ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1844

ตอนที่ 1844 จอมเทพท่าซิง
จอมเทพเสินกง ซึ่งเป็นจอมเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลขุนนางโบราณตงกง ยามที่เขายืนอยู่ตรงนั้น เสมือนหนึ่งเป็นผู้กำหนดทุกอย่างเอาไว้แล้ว เขาได้กลายเป็นผู้บงการสูงสุดของเมืองสวรรค์นอกอาณาจักร กระทั่งกลายเป็นผู้บงการท้องฟ้าที่พร่างพราวด้วยดวงดาวผืนนี้

จอมเทพเสินกงที่ยืนอยู่ ณ ตรงนั้น ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไรมากมาย แต่ว่า ความรู้สึกของผู้คนมองว่า ทุกๆ ความเคลื่อนไหวของเขาล้วนแล้วแต่สามารถชักนำท้องฟ้าให้เคลื่อนไหวตาม เหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนท้องฟ้าล้วนแล้วแต่หมุนตามอยู่รอบๆ ตัวของเอย่างนั้น ไม่มีผู้ใดสงสัยว่าเพียงหนึ่งฝ่ามือของเขาสามารถทำลายเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรทั้งหมดได้

ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดในเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรต่างรู้สึกหวาดกลัวเป็นอันมากอยู่ภายในใจเมื่อได้เห็นจอมเทพเสินกง ภายใต้อานุภาพจอมเทพที่ตลบอบอวลระหว่างเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ส่งผลให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่ก้มกราบอยู่ตามถนนหนทาง และทั่วทั้งเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรกลับกลายเป็นเงียบสงัดยิ่งนัก

นาทีนี้ เหมือนหนึ่งว่าทุกสิ่งทุกอย่างทั่วทั้งเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรล้วนแล้วแต่หยุดลง แม้แต่สุริยันจันทราแลดวงดาวนอกเมืองก็หยุดลงโดยพลัน เหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่รอฟังคำสั่งของจอมเทพเสินกงผู้มีฐานะสูงสุด

“ผู้เยาว์ ทำเกินไปแล้ว” ในเวลานี้ จอมเทพเสินกงได้เปิดปากพูดออกมาแล้ว เสียงดังฟ้าร้อง บนท้องฟ้าดังก้องด้วยเสียงของเขา ทุกๆ คำพูดที่หลุดจากปากของเขาล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นหลักกฎเกณฑ์ หนักแน่นจริงจัง ปากพร่ำบ่นเป็นคาถา สยบทั่วหล้า

ท่าทีของจอมเทพเสินกงยังคงสงบนิ่งไม่ได้แสดงอาการโกรธ ต่อให้เขาไม่ได้แสดงอาการโกรธ แต่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากเมื่อได้ยินเสียงของเขาแล้วก็ต้องสั่นเทาไปทั้งร่าง เขาไม่แสดงอาการโกรธแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ

“บุญคุณความแค้นในโลกหล้ามากมายดั่งดอกเห็ด รื้อตระกูลขุนนางโบราณตงกงของข้าไปแล้วน่าจะเพียงพอแล้ว ถึงกับต้องทำลายล้างตระกูลขุนนางโบราณตงกงของพวกเราเลยรึ?” เวลานี้จอมเทพเสินกงพูดออกมาจากใจ ท้องฟ้าเบื้องบนถึงกับปรากฏบุปผาสวรรค์โปรยปรายลงมา ทุกๆ คำพูดของเขาล้วนแล้วแต่เปี่ยมด้วยพลังอำนาจสูงสุด ทุกๆ คำพูดของเขาเสมือนหนึ่งมีการตรึงเอาไว้กับผืนแผ่นดินอย่างนั้น ทำให้ผู้คนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่คุกเข่าอยู่รอบๆ บริเวณนั้นเป็นจำนวนมากมีเพียงหลี่ชิเย่เท่านั้นที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขากล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า “นับแต่อดีตกาลที่ผ่านมา การสลายกลายเป็นเถ้าธุลีก็มีมากดั่งดอกเห็ด สำนักต่างๆ ที่สลายไปท่ามกลางสายน้ำกาลเวลาเหมือนดั่งทรายที่อยู่ในแม่น้ำ นับไม่หวั่นไม่ไหว วันนี้หากไม่ใช่เจ้าทำลายล้างข้า พรุ่งนี้ก็คือข้าที่ทำลายล้างเจ้า แม้ว่าวันนี้ข้าจะไม่ทำลายล้างตระกูลขุนนางโบราณตงกงของพวกเจ้า พรุ่งนี้ตระกูลขุนนางโบราณตงกงของพวกเจ้าต้องทำลายล้างตระกูลเผิง สิ่งนี้เป็นเพียงกงล้อที่หมุนไป ข้าแค่ช่วงชิงโอกาสลงมือก่อนเท่านั้นเอง”

ในเวลานี้ ทุกคนไม่สนใจว่าหลี่ชิเย่นั้นมีประวัติความเป็นมาเช่นใดกันแน่อีกต่อไป สามารถยืนพูดเจื้อยแจ้วต่อหน้าจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวงได้ ท่าทางดูสบายๆ และตามอารมณ์ อาศัยความกล้าและจิตใจเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนเลื่อมใสทั้งกายและใจแล้ว

ต่อให้ผู้ได้รับการเคารพสูงสุดระดับสวรรค์สัจธรรมที่มีพลังขมุกขมัวกว่าพันล้านลิตร เกรงว่าเมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวงแล้วก็ต้องเข่าอ่อนทั้งสองข้าง ไม่กล้าพูดคุยเจื้อยแจ้วเช่นนี้ และไม่สามารถทำได้อย่างสบายๆ อิสระเสรี ทุกอย่างเป็นไปดั่งใจปรารถนาได้

ดังนั้น บรรดาผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสที่คุกเข่าก้มกราบอยู่ ณ เวลานี้ ต่างรู้สึกเคารพเลื่อมใสในตัวหลี่ชิเย่เป็นอันมาก ความกล้าหาญเช่นนี้นับว่ายากจะหาผู้ใดเทียมในหล้าแล้ว

“พูดเช่นนี้ เจ้าดึงดันจะออกหน้าแทนตระกูลเผิงหน่ะสิ” จอมเทพเสินกงเอ่ยขึ้นมาช้าๆ

“ก็ยังไม่ถึงขั้นออกหน้าแทนตระกูลเผิงเสียทีเดียว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวออกมาตามอารมณ์ว่า “ข้าคือเผ่าพันธุ์มนุษย์ จะช้าหรือเร็วก็ต้องรบกันอยู่แล้ว งั้นก็อุ่นเครื่องกันก่อนก็แล้วกัน”

คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของร้อยชาติพันธุ์ในเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรจำนวนมากถึงกับเย็นวาบในใจ แม้ว่านับแต่ศึกล่าราชันในครั้งนั้นแล้ว เผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่าไม่ค่อยได้ระเบิดศึกใหญ่กับร้อยชาติพันธุ์แล้ว

แต่ว่า ดูจากเรื่องราวการลอบโจมตีจินเก๋อเมื่อหลายปีก่อน ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีระดับจอมเทพเข้าร่วมศึกในครั้งนั้น ขาดแต่ระดับจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนที่เข้าร่วมโดยตรงเท่านั้น

หรือบางทีสถานการณ์ระหว่างเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่ากับร้อยชาติพันธุ์ไม่ได้ดีเหมือนอย่างที่ทุกคนจินตนาการเอาไว้ บางที ระหว่างเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่ากับร้อยชาติพันธุ์อาจจะมีการระเบิดศึกครั้งยิ่งใหญ่ยากจะหาใดเทียมเพื่อชี้ขาดอีกครั้ง!

