“อย่างไรเสียก็เป็นเพียงจอมราชันที่มีชะตาฟ้าเพียงสี่สายเท่านั้น” หลี่ชิเย่ถึงกับส่ายหน้าและพูดขึ้นมา เมื่อมองเห็นภาพเช่นนี้แล้ว
“ตูม ตูม ตูม” ท่ามกลางเสียงดังตูมตาม ลูกบอลขนาดยักษ์มีขนาดที่ใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้ง เดิมทีที่มันได้หมุนช้าลงนั้น เวลานี้กลับหมุนเร็วมากขึ้นๆ มันกำลังหมุนเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้ตนมากขึ้น
นี่แหละคือความน่ากลัวของไม้บรรพจารย์สิบแปดผัน มันมีพลังของต้นบรรพจารย์สามต้นอยู่ในครอบครอง ขอเพียงมันสามารถระเบิดพลังรุนแรงต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ไม่มีใครรู้ว่ามันสามารถระเบิดพลังออกมาได้จนถึงระดับไหนกันแน่
ขณะเดียวกัน จากการที่ลูกบอลได้หมุนอย่างรวดเร็ว และร่างเงาของจอมราชันถูกกดดันจนต้องถอยหลังไปทีละก้าวๆ อีกทั้งรัศมีของจอมราชันก็หมองลงเรื่อยๆ จากกาลเวลาที่ล่วงเลยผ่านไป
“ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป ร่องรอยของจอมราชันก็ต้องถูกทำลายไป” ผู้อยู่ในฐานะสมควรได้รับการเคารพยิ่งระดับสวรรค์สัจธรรมเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ถึงกับมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป และกล่าวด้วยความรู้สึกใจหายใจคว่ำ
ลูกบอลลูกนี้ทรงพลังมากเหลือเกิน ช่างวิปลิตโดยแท้ บนโลกหล้าถึงกับมีอาวุธประหลาดถึงเพียงนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่เหนือจินตนาการของผู้คน ช่างเหนือความคาดคิดมากเหลือเกิน” ผู้ที่มองเห็นภาพนี้กล่าวด้วยความรู้สึกที่สะเทือนหวั่นไหวยิ่งนัก
มันเป็นภาพที่สะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนโดยแท้ สามารถทำลายได้กระทั่งร่องรอยของจอมราชันเซียนหวัง ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าเจ้าลูกบอลลูกนี้มีขนาดใหญ่โตถึงระดับเช่นใดแล้ว
เดิมทีบรรดาศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณตงกงที่เพิ่งจะมีเพลิงแห่งความหวังที่ลุกโชนขึ้นมา พวกเขาต้องมีใบหน้าที่ซีดเผือดอีกครั้ง เหมือนหนึ่งตกลงไปในหลุมน้ำแข็งอย่างนั้น หากแม้ร่องรอยราชันสวรรค์ตงกงของพวกเขายังถูกทำลายล่ะก็ เกรงว่าตระกูลขุนนางโบราณตงกงของพวกเขาคงหนีไม่พ้นเคราะห์กรรมถูกทำลายล้างเสียแล้ว
ในเวลานี้เองมีผู้ที่พึมพำออกมาว่า “จะต้านไม่ไหวอยู่แล้ว” ในขณะนี้ทุกคนต่างมองออกว่า ร่องรอยของจอมราชันไม่สามารถต้านรับได้อีกต่อไปแล้ว หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ต้องถูกทำลายโดยสิ้นเชิงแน่นอน
“แว้งค์…” เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่ร่องรอยของจอมราชันกำลังจะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงนั้น ฉับพลัน ภายในบริเวณที่อยู่ลึกเข้าไปที่สุดของตระกูลขุนนางโบราณตงกงปรากฎประกายศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งออกมา ประกายศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวเสมือนหนึ่งเป็นกระบี่เทวะเล่มหนึ่งที่แทงทะลุเป็นสายขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง เหมือนต้องการผ่าท้องฟ้าให้แยกออกอย่างนั้น
เสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้นมา ทันใดนั้นเอง อานุภาพศักดิ์สิทธิ์ได้อาละวาดไปทั่วเมืองสวรรค์นอกอาณาจักร อานุภาพจอมเทพเหมือนดั่งน้ำหลากที่พุ่งออกมา ก่อเกิดคลื่นยักษ์ที่สาดซัดขึ้นไปบนท้องฟ้าท่วมดวงดาวนับล้านล้านดวงจนจมมิด
“ตึง ตึง ตึง” เสียงโซ่ศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นเป็นระลอก หลักกฎเกณฑ์แต่ละสายของจอมเทพพลันพุ่งขึ้นท้องฟ้าดุจดั่งน้ำตก ท่ามกลางหลักกฎเกณฑ์จอมเทพปรากฏร่างเงาที่สูงใหญ่ยากจะหาใดเทียมร่างหนึ่ง เขาก้าวเดินมาท่ามกลางรัศมีที่ปกคลุมบนตัวเขา
การก้าวเดินเข้ามาทีละก้าวๆ ของเขา เสมือนหนึ่งได้หอบเอาท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวมาด้วยอย่างนั้น มองเห็นดวงดาวแต่ละดวงที่หมุนรอบอยู่ด้านข้างซ้ายขวาของเขา คู่ดวงตาคู่นั้นของเขาข้างซ้ายกลายเป็นดวงจันทรา ข้างขวากลายเป็นดวงตะวัน ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของเขาสามารถควบคุมฟ้าดิน ยามที่เขายืนอยู่ตรงนั้น เมืองสวรรค์นอกอาณาจักรดูช่างเล็กจิ๋วขนาดนั้น เหมือนว่าเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรไม่สามารถรองรับกับน้ำหนักของเขาได้
“นี่มัน…” อานุภาพจอมเทพที่ปะทุขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนและสรรพชีวิตทั้งหมดในเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรต่างตื่นตระหนกเป็นการใหญ่ ทุกคนถูกทำให้ต้องตกใจจนตะลึง นี่เป็นการปรากฏตัวของจอมเทพองค์หนึ่ง
“จอมเทพปราศจากผู้ต่อกร…” ไม่รู้ว่าใครที่ร้องเสียงหลงออกมา และตื่นกลัวจนก้มลงกับพื้น
ในเวลานี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากของเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรต่างถูกสยบโดยอานุภาพจอมเทพที่ปราศจากผู้ต่อกรนี้ ทยอยกันหมอบลงกับพื้น กระทั่งลุกขึ้นมาไม่ไหว สร้างความหวาดหวั่นให้กับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากจนมีสีหน้าขาวซีด
“จอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวง และเป็นดวงตราสัญลักษณ์ที่ประสานเข้าด้วยกันทั้งสิบดวง!” แม้แต่ผู้ได้รับการเคารพสูงสุดระดับสวรรค์สัจธรรมก็มองดูจอมเทพที่ปรากฎตัวอย่างกะทันหันด้วยความเคารพยำเกรงายิ่งนัก
“จอมเทพเสินกง!” ยอดฝีมือระดับสวรรค์สัจธรรมที่มีพลังขมุกขมัวหกร้อยล้านลิตรถึงกับมีใบหน้าที่ขาวซีด คุกเข่าลงกับพื้นด้วยท่าทีที่เคารพยิ่ง เขาได้จดจำประวัติความเป็นมาของจอมเทพผู้นี้ได้แล้ว
“จอมเทพเสินกง…” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างตกใจจนใบหน้าขาวซีดเมื่อได้ยินชื่อนี้ ซึ่งชื่อของเขาก็คล้ายดั่งเจ้าตัวที่เปี่ยมด้วยอำนาจสูงสุดของเขา
“ท่านบรรพบุรุษ…” ในเวลานี้ ศิษย์ตระกูลขุนนางโบราณตงกงทั้งหมดล้วนแล้วแต่ก้มกราบกับพื้น สยบทั้งกายและใจ พวกเขาตื้นตันจนน้ำตานองหน้า ร้องเสียงดังออกมาว่า “พวกเรารอดแล้ว”
“จอมเทพเสินกง…” เผิงเย่เองก็ต้องผวาเมื่อได้เห็นจอมเทพผู้นี้เข้า ใบหน้าขาวซีด แม้ยอดฝีมือระดับสวรรค์สัจธรรมอย่างเขาที่มีพลังขมุกขมัวถึงแปดร้อยล้านลิตรก็ยืนไม่ติดภายใต้อานุภาพเช่นนี้ก็ยืนได้ไม่มั่นคงเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้เผิงเย่รู้สึกถึงเท้าสองข้างที่อ่อนแรงยิ่งกว่าไม่ใช่เพียงแค่อานุภาพจอมเทพ แต่เนื่องจากข่าวนี้มากะทันหันเหลือเกิน เขาไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยแม้แต่น้อย และตระกูลเผิงของพวกเขาก็ไม่ได้เตรียมใจเอาไว้เช่นกัน
จอมเทพเสินกง! คือจอมเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลขุนนางโบราณตงกง มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวง และเป็นดวงตราสัญลักษณ์ที่ประสานเข้าด้วยกันทั้งสิบดวงอยู่ในครอบครอง ภายหลัง ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบแน่ชัด จอมเทพเสินกงได้หายไปโดยปราศจากข่าวคราวใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนดั่งหายเข้าไปในดินแดนแห่งการสืบค้นที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาอย่างนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...