ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1827

ณ นอกเมืองที่รกร้างยากจะมีผู้คนอาศัยอยู่ ที่ตรงนี้เป็นพื้นที่สูงเปลี่ยวและลับตาคน พื้นดินไม่มีความอุดมสมบูรณ์ ไม่เหมาะสำหรับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาอยู่อาศัยและเพาะปลูก

ที่ตรงนี้มีแต่ต้นจำพวกขวากและหนามขึ้นอยู่เต็มไปหมด เถาวัลย์ที่มีหนามแหลมเลื้อยไปตามพื้นดิน เนื่องจากพื้นดินบริเวณนี้ปราศจากความอุดมสมบูรณ์ยิ่ง ทำให้ใบไม้ต้นไม้เถาวัลย์แก่ล้วนแล้วแต่มีส่วนปลายของกิ่งและใบที่ไหม้เกรียม

พื้นที่นอกเมืองที่อยู่ห่างไกลและเปลี่ยวลับตาผู้คนเช่นนี้ ยามที่พระอาทิตย์ลอยอยู่บนท้องฟ้านั้น ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ หรือเถาวัลย์ไม้เลื้อยต่างก็มีลักษณะเหี่ยวเฉา ต่อให้บางครั้งมีสัตว์เดินเท้าหรือจำพวกวิหคปรากฏขึ้นโดยบังเอิญ พวกมันก็จะหลบอยู่บริเวณที่เป็นร่มเงาหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน

ณ สถานที่ที่เป็นพื้นที่นอกเมืองลับตาผู้คนเช่นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่อยู่ในสภาพหมดอาลัยตายอยาก มีแต่ความเหี่ยวเฉาไร้ชีวิตชีวา แม้ว่าจะมีกิ่งเขียวของเถาวัลย์ป่าที่คอยประดับประดาอยู่ แต่ก็ขาดซึ่งความมีชีวิตชีวาที่แท้จริง เหมือนว่าทุกๆ ชีวิตที่อยู่ ณ ที่ตรงนี้ล้วนได้แต่นอนรอความตายอย่างนั้น

ที่ตรงนี้ให้ความรู้สึกแก่ผู้คนถึงความเหี่ยวเฉา ทุกชีวิตที่กำเนิดอยู่ที่ตรงนี้ก็จะรู้สึกว่าไม่มีความหมายที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่อไป ทุกสิ่งบนโลกใบนี้มันก็เพียงเท่านี้เอง ไม่มีอะไรคุ้มค่ากับการมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่มีสิ่งใดคุ้มค่ากับการต้องไปเสาะแสวงหา

ยามที่ดวงตะวันแผดร้อนอยู่เหนือศีรษะ ยามที่มองเห็นความแห้งเหี่ยวอับเฉาของต้นไม้และเถาวัลย์ป่า ยามที่มองเห็นความไหม้เกรียมของยอดไม้ มองเห็นไอความร้อนที่ลอยขึ้นมายามเที่ยงวัน จะบังเกิดความรู้สึกขึ้นอย่างหนึ่ง การมีชีวิตอยู่ต่อไป ณ ที่ตรงนี้ มิสู้ฝังร่างของตนเองไว้ที่นี่ ตายเสียให้มันรู้แล้วรู้รอดไป อย่ามีชีวิตอยู่อีกต่อไปเลย!

ด้วยพื้นที่ที่ตั้งอยู่นอกเมืองลับตาผู้คนที่หมดอาลัยตายอยากนี่แหละ บริเวณกลางเขาจะมีพื้นที่ที่เป็นที่ราบขนาดเล็กอยู่ผืนหนึ่ง พื้นที่ราบเรียบเล็กๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยเถาวัลย์ที่มีหนามแหลมและจำพวกหญ้าคาที่มีขอบใบแหลมคมขึ้นอยู่รอบด้านเต็มไปหมด

บริเวณที่เป็นพื้นที่ราบเรียบเล็กๆ แห่งนี้ปรากฏบ้านหลังเล็กๆ ปลูกอยู่หลังหนึ่ง โดยอาศัยไม้แก่เป็นโครงของตัวบ้าน จากนั้นนำเอาดินมาโปะทับเอาไว้ทั้งหลัง เป็นบ้านน้อยแบบโบราณดั้งเดิม แม้แต่หลังคายังสร้างขึ้นโดยอาศัยเปลือกไม้แก่มาปูทับเอาไว้

