ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1872

“ตูม ตูม ตูม” ท่ามกลางเสียงดังตูมตาม ศิลาจารึกค่อยๆ ลอยตัวขึ้นมา อีกทั้งวังวนที่กลับกลายมาจากอักขระยันต์สีทองหม่นก็ยิ่งหมุนยิ่งเร็ว คล้ายดั่งน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากอย่างนั้น

“ยอดเยี่ยมมาก อัจฉริยะบุคคลย่อมเป็นอัจฉริยะบุคคล เขามองขาดถึงความลึกลับของบทคัมภีร์นี้ได้แล้ว” ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือผู้เยี่ยมยุทธรุ่นอาวุโสล้วนแล้วแต่ไม่อาจไม่ยอมรับ

“ฉินไป่หลี่ไม่เสียทีที่เป็นดาวรุ่งที่มีชื่อเสียงเสมอกับจินเก๋อ ต่อให้เขาไม่เป็นจอมราชันเซียนหวัง ก็ต้องกลายเป็นจอมเทพที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งคนหนึ่ง” ระดับผู้ยิ่งใหญ่ถึงกับทอดถอนใจออกมาด้วยความยอมรับ เมื่อเห็นฉินไป่หลี่ถึงกับจะเอาศิลาจารึกมาไว้ในครอบครอง

เมื่อหลี่ชิเย่มองเห็นภาพนี้แล้ว ยิ้มๆ และกล่าวเรียบเฉยว่า “นับว่าเป็นดาวรุ่งคนหนึ่งโดยแท้ สามารถมองออกถึงความลี้ลับได้ภายในระยะเวลาอันสั้น เสียดาย เป็นเพียงการมองเห็นแค่ส่วนปลีกย่อย มองเห็นเพียงนิดเดียว หากสามารถเอาชีวิตรอดได้ก็นับว่าสุดยอดมากแล้วหละ”

“แบบนี้ยังไม่ได้อีกหรือ?” แม้แต่ธิดาราชันฉีหลินยังเข้าใจว่าฉินไป่หลี่กำลังจะทำสำเร็จแล้ว เมื่อมองเห็นศิลาจารึกที่ลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ เวลานี้ได้ยินหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้แล้ว นางถึงกับตะลึงงันนิดหนึ่ง

“ไม่ได้” หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหน้า กล่าวว่า “ของสิ่งนี้มีประวัติความเป็นมาไม่เบา ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกนะ ยิ่งไปกว่านั้นจุดสำคัญไม่ได้อยู่ที่ศิลาจารึกนั่น เขายังไม่ทันเข้าถึงต้นตอของมัน เห็นเพียงส่วนที่เป็นปลายเหตุเท่านั้นเอง”

เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ธิดาราชันฉีหลินถึงกับตกใจยิ่ง เนื่องจากความเข้าใจของนางใกล้เคียงกับฉินไป่หลี่ นางเองก็เป็นดาวรุ่งที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่ง หลังจากมาถึงที่ตรงนี้แล้วก็ได้พินิจพิเคราะห์ถึงอักขระยันต์สีทองหม่นที่อยู่บนศิลาจารึกเหมือนกัน ภายใต้การพินิจพิเคราะห์ของนางก็รู้สึกว่าหากต้องการได้ศิลาจารึกแผ่นนี้มา ศึกษาความหมายที่ลึกซึ้งของอักขระยันต์ให้ได้ก็จะได้มันมาครอบครอง

เวลานี้ เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ธิดาราชันฉีหลินรู้สึกว่าตัวเองก็เดินหลงทางแล้วเช่นกัน

ทุกคนมองเห็นศิลาจารึกที่กำลังลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ ต่างเข้าใจว่าฉินไป่หลี่กำลังจะทำได้สำเร็จแล้ว นำเอาศิลาจารึกไปไว้ในครอบครอง

“ตูม” เสียงดังสนั่นขึ้นมา พริบตาเดียวนั่นเอง แท่นบูชาโบราณสั่นไหวขึ้นทีหนึ่งอย่างฉับพลัน จากนั้น มองเห็นประกายสีเลือดที่พุ่งขึ้นรุนแรง ได้ยินเสียงดัง “แว้งค์” ร่องที่สร้างได้หยาบมากบนแท่นบูชาโบราณพลันพวยพุ่งเป็นประกายเลือดออกมาเป็นสายๆ

“แย่แล้ว” ในชั่วพริบตาเดียวนี่เอง สีหน้าของฉินไป่หลี่เปลี่ยนไปมากทีเดียว เขาหันหลังคิดจากหนีจาก แต่ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว

ได้ยินเสียงดัง “จี๊ด จี๊ด จี๊ด” ภายในเสี้ยววินาทีนี้เอง ประกายเลือดที่พวยพุ่งออกมาจากแท่นบูชาโบราณเหมือนทะลุผ่านอะไรบางอย่าง ได้ยินเสียงดัง “ตูม” นาทีนี้ลมปราณทั้งหมดของฉินไป่หลี่ถึงกับควบคุมตัวเองไม่ได้ ถูกพลังดูดที่สยองยิ่งดูดเอาไป

“ปัง” จังหวะที่ทุกคนยังไม่ได้สติคืนกลับมา และทุกคนยังไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ร่างกายของฉินไป่หลี่พลันระเบิดขึ้น อานุภาพจากการระเบิดร่างในครั้งนี้รุนแรงจนยากจะจินตนาการได้

