เนื่องจากเรือนิรันดรคือเรือเพียงหนึ่งเดียวในท่าเรือและสนามบินที่เดินทางไปยังไกลกันดาร เส้นทางของมันเรียกได้ว่าได้แล่นไปตลอดเส้นทางที่เป็นที่รู้จักกันของแดนแห่งการสืบค้น ณ เวลานี้ มันไม่เพียงแล่นไปถึงไกลกันดารที่เป็นจุดสุดท้าย ขณะเดียวกัน มันยังได้แล่นผ่านแหลมเฮ่าว่าง และเมืองตี้ฮว่าเป็นต้น ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับความนิยมสูงในการมาผจญภัย ณ แดนแห่งการสืบค้น ดังนั้น ขอเพียงเป็นผู้บำเพ็ญตนที่มีฐานะล้วนแล้วแต่นิยมโดยสารไปกับเรือนิรันดร
นอกเหนือจากเรื่องของเส้นทางการเดินเรือแล้ว เรือนิรันดรได้ชื่อว่าเป็นเรือที่มีความปลอดภัยมากที่สุดของเส้นทางการเดินเรือสายนี้ เรือนิรันดรได้ชื่อว่าผ่านการสร้างและปลุกเสกโดยจอมราชันเซียนหวัง และเทพโบราณ และเป็นความจริงที่มันไม่ได้แอบอ้าง เนื่องจากเรือนิรันดรถูกสร้างขึ้นมาด้วยมือของจอมราชันเซียนหวัง และเทพโบราณจริงๆ ลำเรือทั้งลำของเรือนิรันดรขึ้นชื่อว่าสามารถรองรับการโจมตีระดับจอมราชันเซียนหวังได้
ด้วยเหตุนี้เอง เรือนิรันดรจึงได้กลายเป็นเรือลำที่มีความปลอดภัยมั่นคงแข็งแรงที่สุดสำหรับเส้นทางเดินเรือสายนี้
อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีผู้ใดคิดร้ายต่อเรือนิรันดร ในแดนแห่งการสืบค้นมีโจรผู้ร้ายที่คอยดักปล้นบรรดาผู้บำเพ็ญตนที่มาผจญภัย แต่ ไม่เคยมีใครกล้าคิดร้ายต่อเรือนิรันดร
เล่าลือกันว่า เบื้องหลังของเรือนิรันดรมีจอมราชันเซียนหวังหลายคนคอยให้การสนับสนุนอยู่ และเรือนิรันดรลำนี้มีจอมราชันเซียนหวังหลายคนเป็นเจ้าของร่วม และเคยถูกจอมราชันเซียนหวังนำมาใช้โดยสารไปมาในแดนแห่งการสืบค้นแห่งนี้มาก่อน
จากการที่เรือนิรันดรมีจอมราชันเซียนหวัง และเทพโบราณหลายคนให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังนี่เอง ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าคิดร้ายต่อเรือนิรันดร
กัปตันเรือของเรือนิรันดรเคยพูดด้วยบุคลิกลักษณะอันห้าวหาญให้การรับประกันต่อผู้โดยสารทุกคนว่า ขอเพียงผู้โดยสารนั่งอยู่บนเรือนิรันดร โดยไม่ได้ออกไปจากตัวเรือนิรันดร พวกเขากล้ารับประกันว่าสามารถนำพาบุคคลผู้นั้นเข้าไปยังแดนแห่งการสืบค้น จากนั้นก็ส่งกลับไปยังที่เดิมได้อย่างปลอดภัยไม่มีบุบสลายแม้แต่น้อยอย่างแน่นอน
สืบเนื่องจากความปลอดภัยที่มีของเรือนิรันดร จึงทำให้ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากถือเอาเรือนิรันดรเป็นเรือท่องเที่ยวชมวิว พวกเขาไม่ได้มาเพื่อผจญภัย เพียงแค่นั่งอยู่บนเรือนิรันดรเที่ยวชมวิวของแดนแห่งการสืบค้นเท่านั้น
“ลาก่อน…” ขณะที่เรือนิรันดรเริ่มออกเดินทาง ผู้คนจำนวนมากทยอยกันโบกมืออำลาญาติพี่น้องเพื่อนฝูงที่มาส่ง