อาศัยบ้านหลังน้อยลักษณะเช่นนี้ย่อมสามารถมองออกได้ว่า เจ้าของบ้านหลังนี้จะมีความยากจนข้นแค้นเพียงใด พลันที่มองเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ท่ามกลางความขาดแคลนซึ่งอาหารการกิน

ประตูไม้ของบ้านหลังน้อยแง้มเอาไว้นิดหนึ่ง ยามที่ลมพัดมาเฉื่อยๆ ประตู้ไม้ก็จะส่งเสียงดัง “เอี๊ยด…เอี๊ยด….เอี๊ยด” ขึ้นมาแผ่วเบา

หน้าบ้านมีถนนเล็กๆ เส้นหนึ่ง เรียกมันว่าถนนเล็กๆ ชั่วคราวก่อนก็แล้วกัน เนื่องจากทางเล็กๆ ที่ว่าปรากฏพืชที่มีหนามแหลมคมขึ้นอยู่เต็มไปหมด มองไม่เห็นกระทั่งร่องรอยของความเป็นถนน บอกได้แต่เพียงเคยมีคนเดินผ่านไปมาเท่านั้นเอง พอจะเรียกมันว่าถนนได้อย่างฝืนๆ กระมัง

อาศัยถนนเล็กๆ เส้นนี้ดูออกว่า ที่ตรงนี้ไม่มีใครมา ยกเว้นเจ้าของบ้านหลังน้อยที่อาศัยเดินผ่านขึ้นเขาลงเขาบ้างเป็นบางครั้ง นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีใครเดินบนถนนเล็กๆ เส้นนี้อีกเลย

ด้วยถนนเล็กๆ ที่แทบจะมองไม่ออกว่าเป็นถนนเส้นนี้แหละ มาวันนี้กลับมีชายหนุ่มผู้หนึ่งที่ปีนขึ้นมา ชายหนุ่มผู้นี้ได้แหวกหญ้าและพืชที่มีหนามแหลมออก ปีนขึ้นจากตีนเขาเรื่อยมากระทั่งขึ้นมาจนถึงพื้นที่ราบเรียบทีอยู่กลางเขา ไปจนถึงหน้าบ้านหลังน้อยหลังนั้น

ชายหนุ่มที่ปีนเขาขึ้นมาก็คือหลี่ชิเย่นั่นเอง เมื่อเขามองเห็นบ้านหลังน้อยๆ หลังนั้นแล้ว เขาถึงกับยิ้มเล็กน้อย

ด้านข้างของบ้านหลังน้อยมีพื้นที่ว่างขนาดเล็กอยู่แปลงหนึ่ง พื้นที่ตรงนี้ได้มีการปลูกผักเอาไว้เล็กน้อย นอกจากผักที่ปลูกเอาไว้เล็กน้อยแล้วยังได้ปลูกมันเทศเอาไว้นิดหนึ่ง

ในขณะนี้ มีผู้เฒ่าผู้หนึ่งกำลังทำงานอยู่บริเวณแปลงผักน้อยๆ นั่น ความจริงแล้ว ผู้เฒ่าผู้นี้ก็นับว่ามีอายุไม่มากนัก หากประเมินตามอายุของมนุษย์ปุถุชนแล้ว น่าจะมีอายุราวห้าสิบปีประมาณนั้น

แม้ว่าถ้าดูจากอายุแล้วเขาเหมือนมีอายุราวๆ เพียงแค่ห้าสิบปีเท่านั้น แต่ลักษณะของเขาดูจะอัปลักษณ์อยู่บ้าง ดูเหมือนแก่ ดูเหมือนผ่านโลกมาอย่างโชกโชน

ผู้เฒ่าผู้นี้สวมชุดสีเทาทั้งชุด ชุดของเขาสีเทาค่อนไปทางขาวซีด ดูออกว่าชุดที่สวมใส่ผ่านการซักแล้วซักอีก แม้ว่าจะมีการซักอยู่เป็นประจำ แต่ผ่านมาชั่วนาตาปีออกจะดูเก่าและขาด และมีความสกปรกที่สะสมอยู่บนนั้น

ต่อให้เสื้อผ้าชุดนี้จะมีการซักอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้สะอาดมากนัก อีกทั้งผู้เฒ่าต้องทำงานเกษตร จึงมีดินโคลนเปรอะเปื้อนอยู่

รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของผู้เฒ่าผู้นี้มีอยู่ไม่มากนัก แต่ว่าใบหน้าออกเป็นสีเหลือง ผิวหนังของมือทั้งสองดำเมี่ยม มองรู้ว่านอกจากผู้เฒ่าจะมีความเป็นอยู่และอาหารการกินที่ไม่ดี อีกทั้งทำงานหนักมายาวนาน เห็นได้ชัดว่าได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ

ผมเผ้าของผู้เฒ่าเป็นสีดอกเลา และดูบางหลุดร่วงไปบ้าง แม้ว่าเขาจะหวีเรียบร้อยทุกวัน แต่ระหว่างที่ทำงานหนักก็ทำให้มันต้องดูยุ่งเหยิงอยู่บ้างโดยไม่ตั้งใจ

ขณะที่ผู้เฒ่าอ้าปากออกมา จะพบว่าฟันที่ยังคงเหลืออยู่ในปากมีไม่มาก ยังคมมีฟันที่ขึ้นอยู่อย่างกะหร็อมกะแหร็มอยู่ไม่กี่ซี่ แม้ว่าจะมีฟันเหลืออยู่แค่ไม่กี่ซี่ แต่ก็ออกเหลืองๆ ดำๆ ทั้งยังปรากฎร่องรอยฟันผุขึ้นมา

ผู้เฒ่าลักษณะเช่นนี้แหละที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นอกเมืองที่ลับตาผู้คนแบบนี้ ทำงานยามรุ่งอรุณ และพักผ่อนยามอาทิตย์อัสดง ปรกติแล้วจะอาศัยผลผลิตทางการเกษตรที่เพาะปลูกได้เล็กๆ น้อยๆ มาแก้ความหิวโหย ฝืนไม่ทำให้ตนเองต้องอดตายไปวันๆ

ลองนึกภาพดู ผู้เฒ่าลักษณะเช่นนี้ พักอาศัยอยู่ในที่รกร้างลับหูลับตาผู้คนโดยลำพังคนเดียว ไม่มีลูกหลาน ปรกติก็ไม่มีญาติสนิทมิตรสหายมาเยี่ยมเยียน ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีเพื่อนบ้านอีกด้วย กลางวันหน้าสู้ดินหลังสู้ฟ้าทำงานอย่างหนัก ตกกลางคืนนอนอยู่ท่ามกลางความมืดบนเตียงไม้ ช่างเป็นชีวิตความเป็นอยู่ที่แร้งแค้นยิ่งนัก เป็นชีวิตที่อ้างว้างโดดเดี่ยวยิ่งนัก

ในขณะนี้ ผู้เฒ่ากำลังลงจอบด้วยจอบที่เก่าแก่ เพื่อขุดเอามันเทศที่อยู่ใต้ดินขึ้นมา ด้วยอายุที่มากแล้ว การขุดแต่ละครั้งดูจะกินแรงไปไม่น้อย หากเป็นคนหนุ่มแค่ลงจอบหนึ่งถึงสองครั้งก็สามารถขุดเอามันเทศที่อยู่ในดินขึ้นมาได้แล้ว สำหรับเขาแล้วอย่างน้อยก็ต้องแปดถึงสิบครั้งจึงจะขุดเอามันเทศนั้นขึ้นมาได้

หลังจากที่ขุดเอามันเทศขึ้นมาแล้ว เขาก็จะนั่งยองๆ ลงเคาะเอาดินที่ติดอยู่กับมันเทศออกให้สะอาด จากนั้นหยิบมันเทศใส่ลงในตะกร้าไม้ไผ่ที่ขาดเป็นรูเล็กๆ ใบนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล