทพนะเนี่ย เวลานี้กลับคุกเข่าลงก้มกราบอยู่ตรงหน้าหลี่ชิเย่ ด้วยท่าทีที่เคารพอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนยากจะเชื่อ ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิบางคนยังเข้าใจว่าตัวเองตาลายถึงกับขยี้ตาตัวเอง
หลี่ชิเย่เพียงพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ผู้ไม่รู้ไม่ผิด อภัยให้เจ้าไร้ความผิด” กล่าวพลางเพียงแค่โบกมือเบาๆ เท่านั้นเอง
หลังจากที่จอมเทพหนานหยางได้รับการอภัยโทษจากหลี่ชิเย่แล้ว จึงลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีที่แสดงถึงความเคารพยิ่ง
ผู้คนจำนวนมากต่างไม่อยากจะเชื่อกับภาพที่เห็น ก่อนหน้านั้นจอมเทพหนานหยางยังหาเรื่องหลี่ชิเย่อยู่เลย เวลานี้กลับให้ความเคารพต่อหลี่ชิเย่ถึงเพียงนี้ พลันยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจ ข้อความในราชโองการของอานุภาพเซียนหวังมีใจความอย่างไรกันแน่นะ
กล่าวสำหรับจอมเทพหนานหยางแล้ว การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่มีอะไรต้องอับอาย เนื่องจากที่เขาเผชิญหน้าอยู่คือผู้ยิ่งใหญ่ของแดนสิบ เคยดำรงอยู่ในฐานะผู้ต่อต้านกับจอมราชันเซียนหวังเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์สามเผ่ามายุคแล้วยุคเล่า ยิ่งไปกว่านั้น เขาเคยช่วงชิงช่องว่างในการดำรงชีวิตให้กับร้อยชาติพันธุ์ มีผลงานสูงสุดและโด่งดังเพื่อร้อยชาติพันธุ์ ลำพังเพียงแค่ผลงานที่เขามอบให้กับร้อยชาติพันธุ่ มันก็คุ้มกับการไปให้ความเคารพต่อเขาอยู่แล้ว
“ข้าจะอาศัยอยู่ในตระกูลราชันฉีหลินชั่วคราวหลายวัน” เวลานี้ หลี่ชิเย่ยังคงนั่งอยู่บนอาสน์ราชัน เอ่ยขึ้นช้าๆ กับฉีหลินกว่านลี่
“คุณชาย ไม่ ใต้เท้ามาเยือนถือเป็นเกียรติของตระกูลราชันฉีหลินพวกเรา ทำให้ตระกูลราชันฉีหลินพวกเราดูดีขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว” ฉีหลินกว่านลี่รีบตอบด้วยความเคารพ
หลี่ชิเย่พยักหน้าและเดินลงจากอาสน์ราชัน จอมเทพหนานหยางกล่าวด้วยท่าทีที่เคารพยิ่งว่า “ช่วงที่ใต้เท้าอยู่ตระกูลราชันฉีหลิน ข้าน้อยจะให้การต้อนรับใต้เท้าแทนท่านอาจารย์ ใต้เท้าต้องการอะไรสั่งการมาได้เต็มที่”
หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “ความหวังดีของเซียนหวังฉีหลินข้ารับเอาไว้ วันหน้าข้าต้องไปพบกับเขาแน่”
เซียนหวังฉีหลินไม่สะดวกที่จะกลับสู่โลกปัจจุบัน ดังนั้น จึงมีราชโองการให้จอมเทพหนานหยางที่เป็นศิษย์ครึ่งตัวต้อนรับหลี่ชิเย่แทน
จอมเทพหนานหยางไม่กล่าวมากความ พยุงมือหลี่ชิเย่นำทางให้ด้วยตนเอง
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว หลี่ชิเย่หันหลังกลับกล่าวกับฉีหลินกว่านลี่ว่า “บอกบรรดาตาเฒ่าทั้งหลายของพวกเจ้า ข้าต้องการเห็นสิ่งนั้นของพวกเจ้า!”