“ตูม” เสียงดังสนั่น แรงกระทบจากการระเบิดส่งผลให้แหลมเฮ่าว่างโคลงเคลงขึ้นมา ขณะที่ร่างกายของฉินไป่หลี่ระเบิดขึ้นนั้น เลือดแก่นจำนวนมหาศาลพลันกลายเป็นหมอกเลือดที่กว้างไกลไม่สิ้นสุด

จังหวะที่ร่างกายฉินไป่หลี่ระเบิดขึ้นโดยฉับพลันนั้น มองเห็นประกายสายหนึ่งวิ่งฝ่าอากาศไป นั่นเป็นชะตาแท้ของฉินไป่หลี่ ในเสี้ยวหนึ่งแห่งความเป็นความตาย การตัดสินใจของฉินไป่หลี่นั้นเด็ดขาดมาก เขาอาศัยการทำลายด้วยการระเบิดเลือดแก่นทั้งหมดของตนเอง เพื่อให้ชะตาแท้ของตนได้หลบหนีไปได้

นี่คือกลยุทธจักจั่นลอกคราบ ถ้าหากยังคงดึงดันที่จะฝืนต่อไป ถ้าหากเสียดาย หรือทิ้งกายเนื้อของตนไม่ลงล่ะก็ เช่นนั้นแล้วจุดจบของเขาก็จะเหมือนซั่งกวานถูอย่างกับแกะ ไม่เพียงไม่สามารถรักษาเลือดแก่นทั้งหมดของตนเอาไว้เท่านั้น แม้แต่ชะตาแท้ของตนก็รักษาเอาไว้ไม่ได้

ดังนั้น ฉินไป่หลี่จึงได้อาศัยเวลาที่สั้นที่สุดตัดสินใจว่าจะคงไว้หรือสละ กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนแล้ว ขอเพียงชะตาแท้ยังคงอยู่ทุกอย่างก็มีความเป็นไปได้ มีโอกาสหวนคืนกลับมาได้อีกครั้ง ถ้าหากกระทั่งชะตาแท้ก็ตายไปด้วย เท่ากับทุกอย่างกลายเป็นเถ้าธุลีไป ทุกอย่างจบสิ้นไม่เหลืออะไรอีกเลย!

เสียง “จี๊ด” ดังขึ้น เวลานี้แท่นบูชาโบราณได้ทำการดูดเอาเลือดแก่นทั้งหมดของฉินไป่หลี่เข้ามา มองเห็นเลือดแก่นที่ไหลรินอยู่ตรงร่องหินที่สร้างขึ้นอย่างหยาบๆ จากนั้นปรากฏเสียง “จี๊ด จี๊ด จี๊ด” เลือดแก่นค่อยๆ จมหายไปอย่างช้าๆ

ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ร่างสั่นเทิ้มเมื่อได้มองเห็นภาพเช่นนี้ ฉินไป่หลี่คือสุดยอดดาวรุ่งแห่งยุค มีชื่อเสียงที่ขจรไกล ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์หรือกำลังความสามรถของเขาล้วนแล้วแต่ไร้ข้อกังขาทั้งสิ้น

มีข่าวลือมานานแล้วว่า ฉินไป่หลี่นั้นได้ก้าวขึ้นสู่ระดับเทพไปแล้ว แม้ว่าเขาไม่ได้สืบทอดชะตาฟ้า ไม่ได้ก้าวเดินบนเส้นทางของจอมราชันเซียนหวัง แต่หากว่าเขาได้เป็นเทพจริงๆล่ะก็ หลายคนก็มั่นใจในตัวเขา กระทั่งมีผู้คาดการณ์ว่าเขามีโอกาสที่จะได้เป็นเทพโบราณ

เวลานี้ ฉินไป่หลี่ถึงกับต้องยอมเสียสละกายเนื้อของตน ทำได้แค่อาศัยชะตาแท้หนีบเอาลัคนาหลบหนีไป จุดจบเช่นนี้อยู่เหนือความคาดคิดของผู้คนทุกคน

“ฉินไป่หลี่ย่อมเป็นฉินไป่หลี่ นับว่ามีความยอดเยี่ยมโดยแท้จริง กำลังความสามารถ สติปัญญา ปฏิภาณไหวพริบล้วนแล้วแต่อยู่เหนือซั่งกวานถู” แม้จะกล่าวว่าฉินไป่หลี่ทำลายกายเนื้อของตนเองไป แต่ยังคงมีผู้คนจำนวนมากเลื่อมใสเมื่อได้มองเห็นภาพนี้

ซั่งกวานถูที่อยู่ในฐานะจอมเทพต้องจบชีวิตลง ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะหลบหนี ฉินไป่หลี่ในเวลานี้ไม่เพียงบรรลุถึงความลี้ลับบางอย่างของศิลาจารึกนี้ได้ ในเสี้ยววินาทีระหว่างความเป็นความตายถึงกับสามารถรักษาชีวิตหลบหนีไปได้ ข้อนี้นับว่าซั่งกวานถูเทียบไม่ได้กับฉินไป่หลี่ แม้ว่าซั่งกวานถูจะก้าวขึ้นระดับเทพนานกว่าฉินไป่หลี่ และมีประสบการณ์มากกว่าฉินไป่หลี่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล