ก่อนจาก เสิ่นเสี่ยวซันมองดูหลี่ชิเย่ หัวใจของนางถึงกับสะท้านทีหนึ่ง ก่อนหน้านี้ไม่นานผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าห่างจากเขานานมากนานมากๆ แต่ว่า เวลานี้เขากลับห่างจากนางไกลมากไกลมากๆ ระดับความห่างไกลเกรงว่าชั่วชีวิตของนางคงไม่สามารถเอื้อมไปได้ถึง ท่ามกลางระยะความห่างไกลนี้ นางได้แต่ส่งเสียงพูดจากระยะห่างไกล
นาทีนี้ เสิ่นเสี่ยวซันรู้แล้วว่า ก่อนหน้านั้นสามารถรั้งอยู่ข้างกายคอบปรนนิบัติเขาช่างเป็นเรื่องที่โชคดีอะไรอย่างนั้น เวลานี้ ต่อให้นางมีใจร้อยใจที่ต้องการปรนนิบัติข้างกายเขาก็ไม่มีสิทธิ์อีกแล้ว เรียกได้ว่าเวลานี้หากคิดจะรั้งอยู่ข้างกายเพื่อปรนนิบัติเขา รายชื่อของนางไม่รู้ว่าต้องรอคิวด้วยการเติมเลขศูนย์ต่อท้ายไปอีกกี่ตำแหน่ง
นาทีนี้ ภายในใจของเสิ่นเสี่ยวซันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ไม่สามารถอาศัยตัวอักษรมาเปรียบเปรยความรู้สึกที่มีอยู่ในใจได้ บางที ในอนาคต ท่ามกลางชีวิตของนาง เมื่อหวนนึกถึงอดีตที่ผ่านมา เกรงว่าการได้อยู่กับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านำมาซึ่งความทรงจำในอดีตได้มากที่สุด สามารถนำพาความสุขให้กับนางได้มากที่สุด
“คุณชาย ข้ายังสามารถพบท่านได้อีกหรือไม่?” นาทีนี้ ภายในใจของเสิ่นเสี่ยวซันเปี่ยมด้วยพันคำหมื่นวจี มีคำพูดที่ลึกซึ้งเป็นอันมาก แต่ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นด้วยคำไหนดี คำพูดที่มากด้วยหมุนวนอยู่ในปากของนาง สุดท้ายพูดออกมาได้เพียงเท่นนี้ บางทีอาจจะมีคำนี้คำเดียวที่สามารถแสดงออกถึงความเฝ้ารอภายในใจของนางแล้ว
หลี่ชิเย่มองดูเสิ่นเสี่ยวซันแล้วต้องทอดถอนใจภายในใจเบาๆ กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “หนทางยาวไกล กาลเวลาเป็นหมื่นปี หากมีวาสนาแล้วย่อมได้พบกัน ข้าเชื่อว่าวันหน้าเจ้ากับช้าคงมีโอกาสได้พบกัน”
“แน่นอน” หลังจากที่เสิ่นเสี่ยวซันได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ท่าทีเด็ดเดี่ยวหนักแน่นพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าจะต้องพยายาม”
คำพูดคำนี้ของเสิ่นเสี่ยวซันไม่เพียงแต่พูดให้หลี่ชิเย่ฟังเท่านั้น ขณะเดียวกันก็พูดให้ตัวเองฟังด้วย ระหว่างนางกับหลี่ชิเย่ห่างไกลยากจะเอื้อมถึงแล้ว กาลเวลาในอนาคตนางจำเป็นต้องพยายามให้มาก นางจำเป็นต้องตัดสินใจทำให้ตนเองนั้นแกร่งขึ้น มีเพียงแข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว จึงจะมีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง มีเพียงตนเองแกร่งขึ้น จึงมีโอกาสเคียงข้างซ้ายขวา มิฉะนั้นล่ะก็ ตนเองนั้นอ่อนแอเป็นได้แค่มดปลวกตลอดไปเท่านั้น ไม่สามารถก้าวให้ถึงความสูงระดับนั้นตลอดไป
“ข้าเชื่อ” หลี่ชิเย่พยักหน้า กล่าวด้วยท่าทีให้กำลังใจ
ได้รับการให้กำลังใจและมั่นใจจากหลี่ชิเย่เช่นนี้ ใจของเสิ่นเสี่ยวซันถึงกับหวั่นไหว นางถึงกับกำหมัดของตนแน่น กล่าวว่า “ข้าจะทำให้ได้” กล่าวจบหันหลังเดินไปทันที นางเองก็ไม่อยากให้น้ำตาของตนรินไหลออกมา และไม่ต้องการให้เขาได้เห็นน้ำตาของตนเอง
แต่ทว่า นางยังไม่ทันก้าวข้ามธรณีประตู ยังคงอดที่จะหันหลังกลับมาไม่ได้ พลันวิ่งกลับเข้ามา นางเองไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าไปเอาความกล้าหาญมาจากไหน พลันเข้าไปสวมกอดหลี่ชิเย่จนแน่น
นาทีนี้ เสิ่นเสี่ยวซันไม่สามารถอดกลั้นต่อไปได้อีกแล้ว น้ำตาดูจะไม่เอาการเอางานเสียเลย มันได้ไหลออกมาจนชุ่มหางตา นางฟุบอยู่กับบ่าของหลี่ชิเย่อย่างแนบแน่น บางที การสวมกอดครั้งนี้อาจเป็นการสวมกอดครั้งสุดท้ายของพวกเขาก็เป็นได้
หลี่ชิเย่อดที่จะทอดถอนใจออกมาเบาๆ ลูบไล้เส้นผมของนางแผ่วเบา กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ไปเถอะ หนทางยาวไกล อนาคตยังต้องอาศัยเจ้าเองก้าวเดินต่อไป”
ลาก่อนคุณชาย” เสิ่นเสี่ยวซันที่สวมกอดหลี่ชิเย่เอาไว้จนแน่นได้ฮึดเอาความกล้าออกมาในที่สุด จูบหลี่ชิเย่ไปทีหนึ่ง แม้ว่าในใจจะเปี่ยมไปด้วยไม่อยาก แต่ สุดท้ายนางยังคงคลายมือและวิ่งออกไป
หลี่ชิเย่ก็ทำได้แค่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ มองดูเงาหลังที่ไกลออกไปของเสิ่นเสี่ยวซัน และส่ายหน้าเบาๆ การจำพรากในลักษณะเช่นนี้เขาผ่านมามากเหลือเกิน เขามองเรื่องนี้ด้วยความจืดจางมาก ใช่ว่าเขาเป็นคนที่ใจแข็งดั่งหิน แต่เป็นเพราะเขาประสบมันมามากเหลือเกิน แม้แต่การจำพรากด้วยความเป็นความตายเขาก็ประสบกับมันมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนหัวใจด้านชาไปแล้ว
หลี่ชิเย่อาศัยอยู่ในตระกูลราชันฉีหลินเป็นการชั่วคราว ระหว่างที่พักอยู่ในตระกูลราชันฉีหลิน นอกจากพิจารณาใคร่ครวญพินิจพิเคราะห์สิ่งของสิ่งนั้นที่บินมาจากนอกโลกแล้ว ก็ได้หมั่นฝึกฝนวิชา
เวลานี้ เขานั่งอยู่บนเตียงศักดิ์สิทธิ์ ทำการดูดกลืนพลังขมุกขมัว ผ่อนพลังของโลกในยุคดึกดำบรรพ์เข้าออก ภายในลัคนาของเขานั้น พลังขมุกขมัวพลุ่งพล่านไม่หยุด เสมือนดั่งเป็นชีวิตใหม่ของโลกๆ หนึ่งอย่างนั้น ดูคึกคักมีชีวิตชีวายิ่งนัก
“ตูม ตูม ตูม” เสียงดังขึ้นจากการพลุ่งพล่านมาเป็นระลอก พลังขมุกขมัวของหลี่ชิเย่เสมือนหนึ่งหมื่นอาชาที่วิ่งห้ออย่างนั้น ในขณะนี้ พลังขมุกขมัวได้กลับกลายเป็นวังวนอยู่ภายในร่างกายของเขา หล่อเลี้ยงสัจธรรม หล่อเลี้ยงชะตาแท้
ในเวลานี้ พลังขมุกขมัวของหลี่ชิเย่มีอยู่ในครอบครองเจ็ดพันกว่าลิตรแล้ว ทะลุเส้นแบ่งห้าพันลิตร ทำให้ทักษะของหลี่ชิเย่ก้าวจากระดับตะนอยสัจธรรมเข้าสู่กิมิชาติสัจธรรมแล้ว
กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ทักษะแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อยไม่ได้สำคัญมากนัก แม้ว่าเขาจะมีวิธีการอยู่มากมาย แต่เขายังคงต้องผ่านไปตามขั้นตอน เขาไม่สามารถทำให้ทักษะของตนจากธุลีสัจธรรมก้าวไปถึงระดับจอมราชันอย่างกะทันหัน
แม้จะกล่าวว่า หลี่ชิเย่มีวิธีการมากมายที่สามารถทำให้การฝึกวิชาของตนก้าวไปอย่างรวดเร็ว แต่กาลเวลาที่เนิ่นนานผ่านมา เขาเข้าใจยิ่งขึ้นว่าการบำเพ็ญเพียรไม่มีทางลัดให้ก้าวเดิน หากต้องการเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดตลอดกาล ก็ต้องก้าวเดินไปทีละก้าวๆ ทุกย่างก้าวจะต้องมั่นคง ทุกย่างก้าวจะต้องผ่านการขัดเกลานับร้อยนับพันครั้ง ขอเพียงสร้างรากฐานที่มั่นคงแข็งแรงสุดเปรียบเปรยได้ จึงสามารถก้าวเดินได้ไกลยิ่งกว่าในอนาคต จึงสามารถไปเผชิญกับใจมารของตนได้อย่างไม่สะทกสะท้าน สามารถเผชิญกับวิบากภัยของตนโดยไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด สามารถทำให้ตนนั้นก้าวเดินต่อไปอย่างแน่วแน่มั่นคง
แม้ว่าหลี่ชิเย่สามารถทำให้ทักษะของตนก้าวจากธุลีสัจธรรมจนสำเร็จกลายเป็นจอมราชันได้ภายในระยะเวลาหนึ่งถึงสองปี แต่ผู้บำเพ็ญตนที่การก้าวอย่างหักโหมเช่นนี้ ท้ายที่สุดแล้วจะสร้างจุดบกพร่องที่สามารถทำให้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ การก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้จะไม่อาจกลายเป็นจอมราชันที่สมบูรณ์แบบได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...