“แน่นอน” ฉีหลินกว่านลี่รีบกล่าวว่า “พวกเราจะต้องให้ใต้เท้าได้เห็นแน่นอน” เวลานี้เขาไม่กล้าบ่ายเบี่ยงแม้แต่น้อย
สุดท้าย ภายใต้การนำทางของจอมเทพหนานหยาง หลี่ชิเย่จึงเดินไปอย่างช้าๆ
หลังจากผ่านไปนานมากแล้ว ม่านเหล็กของตระกูลราชันฉีหลินจึงได้สลายไป ซึ่งทำให้บรรดาระดับบรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลินต่างรู้สึกโล่งอกขึ้น
เกิดเหตุสะเทือนฟ้ามากมายเช่นนี้ ทำให้ศิษย์และยอดฝีมือจำนวนมากของตระกูลราชันฉีหลินต่างรู้สึกแปลกใจ พวกเขาต่างต้องการรู้เบื้องหลัง แต่เมื่อได้เห็นบรรดาผู้อาวุโสของสำนักล้วนแล้วแต่มีท่าทีหนักแน่น จึงไม่มีใครกล้าตามเรื่อง
ต่อให้มีผู้เยาว์ที่สอบถามถึงเรื่องดังกล่าว ผู้อาวุโสได้แต่กล่าวสั่งสอนพวกเขา ไม่บอกเบื้องหลังของเรื่องราวง่ายๆ
ลึกเข้าไปภายในตระกูลราชันฉีหลินมีทิวทัศน์ที่งดงามยิ่งนัก ณ ที่ตรงนี้ ประกายเซียนที่แลบแปลบ กลิ่นอายม่วงลอยตัวขึ้นมา วิหค และหงส์บินร่อน กวางเก้งกำลังพักผ่อน หญ้าหลินจือขึ้นเป็นกอ เงาเลือนรางของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์…
วิมานเซียนเช่นนี้หาใช่สถานที่ที่คนทั่วไปสามารถอาศัยอยู่ได้ ต่อให้เป็นระดับบรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลินก็ไม่มีสิทธิ์ได้พักอาศัยที่นี่ สถานที่แห่งนี้สงวนไว้สำหรับบรรพบุรุษอาวุโส เป็นต้นว่าเซียนหวังของตระกูลราชันฉีหลิน หรือระดับจอมเทพของตระกูลราชันฉีหลิน
แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นเซียนหวัง หรือจอมเทพของตระกูลราชันฉีหลิน ล้วนแล้วแต่ไม่ได้ปลีกตัวจากโลกภายนอกแล้วก็มาอาศัยอยู่ที่ตรงนี้ การที่ลูกหลานของตระกูลราชันฉีหลินสงวนที่เช่นนี้เอาไว้ เพียงกระหายต้องการเซียนหวัง หรือจอมเพทของพวกเขาเมื่อกลับมาแล้วสามารถมีสถานที่ลักษณะเช่นนี้ไว้พักอาศัยไม่กี่วันเป็นการชั่วคราว
แต่ทว่า เซียนหวังของตระกูลราชันฉีหลินพวกเขาหลังจากที่ปลีกตัวจากโลกปัจจุบันแล้ว ก็ไม่เคยได้กลับมาพักอาศัยที่นี่เป็นการชั่วคราวเลย มีเพียงระดับจอมเทพที่บางครั้งมาพักอาศัยอยู่บ้างเท่านั้น
วันนี้ หลี่ชิเย่ได้มาพักอาศัยอยู่ในวิมานเซียนแห่งนี้ มองดูต้นไม้ใบหญ้าที่คุ้นเคยภายในวิมานเซียนแห่งนี้ เขาถึงกับทอดถอนใจภายในใจเบาๆ
แม้ว่าต้นไม้ใบหญ้ายังคงอยู่ แต่สิ่งต่างๆ ยังคงอยู่ คนได้เปลี่ยนไป ตระกูลราชันฉีหลินในวันนี้ไม่ใช่ตระกูลราชันฉีหลินในอดีตเสียแล้ว แม้ว่าตระกูลราชันฉีหลินในวันนี้ยังคงเจริญรุ่งเรือง แต่ การมาอยู่ ณ ที่ตรงนี้อีกครั้ง ไม่พบเจอความรู้สึกในอดีตอีกแล้ว จะอย่างไรเสียผู้ที่สามารถรั้งให้เขาอยู่ตรงนี้ไม่อยู่เสียแล้ว ที่ตรงนี้ไม่มีความรู้สึกที่คุ้นเคยอีกต่อไป
หลังจากผ่านไปนานมาก นอกประตูปรากฏเสียงดัง ก๊อก ก๊อก ก๊อก หลี่ชิเย่จึงเอ่ยไปตามอารมณ์ว่า “เข้ามา”
ผ่านไปชั่วครู่ ธิดาราชันฉีหลินเดินเข้ามา สองมือของนางได้ยกกล่องไม้ที่มีขนาดใหญ่มากกล่องหนึ่ง นางวางกล่องดังกล่าวไว้ตรงหน้าหลี่ชิเย่แล้วเปิดออก หยิบเอาของสิ่งหนึ่งออกมา และกล่าวว่า “สิ่งนี้ก็คือสิ่งที่บินมาจากท้องฟ้า บรรดาระดับบรรพบุรุษที่เป็นจอมเทพต่างบอกว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับเซียนหวังเย่หลินพวกเรา วันนี้ขอเชิญคุณชายได้พิจารณา”
กล่าวจบ ธิดาราชันฉีหลินได้วางสิ่งนี่เอาไว้ตรงหน้าหลี่ชิเย่อย่างระมัดระวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...