การต่อสู้ชี้ขาดระหว่างจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์เก้าดวง กับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวง มันเปี่ยมด้วยความเป็นตำนาน ตื่นเต้นเร้าใจยอดเยี่ยมที่สุด พวกเขาต่างก็เป็นผู้ที่มีดวงตราสัญลักษณ์ที่ประสานเข้าด้วยกัน อีกทั้งมีพลังที่ไม่ได้แตกต่างกันมากเป็นพิเศษ การต่อสู้ชี้ขาดระดับจอมเทพลักษณะเช่นนี้หาชมได้ไม่ง่ายอย่างแน่นอน
กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนมากแล้ว สงครามระหว่างจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนยากจะได้เห็น จะอย่างไรเสียจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนง่ายต่อการถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ พวกเขาที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นนี้จึงไม่ลงมือง่ายดาย
เฉกเช่นการต่อสู้ชี้ขาดระหว่างจอมเทพที่มีอันดับสามารถชดเชยในจุดนี้ได้ ศึกสงครามระหว่างจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนนั้นเรียกว่ายากจะได้เห็นในรอบหมื่นปีที่เดียว ขณะที่จอมเทพจะต่างกัน มีเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เนื่องเพราะมีการศึกระหว่างจอมเทพนี้เอง ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากของสิบสามทวีปได้มองเห็นว่าอะไรที่เรียกว่าปราศจากผู้ต่อกรที่แท้จริง นี่ก็เป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ให้กับพวกเขา สามารถปูเป็นพื้นฐานให้กับเส้นทางสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่จะก้าวเดินบนเส้นทางสู่ระดับจอมเทพ
การต่อสู้ชี้ขาดของจอมเทพระดับล่างไม่น่าตื่นเต้นพอ แต่กับประเภทจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์เก้าดวง และหรือสิบดวง พวกเขาคือจอมเทพที่เข้าใกล้จอมเทพระดับสูงสุดแล้ว การต่อสู้เพื่อชี้ขาดของพวกเขาไม่แพ้ระดับจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนแล้ว ท่วงท่าของพวกเขา สัจธรรมของพวกเขา ความลึกซึ้งพิสดารของพวกเขา…ล้วนแล้วแต่เพียงพอให้ผู้ที่โชคดีได้เห็นการต่อสู้ได้รับประโยชน์ไม่น้อยทีเดียว
ศึกสงครามระดับเช่นนี้ สร้างความแตกตื่นให้กับจอมเทพระดับล่างบางส่วน เป็นต้นว่าจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์เพียงหนึ่งถึงสองดวง หรือสามถึงสี่ดวง กระทั่งมีจอมเทพบางส่วนอดที่จะกลับคืนสู่โลกปัจจุบันเพื่อจะได้เห็นการต่อสู้พิฆาตในครั้งนี้ด้วยสายตาของตนเอง
“การอุ่นเครื่องได้สิ้นสุดลงแล้ว ได้เวลาที่พวกเราจะต่อสู้กันจริงจังเสียทีแล้วหละ” ในขณะนี้ จอมเทพท่าซิงทำท่ายืดเส้นยืดสายทีหนึ่ง กล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดังออกมา
“ตกลง ไม่ตายไม่เลิก!” จอมเทพเสินกงก็หาได้หวาดหวั่นแม้แต่น้อย คำรามเสียงยาวออกมาด้วยท่าทีที่พลุ่งพล่านรุนแรง
เมื่อครู่ทั้งสองฝ่ายเพียงแค่อุ่นเครื่องเท่านั้นเอง ทั้งสองคนต่างอาศัยกระบวนท่ามาต่อสู้กันเท่านั้นไม่ได้อาศัยอาวุธ ตัดสินแพ้ชนะด้วยฝ่ามือเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายต่างถือเป็นการหยั่งเชิงกำลังของฝ่ายตรงข้าม ดังนั้น จึงอาศัยกำลังของตนเข้าต่อสู้กันโดยไม่อาศัยกำลังจากภายนอก
ผู้ที่โชคดีได้ยลการต่อสู้ในครั้งนี้ต่างรู้สึกเย็นวาบภายในใจเมื่อได้ยินคำพูดระหว่างจอมเทพเสินกง กับจอมเทพท่าซิง ขนาดแค่อุ่นเครื่องเท่านั้นยังสร้างความสยองได้เพียงนี้ ถ้าหากทั้งสองฝ่ายต่างอาศัยท่าไม้ตายจริงๆ อย่าว่าแต่ผู้ได้รับการเคารพสูงสุดระดับสวรรค์สัจธรรมเลย เกรงว่าแม้แต่จอมเทพระดับล่างก็รับได้ไม่กี่กระบวนท่า และจะต้องถูกจอมเทพระดับสูงเช่นพวกเขาสังหารภายในระยะเวลาอันสั้น