บรรดาญาติพี่น้องเพื่อนฝูงที่มาส่งยังคงยืนอยู่ที่ท่าเรือและสนามบิน มองดูเงาหลังเรือนิรันดรที่จากไปไกล ยังคงโบกมือไม่หยุด เนื่องจากเมื่อไหร่ที่เหยียบย่างเข้าไปในแดนแห่งการสืบค้นเพื่อผจญภัยล่ะก็ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจรู้ได้ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครกล้าบอกว่าตัวเองจะได้รอดกลับมาอีกหรือไม่ จะอย่างไรเสียสถานที่แห่งนี้กระทั่งจอมราชันเซียนหวังยังมีโอกาสร่วงหล่นลงมาได้ ไม่แน่นักนี่อาจะเป็นการอำลาครั้งสุดท้ายระหว่างพวกเขากับบรรดาญาติมิตรก็เป็นได้
ถึงแม้จะมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยไม่อยากลาจากญาติมิตรของตน แต่ว่าพวกเขายังคงตัดสินใจก้าวสู่เส้นทางของแดนแห่งการสืบค้นอย่างเด็ดเดี่ยว จะอย่างไรเสียกล่าวสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากแล้ว แดนแห่งการสืบค้นเปี่ยมไปด้วยความเย้ายวนใจมากมายเหลือเกิน
แม้ว้าเรือนิรันดรจะมีขนาดใหญ่โตมโหฬารยิ่งนัก มันเสมือนหนึ่งเป็นผืนแผ่นดินที่มีขนาดใหญ่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว แต่ว่า ความเร็วในการเคลื่อนที่ของมันน่ากลัวยิ่งนัก ซึ่งเป็นดั่งที่เรือนิรันดรเรียกตัวเองว่าพวกเขาเดินทางด้วยความเร็วระดับจอมราชันเซียนหวัง
แน่นอน ในด้านความหมายที่เข้มงวดจริงๆ แล้ว เรือนิรันดรยังมีความเร็วที่ห่างชั้นกับความเร็วของจอมราชันเซียนหวังอยู่มากทีเดียว แต่สามารถกล่าวได้ว่ามันคือเรือที่แล่นได้เร็วที่สุดบนเส้นทางเดินเรือสายนี้แล้ว
ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งวัน เรือนิรันดรก็ได้เริ่มต้นเข้าสู่เขตของแดนแห่งการสืบค้นแล้ว
“ผู้โดยสารทุกท่านโปรดทราบ พวกเราได้เข้าสู่แดนแห่งการสืบค้นแล้ว ขอทุกคนต่างเตรียมตัวให้พร้อม หากผู้ใดรู้สึกไม่สบายโปรดอย่าได้เดินลมปราณผ่อนพลังขมุกขมัวเข้าออก แม้ว่าเรือนิรันดรของเราจะได้ทำการหลอมกลั่นพลังขมุกขมัวที่ลอยเข้ามาภายในลำเรือ แต่ไม่กล้ารับประกันว่าจะเป็นพลังขมุกขมัวที่เหมาะแก่การฝึกเต็มร้อย หากยังคงมีผู้ใดดึงดันจะทำการฝึกต่อไป หากปรากฎมีธาตุไฟเข้าแทรกต่างๆ เกิดขึ้น ทางเรือนิรันดรของเราจะไม่รับผิดชอบ” ทันทีที่เรือนิรันดรแล่นเข้าไปในเขตของแดนแห่งการสืบค้น ลูกจ้างที่อยู่ภายในเรือนิรันดรก็ได้ประกาศเตือนผู้โดยสารทุกคน
“ดูนั่นสิ แดนแห่งการสืบค้นอยู่ตรงหน้าเอง!” ผู้บำเพ็ญตนที่เพิ่งจะได้มาแดนแห่งการสืบค้นเป็นครั้งแรกดูจะดีใจมากเป็นพิเศษ วิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าเรืออย่างรวดเร็ว ยืนอยู่บริเวณกาบเรือมองดูแดนแห่งการสืบค้นจากระยะห่างไกล
มองไปข้างหน้าเห็นเป็นหมอกหนาทึบ ท่ามกลางหมอกนี้ยากจะมองเห็นประกายจากดวงดาวแล้วในขณะนี้ ต่อให้บนท้องฟ้ามีดวงดาวอยู่ก็ดูจะอับแสงไร้ประกายเสียแล้ว
