ขณะที่จอมเทพท่าซิงกลับดูธรรมดามาก ดูไปแล้วเสมือนหนึ่งเป็นผู้เฒ่าที่อาศัยอยู่ข้างบ้าน ไม่มีท่าทีที่สะเทือนฟ้าแต่อย่างใด ไม่มีอานุภาพที่สยบผู้คน เขายืนตัวตรงอยู่ที่ตรงนั้น เหมือนเป็นทวนเล่มหนึ่งที่ปักอยู่ตรงนั้น ร่างกายที่กำยำสูงใหญ่ของเขาดั่งภูเขาลูกหนึ่ง แค่เขายืนตามอารมณ์อย่างนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ ไม่สามารถสั่นคลอนเขาได้
“เห็นทีวันนี้การต่อสู้ระหว่างข้ากับสหายท่าซิงคงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว” จอมเทพเสินกงพูดขึ้นมาช้าๆ ทุกถ้อยคำที่เตือนด้วยความหวังดี ทำถ้อยคำหนักแน่นจริงจังเปี่ยมด้วยพลัง
“ข้าก็คิดเช่นนั้น” จอมเทพท่าซิงยิ้มนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “สหายเสินกงก็คิดที่จะได้ตาเฒ่าอย่างข้ามาทดสอบฝีมือมิใช่รึ เพื่อทดสอบเคล็ดวิชาใหม่ที่สหายเพิ่งจะบรรลุขึ้นมาใหม่”
“ดูท่าสหายท่าซิงมีข่าวคราวที่รวดเร็ว” เสียงของจอมเทพเสินกงดั่งเสียงฟ้าร้อง กล่าวว่า “เรื่องเช่นนี้สหายถึงกับรับรู้ได้รวดเร็ว ช่างเป็นผู้ที่ช่างสังเกตและวิเคราะห์ได้ดี”
“เรื่องนี้หาใช่เป็นความลับแต่อย่างใด” จอมเทพท่าซิงกล่าวด้วยท่าทีเฉยเมยว่า “ครั้งนั้นท่านเข้าไปยังพื้นที่ดึกดำบรรพ์ ไม่อยู่ในถิ่นของตัวเองอีกต่อไป และหายสาบสูญไร้ข่าวคราวนับแต่นั้นเป็นต้นมา วันนี้กลับสู่โลกปัจจุบันอีกครั้งย่อมบ่งบอกว่าสหายคงได้รับวาสนาประหลาด ได้รับดอกผลมาแน่นอน สามารถทำให้สหายกลับสู่โลกีย์มนุษย์อีกครั้งได้ สหายจะต้องได้วาสนาประหลาดมาไม่น้อย สหายคงต้องการสำแดงความสามารถออกมาให้ประจักษ์!”
บรรดาผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากันและกัน หลายคนแอบรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินคำพูดโต้ตอบระหว่างจอมเทพท่าซิงและจอมเทพเสินกง ที่แท้ การที่จอมเทพเสินกงหายสาบสูญไปนานเป็นเพราะได้พานพบเรื่องประหลาดมหัศจรรย์เข้า
เป็นที่ทราบกันดีว่า จอมเทพเสินกงคือจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวงอยู่ในความครอบครองแล้ว อีกทั้งยังเป็นดวงตราสัญลักษณ์ที่ประสานเข้าด้วยกัน ในฐานะที่เป็นจอมเทพมีอันดับ เคล็ดวิชาที่เขาคิดค้นขึ้นมา หรือของวิเศษที่เขาหลอมสร้างขึ้น คงไม่ด้อยไปกว่าของจอมราชันเซียนหวังทั่วไป!
เวลานี้ จอมเทพเสินกงกลับได้พบกับสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ สิ่งมหัศจรรย์ที่ว่าต้องมีความยอดเยี่ยมมากเท่าไร? มิฉะนั้นล่ะก็ ทั่วๆ ไปแล้วคงไม่อยู่ในสายตาของเขา! สิ่งนี้แหละที่ทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจ มันคืออะไรกันแน่นะที่คู่ควรให้จอมเทพองค์หนึ่งไต้องไปฝึกฝนอย่างหนักเช่นนี้เล่า
“เอาเถอะ บุญคุณความแค้นระหว่างพวกเราสองตระกูลสมควรจะชำระกันได้แล้ว” จอมเทพเสินกงได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ในเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรมันออกจะเล็กไปนิดหนึ่ง ภาษิตว่าไว้ว่า เสือสองตัวไม่อาจอยู่ถ้ำเดียวกันได้ การศึกระหว่างข้ากับท่าน ผู้ชนะกินเรียบ ส่วนบุญคุณความแค้นที่ผ่านมาก็ปล่อยให้มันผ่านไปก็แล้วกัน”
“ก็ดี วันนี้ก็คิดบัญชีรวมก็แล้วกัน” จอมเทพท่าซิงก็ยิ้มกล่าวว่า “ถ้าหากข้าแพ้ ทุกสิ่งทุกอย่างในตระกูลเผิงเป็นของตระกูลขุนนางโบราณตงกง”
ภายในใจของทุกคนต่างกระตุกนิดหนึ่ง เมื่อได้ยินคำกล่าวของจอมเทพสององค์ นี่เป็นการเดิมพันที่สูงมาก ทั้งสองฝ่ายต่างเดิมพันด้วยทรัพย์สินของสองตระกูลที่มีมาหลายแสนปี!
แน่นอน กล่าวสำหรับจอมเทพเช่นพวกเขานั้น ทรัพย์สินของตระกูลไม่นับเป็นอะไร ทั้งสองฝ่ายต้องการตัดสินใครแพ้ใครชนะเท่านั้น ต่างฝ่ายต่างเหมือนเห็นสิ่งที่ชอบแล้วคันไม้คันมืออยากลอง!”
ทุกคนไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดคิด ศึกครั้งนี้ยังไรเสียก็ต้องเกิด เพียงแต่ช้าหรือเร็วเท่านั้น
ภาษิตว่าไว้ดีมาก เสือสองตัวไม่อาจอยู่ถ้ำเดียวกันได้ ตระกูลเผิงก็ดี ตระกูลขุนนางโบราณตงกงก็ช่าง ทั้งสองฝ่ายต่างก็เสื่อมถอยลง ท่ามกลางเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรนี้ หากทั้งสองฝ่ายต้องการผงาดขึ้นมาอีกครั้ง จะต้องเกิดศึกขึ้นแน่ เวลานี้จอมเทพของทั้งสองฝ่ายต่างปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว ย่อมมีทีท่าจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นมา การประลองระหว่างกันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลเผิงเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ตระกูลขุนนางโบราณตงกงเป็นเผ่าสวรรค์ หากทั้งสองฝ่ายต้องการมีความเจริญรุ่งเรืองในเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรล่ะก็ ความขัดแย้งระหว่างกันยิ่งยากที่จะรอมชอมกันได้
ยิ่งไปกว่านั้น หลายปีก่อนจอมเทพท่าซิงได้สังหารจอมเทพกงเฉิงของตระกูลขุนนางโบราณตงกงกับมือ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แค้นยิ่งใหญ่นี้เกรงว่าตระกูลขุนนางโบราณตงกงไม่สามารถลืมเลือนได้ตลอดกาล สิ่งนี้ไม่เพียงแค้นของตระกูลเท่านั้น ยังเป็นแค้นของเผ่าพันธุ์อีกด้วย ทั้งสองฝ่ายอยู่ในระดับที่ไม่อาจทำใจให้สงบแล้วจับมือเลิกราต่อกันได้อีกแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ของจอมเทพเสินกง หรือศิษย์ของตระกูลเผิงต่างรู้สึกหัวใจที่เต้นกระตุกทีหนึ่ง เมื่อได้ยินคำพูดบรรพบุรุษของตน กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วไม่รู้ว่าควรจะตกใจหรือดีใจกันแน่
สงครามในครั้งนี้จะเป็นตัวตัดสินถึงอนาคตของพวกเขา ถ้าหากบรรพบุรุษของตนเป็นฝ่ายชนะ ย่อมเป็นการต้อนรับการผงาดขึ้นมา กระทั่งสามารถเป็นหนึ่งในเมืองสวรรค์นอกอาณาจักร แต่หากว่าบรพพบุรุษของตนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ พวกเขาจะไม่เหลืออะไรอีกเลย จะไม่มีที่ยืนในเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรสำหรับพวกเขา
ในเวลานี้ ศิษย์ทั้งสองฝ่ายต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ และแอบอธิฐานภายในใจ ขอให้บรรพบุรุษของตนสามารถเอาชนะในศึกสงครามครั้งนี้ได้
ความรู้สึกในลักษณะเช่นนี้ ทำให้ศิษย์ทั้งสองฝ่ายทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ
“สหาย พวกเราไปต่อสู้กันบนอวกาศเถอะ” หลังจากที่มีการตกลงกันแล้ว จอมเทพเสินกงเอ่ยขึ้นมาช้าๆ พลันที่กล่าวขาดคำ เหินฟ้าขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที
“ก็ดี บนอวกาศสงบดี แม้ไม่ทันระวังทำให้สิ่งต่างๆ เกิดความเสียหายก็คือบาปกรรมเสียแล้วหละ” จอมเทพท่าซิงถึงกับหัวเราะ และก้าวเท้าก้าวเดียวขึ้นไปบนอวกาศที่ไกลโพ้น
จอมเทพทั้งสองกำลังจะระเบิดศึกแห่งความเป็นความตายขึ้น แต่ทั้งคู่ยังคงสุภาพต่อกันยิ่งนัก ไม่มีฝ่ายไหนที่แสดงอาการโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทั้งสองฝ่ายต่างเป็นคนใจกว้าง การพูดการจาระหว่างกันก็สุภาพ เหมือนหนึ่งเป็นสหายเก่าที่ไม่ได้พบหน้ากันมาหลายปีอย่างนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...