“ฆ่า…” พริบตาเดียวนี้เอง จอมเทพท่าซิงได้กระโดดขึ้น แม้ว่าจะอยู่ห่างกันหลายช่วงท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว แต่การกระโดดเพียงครั้งเดียวก็ไปปรากฎอยู่บนท้องฟ้าเหนือศีรษะของจอมเทพเสินกงแล้ว
“ตึง…” ฉับพลันนั้น จอมเทพท่าซิงได้สวมชุดตัวอ่อนบนตัว สวมเสื้อเกราะดาว ขี่ม้าบินจากกลุ่มดาวเพกาซัส น้าวธนูดาว มีอาวุธสองชิ้นเสียบอยู่ด้านหลังซ้ายขวา ชุดตัวอ่อนเปล่งรัศมีดาวสีแสดออกมา
“ปุ…” ประกายดาวมัดหนึ่งได้กลับกลายเป็นธนู เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ยิงเข้าไปใกล้หน้าอกของจอมเทพเสินกง
ความเร็วชั่วพริบตาเดียวนี้รวดเร็วเหลือเกิน เร็วจนไม่มีสิ่งใดสามารถเทียบเคียงได้ ต่อให้เป็นจอมเทพเสินกงในฐานะจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวงก็รู้สึกได้ว่าความเร็วนี้เร็วจนสุดจะเทียบเทียมได้
“ปัง” เสี้ยวหนึ่งแห่งความเป็นความตาย จอมเทพเสินกงพลิกนิดหนึ่ง ปรากฏโล่ขนาดยักษ์ชั้นคุณภาพสวรรค์ตราตั้งก็ได้ขวางอยู่ด้านหน้าของหน้าอก นี่เป็นศาสตราวุธเต๋าระดับจอมเทพสิบดวงตราสัญลักษณ์ ทั้งยังอยู่ในชั้นคุณภาพสวรรค์ตราตั้ง ซึ่งศาสตราวุธเต๋าเช่นนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าศาสตราวุธเต๋าจอมราชันส่วนใหญ่
“ปัง” ต่อให้เป็นโล่ขนาดยักษ์ชั้นคุณภาพสวรรค์ตราตั้งของระดับจอมเทพสิบดวงตราสัญลักษณ์ก็ต้านธนูดอกนี้เอาไว้ไม่ได้ถูกยิงจนทะลุโดยพลัน ขณะที่จอมเทพเสินกงถูกหลังที่ยังเหลืออยู่กระแทกจนตัวลอยออกไป
“ตูม ตูม ตูม…” จังหวะที่จอมเทพเสินกงถูกพลังที่หลงเหลืออยู่กระแทกออกไปนั้น จอมเทพเสินกงได้เสกเอาอาวุธที่ทรงพลังปราศจากผู้ต่อกรแต่ละชิ้นออกมา โดยที่อาวุธทรงพลังปราศจากผู้ต่อกรแต่ละชิ้นได้ก่อเกิดเป็นกำแพงศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ด้านหนึ่งขึ้นมาอยู่ตรงด้านหน้าของเขา
“แว้งค์…” พริบตาเดียวนี้เอง ธนูดาวของจอมเทพท่าซิงได้รวบรวมพลังนับล้านล้านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและยิงออกไป ได้ยินเสียงดัง “ปัง” ต่อให้เป็นกำแพงศักดิ์สิทธิ์ที่ประกอบขึ้นมาจากอาวุธทรงพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรแต่ละชิ้นก็ถูกยิงจนทะลุไปทันที โดยแรงกระแทกของธนูดาวได้ทำลายกำแพงศักดิ์สิทธิ์ลงทั้งด้าน ขณะที่จอมเทพเสินกงก็ถูกพลังที่น่ากลัวกระแทกจนปลิวออกไปผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวแต่ละผืน และกระอักเลือดออกมา
คราวนี้ เป็นจอมเทพท่าซิงที่ได้เปรียบโดยพลัน เพียงแค่เวลาสั้นๆ อาศัยสองสามกระบวนท่าก็ชี้ผลแพ้ชนะออกมา เรียกได้ว่าทุกๆ กระบวนท่าล้วนแล้วแต่ถึงตายได้ เรียกได้ว่าสามารถชี้ขาดได้ภายในกระบวนท่าเดียว
“ชุดตัวอ่อนม้าบินเหยียบดาว!” จอมเทพเสินกงที่ถูกกระแทกจนปลิวออกไปไกลหลายแผ่นฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวถึงกับชมด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความรู้สึกที่ประทับใจ
ในเวลานี้ ชุดตัวอ่อนของจอมเทพท่าซิงคือชุดตัวอ่อนที่มีตัวอ่อนหกชิ้น ชั้นคุณภาพแสดสามัญ ชุดตัวอ่อนชุดนี้จะประกอบด้วยคันธนูและลูกธนูอย่างละหนึ่ง ม้าบินหนึ่งตัว ชุดเสื้อเกราะดาวหนึ่งชุด ด้านหลังจะมีอาวุธคู่หนึ่งด้านซ้ายขวา
ชุดตัวอ่อนที่มีตัวอ่อนหกชิ้นชั้นคุณภาพแสดสามัญและเป็นประเภทพลังถูกสร้างขึ้นภายหลังชุดนี้ ไม่ถือเป็นชุดที่พบเห็นได้ยากนัก
แต่ว่า ชุดตัวอ่อนชุดนี้ถือเป็นชุดหลักของจอมเทพท่าซิง มันถูกสร้างขึ้นโดยสัจธรรมและเคล็ดวิชาทั้งหมดของเขา ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านของเคล็ดวิชา ด้านสัจธรรม ด้านกระบวนท่าล้วนแล้วแต่ เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับชุดนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...