ท่ามกลางหมอกหนาทึบสามารถมองเห็นสภาพของแสงสีมากหมายหลายหลากที่พิลึกกึกกือ เมื่อมองจากระยะห่างไกลเหมือนมีสิ่งบางสิ่งที่คล้ายก้อนเมฆตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น มันเหมือนมีสภาพอยู่ท่ามกลางระหว่างความจริงกับมายา ที่ตรงนั้นก็มีดินสีดำอยู่ ขนาดของมันกว้างใหญ่ไพศาลยิ่ง แต่ดินสีดำนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นหุบเหวลึกอย่างนั้น เหมือนว่าหากเหยียบลงบนดินสีดำจะทำให้คนถูกดูดลงไปทันที และตกลงไปยังหุบเหวลึกไม่ได้ผุดได้เกิดอีก ขณะเดียวกันก็มีดวงดาวและเมฆที่ดูลึกล้ำ เมื่อมองจากระยะไกล เหมือนว่ามันอยู่ห่างจากทุกคนหนึ่งล้านๆปีแสงอย่างนั้น เหมือนว่ามันไม่ได้อยู่ในศักราชนี้ แต่เป็นเงาที่ตกกระทบลงมาจากศักราชที่ยาวไกล ทำให้แลดูเหมือนเป็นความจริง แต่ก็ห่างไกลเหลือเกิน…
หลังจากที่ได้เข้าไปยังแดนแห่งการสืบค้นแล้ว ผู้ที่สามารถมองเห็นภาพนี้ต่างรู้สึกว่ามันคือเรื่องของแสงสีมากหมายหลายหลากที่พิลึกกึกกือ กระทั่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังเข้าไปอยู่ท่ามกลางระหว่างมายากับความจริง ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือจริงหรือเท็จ อีกทั้งสิ่งที่มองเห็นนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนสามารถสะกดจิตวิญญาณของผู้คนได้ ดุจดั่งทั่วทั้งแดนแห่งการสืบค้นมีสัตว์และมารร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนที่หลับใหลอยู่ในแดนแห่งการสืบค้น หากเข้าไปใกล้ก็จะถูกกลืนกินวิญญาณจนสิ้น!
นอกจากสภาพที่เป็นแสงสีมากหมายหลายหลากที่พิลึกกึกกือแล้ว ทั่วทั้งแดนแห่งการสืบค้นยังตลบอบอวลไปด้วยพลังขมุกขมัว กระทั่งเรียกได้ว่าทั่วแดนแห่งการสืบค้นล้วนแล้วแต่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังขมุกขมัวอย่างนั้น
ทอดสายตามองออกไป เต็มไปด้วยพลังขมุกขมัวทุกหนทุกแห่ง เหมือนว่าฟ้าดินแห่งนี้ยังไม่เคยได้รับการบุกเบิกมาอย่างนั้น ไม่เคยถูกบริหารจัดการมาก่อน
แต่ว่า ผู้บำเพ็ญตนที่มีประสบการณ์เมื่อพิจารณาดูอย่างละเอียดแล้วก็จะพบว่าพลังขมุกขมัวที่อยู่ในบริเวณแดนแห่งการสืบค้นแตกต่างกับโลกภายนอก พลังขมุกขมัวของที่ตรงนี้จะออกเป็นสีม่วงดำ ดูแล้วให้ความรู้สึกประหลาด เหมือนว่ามันตกตะกอนนานเกินไป เลยกลายเป็นพลังขมุกขมัวที่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพไปแล้ว
“พลังขมุกขมัวเข้มข้นมากเหลือเกิน หากสามารถรั้งอยู่ที่แดนแห่งการสืบค้นเพื่อฝึกฝนมิได้ผลเกินคาดรึ” กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งได้มายังแดนแห่งการสืบค้นเป็นครั้งแรกเมื่อได้เห็นพลังขมุกขมัวที่เข้มข้นเพียงนี้ถึงกับกล่าวด้วยความดีใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...