กษัตริย์เทียนหวงคือยอดฝีมือระดับสวรรค์สัจธรรมคนหนึ่ง แม้ว่าเข้าจะก้าวสู่ระดับสวรรค์สัจธรรมอย่างเต็มกลืนเท่านั้นเองก็ตาม ก็ยังคงเป็นยอดฝีมือระดับสวรรค์สัจธรรมอยู่ดี ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ ศาสตราวุธเต๋าที่อยู่ในมือของเขานั้นคือศาสตราวุธเต๋าจอมราชันชั้นคุณภาพสวรรค์ตราตั้ง เมื่อได้ครอบครองศาสตราวุธเต๋าจอมราชันเช่นนี้ ย่อมสามารถทดแทนพลังขมุกขมัวของเขาที่ขาดไปได้ในระดับสูงทีเดียว
แต่ว่า กษัตริย์เทียนหวงยังคงเปราะบางไม่สามารถรับมือกับการโจมตีได้ กระทั่งผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกที่เข้ามาช่วยเหลือก็สุดจะรับมือได้เช่นกัน พลังขมุกขมัวเจ็ดร้อยล้านลิตรถูกทำลายลงโดยพลัน ไม่มีแม้กระทั่งพลังที่จะขัดขืน ถูกทุบจนกลายเป็นเนื้อบดในทันที
บรรดาแขกทั้งหมดที่อยู่ในงานล้วนแล้วแต่ตกใจจนเข่าอ่อนไปสิ้น เมื่อมองเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าภาพที่อยู่ตรงหน้าช่างสยดสยองเหลือเกิน ทำให้ถึงกับรู้สึกหวาดกลัวในใจขึ้นมา!
ผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกหลินที่เข้ามาช่วยก็ต้องตายตาไม่หลับ เขายังไม่ทันกระจ่างชัดว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรก็ถูกทุบจนกลายเป็นเนื้อบดไปเสียแล้ว ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนระดับสวรรค์สัจธรรมผู้นี้นับว่าตายอย่างสับสนมึนงงและไม่เป็นธรรมยิ่ง
แม้แต่เผิงเย่ที่มองเห็นภาพนี้แล้วก็ต้องสะท้านภายในใจ เขาเองก็มองไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกหลินก็กลายเป็นเนื้อบดไปแล้ว เป็นที่ทราบกันว่า ทักษะของผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกหลินกับเขาอยู่ในระดับที่พอๆ กันถึงกับสู้ไม่ได้เลย ทำให้ขาทั้งสองข้างของเผิงเย่ถึงกับอ่อนขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
เวลานี้ กษัตริย์เทียนหวงที่ถูกสยบเอาไว้ดิ้นรนพยายามจะลุกขึ้นมา แต่ “ปัง” มือยักษ์ไร้รูปสามารถสยบกดตัวเขาเอาไว้อย่างง่ายดาย ไม่สามารถกระดิกตัวได้อีกแม้แต่น้อยนิด
“วันนี้คืองานวันเกิดของจอมเทพ ข้าไม่ต้องการให้เลือดสดๆ มาย้อมงานเลี้ยงวันเกิดให้เป็นสีแดง เสียดาย เจ้ากลับมีตาแต่หามีแววไม่ ข้าไม่ไปหาเรื่องบรรดาเหล่าสวรรค์เทพมารก็ต้องขอบคุณฟ้าดินแล้ว เจ้ากลับกล้าหาเรื่องถึงบนหัวข้า เจ้าว่ามาซิ มันเป็นการหาเรื่องตายใช่หรือไม่?” หลี่ชิเย่กระดกสุราเลิศรสจนหมดจอก ส่งสัญญาณให้บริกรเติมสุราให้เต็มจอก
เวลานี้ บริกรอยู่ในอาการสั่นเทาโดยตลอด เขาเดินเข้ามาเติมสุราให้กับหลี่ชิเย่จนเต็มจอกด้วยอาการสั่นเทา เกรงว่าไม่ทันระวังทำสุรากระเด็นใส่แล้วทำให้ตนเองต้องตาย
“เจ้า เจ้าเดรัจฉานน้อย เจ้า เจ้ากล้าแตะต้องตัวข้า จะ จะต้องตายอย่างไร้ที่ฝัง!” เวลานี้กษัตริย์เทียนหวงได้ตกใจจนถึงที่สุดเมื่อความตายคืบคลานเข้ามาใกล้ขนาดนี้ ร้องออกมาด้วยท่าที่แข็งนอกอ่อนใน
“งั้นหรือ?” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา กระดกสุราจนหมดจอกอีกครั้ง
“แน่นอน!” กษัตริย์เทียนหวงร้องกล่าวเสียงดังออกมาว่า “ลูกสาวข้าคือราชินีราชันเซียนในอนาคต มีกองทัพนับล้านในมือ มีจอมเทพสามพันคอยรับใช้ มีเหล่าจอมราชันคอยคุ้มครอง หากเจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่เส้นขน ลูกสาวขาต้องให้เจ้าตายอย่างไร้ที่ฝังแน่นอน! จินเก๋อลูกเขยข้าคือจอมราชันในอนาคต ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า…” เมื่อเอ่ยถึงลูกสาวและลูกเขยของตนแล้ว เขามีความกล้าเพิ่มมากขึ้น จะอย่างไรเสียเมื่อเอ่ยถึงลูกสาวและลูกเขยแล้วผู้คนจำนวนมากต่างหวั่นเกรงอยู่สามส่วน
เสียงดัง “ปัง…” กษัตริย์เทียนหวงพูดยังไม่ทันขาดคำ มือขนาดยักษ์ที่ไร้รูปพลันเพิ่มแรงกดลงไป เลือดสดๆ แตกกระเซ็นออกมา กษัตริย์เทียนหวงพลันถูกกดทับจนกลายเป็นเนื้อบด เสียชีวิตโดยไม่ทันได้ร้องออกมาสักคำ
“จินเก๋อเป็นใครรึ ไม่รู้จัก” หลังจากที่บดขยี้กษัตริย์เทียนหวงจนกลายเป็นเนื้อบดแล้ว หลี่ชิเย่ได้หั่นเนื้อวัวชิ้นหนึ่งเข้าปาก ค่อยๆ เคี้ยวกลืนลงคอ
ดวงตาทั้งสองของกษัตริย์เทียนหวงที่ถูกบดขยี้จนกลายเป็นเนื้อบดเบิกกว้าง ความตั้งใจเดิมของเขาคือต้องการแก้แค้นให้กับบุตรชายของตน ไม่นึกเลยว่ากลับเป็นการพ่วงเอาชีวิตของตนเพิ่มเข้าไปด้วย
ในเวลานี้ ทั่วสถานที่จัดเลี้ยงฉลองวันเกิดเงียบสงัด ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่นิดเดียว กระทั่งไม่กล้าหายใจแรง
ในห้องจัดเลี้ยงได้ยินแต่เสียงเคี้ยวและกลืนกินอาหารอย่างช้าๆ ส่วนเสียงอื่นๆ นั้นเงียบกริบ
ความจริงแล้ว แม้แต่ตัวเผิงเย่เองในขณะนี้ขาทั้งสองข้างของเขาก็กำลังสั่นเทา เขาดูไม่ออกเลยว่าเรื่องราวเป็นเช่นใด หลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้ามีพลังขมุกขมัวเพียงแค่ไม่กี่พันลิตรเท่านั้นเอง แต่ แค่ขยับตัวแวบเดียวก็จัดการสังหารยอดฝีมือระดับสวรรค์สัจธรรมรวดเดียวถึงสองคน กระทั่งไม่เรียกว่าเป็นการขยับตัวด้วยซ้ำ เพราะว่าตั้งแต่ต้นจนจบหลี่ชิเย่ไม่ได้ขยับแม้แต่นิ้วใดนิ้วหนึ่งเสียด้วยซ้ำ
สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้จัดการกินเนื้อวัวชิ้นนั้นจนหมด เวลานี้เขาเขาได้เช็ดปากด้วยท่าทีที่สง่างาม จากนั้นลุกขึ้นยืนช้าๆ เห็นเนื้อบดสองกองบนพื้นแล้วส่ายหัวเบาๆ เอ่ยขึ้นด้วยความหดหู่ว่า “ฤกษ์งามยามดีแท้ๆ กลับถูกทำลายเสียนี่ วันนี้หากไม่ฆ่ามันสักหนึ่งหมื่นหรือแปดพันคน ยากที่จะทำให้ความโกรธภายในใจข้าสลายไปได้”
กล่าวจบ หลี่ชิเย่เดินตรงเข้าไปหาตงกงเจิ้ง ในขณะนี้ ตงกงเจิ้งตระหนกจนลงไปกองอยู่บนพื้น ตกใจจนกระทั่งปัสสาวะรดกางเกง ปรากฏกลิ่นเหม็นที่โชยเข้ามา
เมื่อตงกงเจิ้งเห็นหลี่ชิเย่เดินเข้ามาหาตน ทำเอาตกใจจนตัวสั่นไปทั้งตัว เขาอาศัยข้อศอกยันร่างกายให้ลุกขึ้น และไถตัวเคลื่อนไปด้านหลัง
หลี่ชิเย่มองดูตงกงเจิ้งที่ตกใจจนปัสสาวะรดกางเกง เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา และกล่าวว่า “พูดแบบนี้ แสดงว่าตระกูลขุนนางโบราณต้องการร่วมกับแคว้นหงส์ฟ้าฮุบเอาสมบัติของตระกูลเผิงน่ะสิ”
“ข้า ข้า ข้า เจ้า เจ้า เจ้า…” ในขณะนี้ ตงกงเจิ้งถูกทำให้ตระหนกจนฟันขบกันเป็นเสียงกึกๆ ดังออกมา คิดจะพูดคำพูดที่สมบูรณ์สักคำก็พูดไม่ออก เขากล่าวด้วยอาการสั่นเทาว่า “บรร บรร บรรพบุรุษบ้านข้าได้กลับมาแล้ว บรรพบุรุษจอมเทพกงเสินได้กลับมาแล้ว ข้า ข้า ข้า…” พูดไปครึ่งค่อนวัน ตงกงเจิ้งเอาแต่สั่นเทา แม้แต่คำพูดที่เป็นเรื่องเป็นราวก็พูดไม่ออกสักคำ
เผิงเย่ที่ได้ยินคำพูดของตงกงเจิ้งแล้วขมวดคิ้วทีหนึ่ง เขาไม่เชื่อในคำพูดของตงกงเจิ้ง เนื่องจากจอมเทพกงเสินของตระกูลขุนนางโบราณตงกงหายสาบสูญไปนานมากแล้ว ผู้คนจำนวนมากต่างคิดว่าเขาได้ตายไปแล้ว เห็นทีคงเป็นเพราะตงกงเจิ้งตกใจเกินไป จึงแต่งเรื่องสุ่มๆ ขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...