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นให้ข้าได้ประจักษ์ฝีมือสุดยอดของเจ้าก็แล้วกัน” ในขณะนี้จอมเทพเสินกงก็ไม่พูดมากความอีกต่อไป มือข้างหนึ่งยื่นไปคว้าตัวหลี่ชิเย่

เสียง “ตูม…” ดังสนั่น ขณะที่มือข้างนี้ตบลงมานั้น มิติกาลเวลาพลันแหลกละเอียด ปรากฏเป็นหลุมดำที่น่ากลัวขึ้นมา ภายใต้หนึ่งฝ่ามือนี้ทุกอย่างล้วนแล้วแต่กลายเป็นเถ้าธุลีไปสิ้น เหมือนว่าไม่มีสิ่งใดในหล้าสามารถป้องฝ่ามือนี้เอาไว้ได้

แม้แต่ผู้ได้รับการเคารพสูงสุดระดับสวรรค์สัจธรรมที่มีพลังขมุกขมัวกว่าสามพันล้านลิตรก็ต้องตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่างเมื่อฝ่ามือนี้ซัดเข้ามา เนื่องจากหนึ่งฝ่ามือนี้สามารถทำให้ผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นเขาพลันถูกทำลายล้างในทันที สามารถสังหารยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนระดับทิพยสัจธรรมใดๆ ได้ในทันที ผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในระดับต่ำกว่าจอมเทพล้วนแล้วแต่เฉกเช่นมดปลวกภายใต้ฝ่ามือนี้ กระทั่งเทียบไม่ได้แม้แต่มดปลวกด้วยซ้ำ

มองดูฝ่ามือที่ซัดทำลายมิติกาลเวลาอย่างง่ายดายด้วยความชำนาญ ทุกคนต่างรู้สึกสั่นเทา กล่าวโดยไม่เป็นการอวดอ้างว่า หนึ่งฝ่ามือจอมเทพเสินกงนี้สามารถทำลายสิ้นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรได้ทั้งหมด

“ปัง” เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นโดยไม่ได้ดังมากมายนัก เพียงแต่เป็นเสียงของหนึ่งฝ่ามือธรรมดาๆ ที่ซัดออกไป คล้ายๆ กับการเล่นตบแปะของมนุษย์ปุถุชนธรรมดา แต่หนึ่งฝ่ามือที่ซัดออกมานั้นกลับเป็นเสียงที่ก้องอยู่ในหูของคนทุกคน

ฝ่ามือของจอมเทพเสินกงที่ซัดเข้าไปโดยตรงนั้นกลับถูกหนึ่งฝ่ามือต้านรับเอาไว้ หนึ่งฝ่ามือที่สามารถทำลายมิติกาลเวลาได้อย่างง่ายดายฝ่ามือนี้ กลับไม่ได้นำมาซึ่งความเสียหายต่อสิ่งใดๆ เลย

ทุกคนต่างรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นกระตุกทีหนึ่ง นี่มันคือหนึ่งฝ่ามือที่มาจากจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวงเลยนะ กลับถูกรับเอาไว้ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้! ทุกคนทยอยกันหันมองกลับไป

แรกทีเดียวทุกคนยังเข้าใจว่าเป็นหลี่ชิเย่ที่รับฝ่ามือนี้ของจอมเทพเสินกงเอาไว้ แต่เมื่อมองให้ชัดเจนจึงได้พบว่า หลี่ชิเย่ไม่ได้เป็นผู้รับฝ่ามือนี้เอาไว้ เป็นผู้เฒ่าคนหนึ่งที่รับฝ่ามือนี้แทน

ผู้เฒ่าผู้นี้มี่ร่างกายที่กำยำสูงใหญ่ การยืนอยู่ ณ ที่ตรงนั้นของเขาคล้ายดั่งเป็นภูเขาลูกหนึ่ง สีผมของเขาออกเป็นสีดอกเลา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น แต่ว่าโครงหน้าของเขาชัดเจนมากคล้ายดั่งใช้มีดแกะเอาอย่างนั้น ทุกๆ เส้นเค้าโครงของใบหน้าเปี่ยมด้วยพลัง โดยเฉพาะคู่ดวงตาคู่นั้นที่มั่นคงมีพลัง เหมือนว่าไม่มีสิ่งใดสามารถสั่นคลอนสายตาของเขาได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล