พลันลงมือก็กลับกลายเป็นหยินหยาง ตัดขาดการเวียนว่ายตายเกิด ทำให้ผู้พบเห็นต่างรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก และมีเพียงระดับจอมเทพมีอันดับเท่านั้นจึงมีความสามารถเช่นนี้ได้ การโจมตีลักษณะนี้เพียงครั้งเดียวสามารถทำลายล้างแคว้นเจ้าลัทธิใดลัทธิหนึ่งได้ทันที และสามารถยิงจนพื้นดินทะลุ นี่แหละจึงเป็นการเข่นฆ่าที่สยองขวัญยิ่งนัก
“เปิด…” เมื่อจอมเทพท่าซิงต้องเผชิญกับลำแสงหยินหยางที่ยิงเข้ามาก็ไม่ได้หลบเลี่ยงไปไหน เขาคำรามเสียงยาวออกมา มือข้างหนึ่งทำท่าคว้าและบิดออกไป ถึงกับนำเอาทางช้างเผือกสายหนึ่งมาขดเข้าหากัน กลายเป็นโล่ขนาดยักษ์ขวางอยู่ด้านหน้าของตนโดยพลัน
ทางช้างเผือกสายหนึ่งที่มีความยาวพาดผ่านท้องฟ้าที่คลาคล่ำไปด้วยดวงดาวนับหนึ่งหมื่นล้านล้านล้านล้านลี้ อาศัยเพียงมือข้างเดียวก็สามารถนำมาขดให้กลายเป็นโล่ยักษ์ได้ มันช่างเป็นเรื่องที่น่าสยองขวัญเหลือเกิน
“ตูม ตูม ตูม…” ลำแสงหยินหยางอาศัยท่วงท่าที่ยากจะหาผู้ใดเทียมยิงใส่โล่ขนาดยักษ์นั่น ในเวลานี้เสียงยิงถล่มดังก้องไปทั่วอวกาศที่คล่าคล่ำด้วยดวงดาวนั่น พลังเสียงอันน่ากลัวที่ดังออกมาสามารถทำลายอุกาบาต และดวงดาวที่อยู่รอบๆ รัศมีสิบล้านลี้จนแตกละเอียดไป เป็นอานุภาพทำลายที่สามารถทำลายล้างฟ้าดินได้
ท่ามกลางเสียงดังตูมตามที่ดังขึ้นมาเป็นระลอก มองเห็นสะเก็ดของดวงดาวที่ปลิวกระจายไปทั่วภายใต้การโจมตีของลำแสงหยินหยาง ทำให้โล่ยักษ์ที่ถูกขดมาจากทางช้างเผือกถูกยิงจนแหลกลาญ ทางช้างเผือกสายนี้มีดวงดาวในนั้นเป็นพันเป็นหมื่น ภายใต้การยิงของลำแสงหยินหยางที่ดั่งพลังไฟฟ้า ทำให้ดวงดาวแต่ละดวงถูกยินจนแหลกเป็นผุยผง
มองดูเศษของดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนที่แตกกระจาย ภาพนั้นช่างอลังการยิ่ง เป็นที่สะเทือนหวั่นไหวยิ่งนัก เสมือนหนึ่งเป็นจักรวาลขนาดยักษ์ที่พวยพุ่งเอาเศษสะเก็ดของดวงดาวไปในอวกาศที่คล่าคล่ำด้วยดวงดาว ต่อให้เป็นเพียงเศษเสี้ยวนิดเดียวของสะเก็ดดวงดาวเหล่านั้นก็สามารถท่วมพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งจนมิด ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่ามันอลังการและน่าสะเทือนหวั่นไหวเพียงใดแล้ว
มองดูโล่ขนาดยักษ์ที่นำเอาทางช้างเผือกมาขดเข้าด้วยกันถูกพลังไฟฟ้าที่น่ากลัวยิงจนทะลุ จอมเทพท่าซิงคำรามเสียงยาวออกมา ขว้างโล่ขนาดยักษ์ในมือออกไป เสียงดัง “ตูม” โล่ยักษ์พุ่งกระแทกแหวกอากาศทะลุผ่านหลุมดำโดยพลัน แล้วไปปรากฏอยู่ด้านหน้าจอมเทพเสินกง และลอยเข้าไปฟาดใส่ศีรษะของจอมเทพเสินกงอย่างแรง
การโจมตีในลักษณะเช่นนี้สามารถทำลายโลกๆ หนึ่งได้ ต่อให้ยอดฝีมือระดับสวรรค์สัจธรรมมากกว่านี้ก็ไม่สามารถรับมือกับการโจมตีเช่นนี้ได้
นี่แหละคือช่วงห่างระหว่างระดับสวรรค์สัจธรรมกับจอมเทพ เมื่อทั้งสองฝ่ายห่างกันจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็จะไม่สามารถก้าวข้ามช่วงห่างนี้ไปได้อีกแล้ว โดยที่ช่วงห่างลักษณะเช่นนี้ไม่สามารถนำเอาจำนวนคนมาชดเชยทดแทนกันได้
“ตูม ตูม ตูม…” เสียงยิงถล่มดังขึ้นเป็นระลอก จอมเทพเสินกงไม่หวั่นไหวต่อโล่ขนาดยักษ์ที่พุ่งเข้ามา ประกายตาทั้งสองเจิดจ้ามากขึ้นกว่าเดิม เสมือนหนึ่งการระเบิดตัวของดวงตะวันเป็นสิบล้านดวง พลังงานไฟฟ้าหยินหยางพลันยิงสวนออกไป ในชั่วพริบตาเดียวกันนั้นถึงกับระเบิดโล่ยักษ์นั้นจนกลายเป็นจุณไป
“รับมือข้าหนึ่งกระบวนท่า” จอมเทพท่าซิงคำรามเสียงยาวออกไป พลันลงมือด้วยเจ็ดดวงดาว ยันต์เจ็ดดวงดาวลอยล่อง บทคัมภีร์คลุมฟ้าดินดั่งม่านแห เข้าโจมตีต่อจอมเทพเสินกงทันที
“มาได้เหมาะเจาะ” เมื่อจอมเทพเสินกงเผชิญกับการโจมตีสังหารของจอมเทพท่าซิง ได้ร้องคำรามเสียงยาวเช่นกัน มือทั้งสองสำแดงท่ามุทราเป็นมังกร กางนิ้วสิบนิ้วออกมา “กรรร…” เสียงมังกรคำรามดังไม่ขาดสาย มังกรแท้จริงสิบตัวโผออกจากถ้ำ โจมตีใส่เจ็ดดาวของจอมเทพท่าซิง
เสียง “ปัง ปัง ปัง” ดังสนั่น มองเห็นมังกรเจ็ดตัวเข้าโจมตีเจ็ดดาว ส่วนมังกรแท้จริงอีกสามตัวคำรามเสียงยาว แยกเขี้ยวกางเล็บพุ่งเข้าโจมตีจอมเทพท่าซิง กรงเล็บมังกรแท้จริงสามารถฉีกทางช้างเผือกสายหนึ่งได้ในพริบตาเดียว
“ไสหัวไป…” เมื่อจอมเทพท่าซิงต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของมังกรแท้จริงสามตัว เขาคำรามเสียงดังออกมา “ตูม” บังเกิดเสียงดังสนั่น นาทีนี้เขาได้ลงมือจริงจังแล้ว ดวงตราสัญลักษณ์เก้าดวงปะทุขึ้นไป ปรากฏดวงดาวดึกดำบรรพ์เก้าดวงอยู่บนท้องฟ้า ดวงดาวทุกดวงแทนสุดยอดสัจธรรมสูงสุดหนึ่งสาย ดวงดาวทั้งเก้าดวงต่างเสริมส่งกันและกัน เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เสมือนหนึ่งเป็นดาวซือโต่วที่แขวนอยู่บนท้องฟ้าที่สูงเด่น
ดวงตราสัญลักษณ์เก้าดวง ทั้งเก้าดวงประสานเข้าด้วยกัน นี่แหละคือกำลังที่แท้จริงของจอมเทพท่าซิง
“ปัง ปัง ปัง” ฉับพลันที่ดวงตราสัญลักษณ์เก้าดวงปรากฏขึ้นมา จอมเทพท่าซิงพลันสังหารมังกรแท้จริงเก้าตัวในทันที และจอมเทพท่าซิงพกพาพลังดวงตราสัญลักษณ์เก้าด้วงบุกเข้าโจมตีจอมเทพเสินกง
อานุภาพรุนแรงเหลือเกิน พลันทำลายหลักกฎเกณฑ์ ทำลายมิติกาลเวลา และเข้าถึงตัวจอมเทพเสินกงในทันที ด้วยอานุภาพเช่นนี้สามารถทำลายโลกๆ หนึ่งได้อย่างง่ายดาย!
“ทำลาย…” จอมเทพเสินกงไม่ได้หวั่นเกรงต่อการโจมตีสังหารลักษณะเช่นนี้ ร้องคำรามเสียงยาว ปรากฏเสียงดัง “ตูม” ที่สั่นคลอนต่อโลกหล้า ดวงตราสัญลักษณ์สิบดวงปะทุขึ้นสู่เบื้องบน ดวงตราสัญลักษณ์ทั้งสิบมีทั้งงูเจียวเสอ มีต้นไม้ดึกดำบรรพ์ มีสุริยันจันทรา…
ต้นไม้ดึกดำบรรพ์ทีสูงเสียดฟ้า งูเจียวเสอที่พันเกี่ยวอยู่บนกิ่งไม้ สุริยันจันทราที่ปรากฎหมุนเวียนอยู่ตรงนั้น…นี่คือดวงตราสัญลักษณ์ของทั้งสิบของจอมเทพเสินกง อีกทั้งดวงตราสัญลักษณ์ประสานเข้าด้วยกัน ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ต่างเสริมส่งซึ่งกันและกัน เหมือนหนึ่งเป็นโลกๆ หนึ่งของตน
“ปัง ปัง ปัง…” ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ทั้งจอมเทพเสินกงและจอมเทพท่าซิงต่างแลกหมัดซึ่งหน้าไปหลายร้อยกระบวนท่า ทั้งคู่ลงมือได้รวดเร็วเหลือเกิน แม้แต่ผู้ได้รับการเคารพสูงสุดระดับสวรรค์สัจธรรมก็ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เสียง “ปัง…” จากการโจมตีครั้งสุดท้ายที่ดังขึ้น ทั้งสองฝ่ายได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นเถ้าธุลี ในเวลานี้เอง บริเวณอวกาศที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวที่ที่พวกเขายืนอยู่กลับกลายเป็นว่างเปล่า ไม่ว่าจะเป็นวันเวลาหรือช่องว่าง ล้วนแล้วแต่ถูกบดขยี้จนแหลกลาญไป
หลังจากการโจมตีนี้แล้ว จอมเทพท่าซิงก้าวถอยหลังตึงตึงตึงไปหลายก้าว ขณะที่จอมเทพเสินกงเพียงแค่หัวไหล่สั่นไหวทีหนึ่งเท่านั้น
ย่อมไม่เป็นที่กังขา การต่อสู้กันอย่างดุเดือดทั้งสองฝ่าย จอมเทพท่าซิงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ขณะที่จอมเทพเสินกงเป็นผู้ได้เปรียบ จะอย่างไรเสียต่างก็เป็นดวงตราสัญลักษณ์ที่ประสานเข้าด้วยกัน จอมเทพเสินกงมีสิบดวงตราสัญลักษณ์ในครองครอง ขณะที่จอมเทพท่าซิงมีเก้าดวงตราสัญลักษณ์ในครอบครอง ต่างกันหนึ่งดวงตราสัญลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นพลังการเข้าถึงตัวตนอันแท้จริง หรือว่าพลังของโลกยุคดึกดำบรรพ์ และหรือพลังขมุกขมัว จอมเทพท่าซิงล้วนแล้วแต่เทียบไม่ได้กับจอมเทพเสินกง
ระดับผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสถึงกับพึมพำออกมาว่า “สิบดวงตราสัญลักษณ์ย่อมเป็นสิบดวงตราสัญลักษณ์” หลังจากได้มองเห็นภาพนี้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...