ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1824

ตอนที่ 1824 สิ่งที่บินมาจากนอกโลก
สายตาของหลี่ชิเย่ตกอยู่กับสิ่งของสิ่งนี้ สิ่งของสิ่งนี้แลดูไม่มีอะไรแปลก ตรงกันข้ามมองดูแล้วกลับคล้ายดั่งเป็นหินที่ไหม้เกรียมก้อนหนึ่งเท่านั้น มันถูกไหม้จนดำไปทั้งก้อน อีกทั้งบนผิวของมันยังมีร่องรอยการทุบตีอยู่ไม่น้อย ซึ่งร่องรอยการทุบตีไม่ได้เกิดจากการทุบโดยผู้เยาว์ของตระกูลราชันฉีหลินเด็ดขาด เนื่องจากร่องรอยการทุบตีเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ขณะที่มันกำเนิดขึ้นมาก็มี ร่องรอยการทุบตีลักษณะเช่นนี้อยู่แล้ว

มองดูให้ละเอียดอีกนิดหนึ่ง จะพบว่าของสิ่งนี้แม้ว่าจะไหม้ดำเกรียมไปทั้งชิ้น แต่ว่ามันไม่ได้เกิดจากการเผาไหม้อย่างแน่นอน แต่เป็นหลักกฎเกณฑ์ของสัจธรรม สิ่งนี้เป็นเพราะหลักกฎเกณฑ์ของสัจธรรมจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถักทอเข้าด้วยกัน ส่วนผิวที่ขรุขระไม่เรียบนั้นเป็นเพราะหลักกฎเกณฑ์ของสัจธรรมที่ถักทอไม่ได้เป็นไปตามกฎเกณฑ์จึงได้กลายเป็นเช่นนี้

เมื่อพิเคราะห์พิจารณาอย่างละเอียดถึงสิ่งของสิ่งนี้ที่มีผิวขรุขระไม่เรียบอยู่เป็นเวลานาน จึงได้พบว่า ความจริงแล้ว ผิวที่ไม่เรีบบดังกล่าวได้ปรากฏรอยประทับของอักขระยันต์โบราณขึ้นมา ซึ่งเป็นอักขระยันต์โบราณที่แม้แต่ระดับบรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลินก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน

“มันบินตรงเข้ามาตระกูลราชันฉีหลินรึ?” เมื่อหลี่ชิเย่มองเห็นสิ่งของสิ่งนี้แล้วสะท้านนิดหนึ่งและเอ่ยขึ้นช้าๆ

“ถูกต้อง” ธิดาราชันฉีหลินพยักหน้าและกล่าวว่า “ฟังจากบรรพบุรุษพูดว่า หลังจากที่บรรพบุรุษก้าวสู้เส้นทางการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายไปแล้วเวลาผ่านไปนานมาก บังเอิญมีอยู่วันหนึ่ง พลันบนท้องฟ้าได้มีลูกอุกาบาตบินลงมา และตกลงมาภายในตระกูลราชันฉีหลิน บรรดาเหล่าบรรพบุรุษหลังจากได้สิ่งนี้มาแล้วไม่สามารถขบคิดถึงความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายในได้ บรรพบุรุษที่เป็นเซียนหวังจึงได้กล่าวเพียงว่า สิ่งของสิ่งนี้ต้องรอผู้มีวาสนา”

เรื่องราวอุกาบาตรที่บินเขามาภายในตระกูลราชันฉีหลินนั้น เรียกได้ว่าได้สร้างความแตกตื่นให้กับระดับบรรพบุรุษทั้งหมดของตระกูลราชันฉีหลิน

สมควรทราบว่า ตระกูลราชันฉีหลินของพวกเขาคือหนึ่งสำนักสามเซียนหวัง พื้นที่ทุกตารางนิ้วล้วนแล้วแต่ผ่านการปลุกเสกมาแล้ว หากไม่ได้รับอนุญาตจากตระกูลราชันฉีหลินของพวกเขา แม้แต่ยุงสักตัวก็อย่าหวังบินเข้าไปในตระกูลราชันฉีหลินพวกเขาได้ เวลานี้ กลับมีลูกอุกาบาตรบินเข้ามาได้อย่างกะทันหัน ในนั้นจะต้องมีเหตุผลแน่นอน

บรรดาบรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลินต่างขบคิดสิ่งของสิ่งนี้ พวกเขาต่างรู้ว่าของสิ่งนี้ต้องสำคัญสะเทือนฟ้าได้ ต่อให้มันไม่ใช่ของวิเศษ ข้อมูลที่ซ่อนอยู่ภายในก็ต้องสุดยอดในหล้ายากจะหาใดเทียม

บรรดาบรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลินต่างขบคิดสิ่งของสิ่งนี้ไม่ออกมาโดยตลอด ดังนั้น จึงมีการคิดจะหาผู้ที่มีวาสนาดังกล่าว

กล่าวสำหรับตระกูลราชันฉีหลินแล้ว สิ่งของสิ่งนี้มีความสำคัญมาก เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่บินลงมาจากฟ้า ซึ่งจะต้องเกี่ยวพันกับผู้ดำรงอยู่สูงสุดแน่นอน ดังนั้น บรรดาบรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลินจึงเก็บสิ่งของสิ่งนี้เป็นความลับสุดยอด ขณะเดียวกันไม่ยอมให้บุคคลภายนอกได้แตะต้องของสิ่งนี้

มาวันนี้ นับว่าไม่ง่ายนักที่ตระกูลราชันฉีหลินของพวกเขายอมเอาสิ่งของสิ่งนี้ออกมา หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ไม่มีโอกาสได้เห็นสิ่งของสิ่งนี้อยู่แล้ว

หลี่ชิเย่สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ยืนมือทั้งสองออกไปช้าๆ มือทั้งสองของเขากดลงบนสิ่งของสิ่งนี้เบาๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลี่ชิเย่นั้นนิ่งมาก ไม่มีเรื่องใดสามารถทำให้เขาเสียบุคลิก แต่ ยามที่เขายื่นมือสองข้างออกไปนั้น มือทั้งสองของเขาถึงกับสั่นไหวทีหนึ่ง

มือคู่นี้ของเขานิ่งมากโดยตลอด ต่อให้ใช้มือข้างนี้ยกเอาท้องฟ้าขึ้นไปก็นิ่งเหมือนดั่งหินผา ไม่มีสั่นไหวแม้แต่น้อย มาวันนี้ มือทั้งสองข้างของเขากลับสั่นไหวทีหนึ่งเหนือการควบคุม เนื่องจากสิ่งนี้สำหรับเขาแล้วหาใช่เป็นข่าวดี ข้างในนั้นแฝงไว้ซึ่งเรื่องราวต่างๆ มากมายที่เขาไม่ต้องการจะไปเผชิญกับมัน

ต่อให้ข้างในนั้นเป็นการส่งข่าวที่ไม่ดี ต่อให้ข้างในนั้นได้รวมเอาเรื่องราวที่เขาไม่ต้องการไปเผชิญกับมัน แต่ว่า ท้ายที่สุดแล้ว หลี่ชิเย่ยังคงเลือกที่จะเผชิญหน้า เขาจะต้องไปเผชิญหน้า เมื่อพวกของราชันเซียนฉวี่เจินก้าวสู่การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งสุดท้าย เขาไม่สามารถมาส่งพวกนางได้ เวลานี้ก็ให้เขาเป็นผู้มาเผชิญหน้ากับสิ่งของสิ่งนี้ที่บินลงมาจากท้องฟ้าก็แล้วกัน

ขณะที่มือทั้งสองข้างของหลี่ชิเย่ปิดสิ่งของสิ่งนี้จนแน่น ทุกสิ่งทุกอย่างดูเงียบสงัด ฟ้าดินตกอยู่ในสภาพนิ่งเงียบที่น่ากลัว เหมือนว่าเวลาได้หยุดลงแล้ว

ธิดาราชันฉีหลินยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ต่อให้เวลาผ่านไปนานเท่าไรนางก็ยินดีอยู่เป็นเพื่อน ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมาแม้แต่นิดหนึ่ง กระทั่งแม้แต่ลมหายใจก็ดูจะผ่อนลงไปมากทีเดียว

หลังจากผ่านไปนานมาก ในที่สุดหลี่ชิเย่ได้ชักมือทั้งสองข้างกลับมา ธิดาราชันฉีหลินก็ดูออกว่า ในขณะนี้มือคู่นั้นของหลี่ชิเย่ที่นิ่งดั่งหินผาได้มีการสั่นเทาทีหนึ่ง

“สิ่งของสิ่งนี้ข้าเอาไปแล้ว” สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้เอ่ยขึ้นชาๆ ว่า “ข้าจะนำมันไปด้วย” กล่าวจบ ไม่รอให้ธิดาราชันฉีหลินได้พูดอะไร จัดการเก็บของสิ่งนี้เอาไว้

“เมิ่งหยิงจะบอกกล่าวให้กับบรรดาบรรพบุรุษเอง” ครั้นเห็นหลี่ชิเย่เก็บของสิ่งนี้ขึ้น ธิดาราชันฉีหลินได้แต่พูดออกมาเบาๆ

เวลานี้ ธิดาราชันฉีหลินยังจะพูดกอะไรได้อีก? ในเมื่อหลี่ชิเย่จัดการเก็บสิ่งของสิ่งนั้นขึ้นโดยตรง เขาไม่คิดที่จะปรึกษาหารือกับตระกูลราชันฉีหลินของพวกเขาอยู่แล้ว เขาไม่ได้เป็นการสอบถามความเห็นของตระกูลราชันฉีหลิน ต่อให้ตระกูลราชันฉีหลินของพวกเขาไม่ยินดี เขาก็ต้องนำมันไปให้ได้

หลังจากเก็บของสิ่งนี้เอาไว้แล้ว หลี่ชิเย่ได้นั่งลงและสั่งการออกไปว่า “ให้ศิษย์อาจารย์ของสำนักต้นไม้เหล็กมาพบข้า”

ธิดาราชันฉีหลินไม่พูดมากความ ให้ศิษย์ภายในสำนักพาพวกของเสิ่นเสี่ยวซันเข้ามา

เมื่อพวกของเถี่ยซู่องเข้ามาแล้ว เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ พวกของเถี่ยซู่องไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี เถี่ยซู่อง เฮ่อเฉินพวกเขาพลันรู้สึกเข่าอ่อนทั้งสองข้างจึงคุกเข่าลงกราบกับพื้น เสิ่นเสี่ยวซันก็คุกเข่าลงตามอาจารย์ของนาง

“ข้า ข้า ข้าน้อยกราบคารวะคุณชาย” ในขณะนี้ การพูดของเถี่ยซู่องก็สั่นเทาตลอดเวลา สองวันที่ผ่านมาทำเอาตัวเขาตระหนกไม่เบาเลย เรียกได้ว่าเขาอยู่ท่ามกลางความตระหนกสองวันที่ผ่านมา ขณะเดียวกันก็ทำให้เขารู้สึกดีใจอยู่ภายในใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล