ด้วยเหตุนี้เอง ภายหลังราชันเซียนปิงอวี่ได้รับการชี้แนะจากหลี่ชิเย่ จึงได้ครอบครองศิลาจารึกสกัดฟ้า มิฉะนั้นแล้ว การที่คิดจะบังคับควบคุมสุดยอดอาวุธของอีกยุคสมัยหนึ่งใช่จะเป็นเรื่องง่ายดาย
กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ไม่มีอะไรน่ายินดีนัก หลังจากได้ครอบครองศิลาจารึกกับแท่นบูชาโบราณ สิ่งนี้สำหรับเขาแล้วมันคือเรื่องที่สามารถทำให้คล่องมือและราบรื่นอยู่แล้ว ตรงกันข้าม กลับทำให้หลี่ชิเย่รู้สึกผิดหวังเล็กๆ
ในความหมายของบางแง่มุม ศิลาจารึกสกัดฟ้าคือเศษปลายหรือขอบวัตถุดิบของศิลาจารึกกับแท่นบูชาโบราณที่อยู่ตรงหน้า หรือบางทีจะเรียกว่าเป็นของเลียนแบบ แต่ศิลาจารึกสกัดฟ้านั้นทรงอานุภาพยิ่งนัก
ซึ่งสิ่งนี้ได้ทำให้หลี่ชิเย่ฝากความหวังไว้กับศิลาจารึกกับแท่นบูชาโบราณเอาไว้สูงมาก บางทีศิลาจารึกกับแท่นบูชาโบราณนี้อาจเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก เสียดาย เมื่อได้ศิลาจารึกและแท่นบูชาโบราณมาอยู่ในมือแล้ว หลี่ชิเย่จึงได้พบว่ามันต่างจากสิ่งที่เขาได้คาดหวังเอาไว้ ศิลาจารึกและแท่นบูชาโบราณนี้ไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างที่คิด ความยอดเยี่ยมและอานุภาพของมันยังห่างชั้นอยู่ไม่น้อยทีเดียว มันยังมีข้อจำกัดในระดับหนึ่ง
นี่คือเหตุผลที่ทำให้หลี่ชิเย่รู้สึกผิดหวัง
แต่ทว่า การที่ศิลาจารึกกับแท่นบูชาโบราณเป็นของยอดเยี่ยมหรือไม่นั้น หลี่ชิเย่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ หลังจากผ่านไปก็เข้าใจแล้วว่า ถ้าหากเป็นของยอดเยี่ยมล่ะก็ คิดจะได้มันมาครอบครองใช่จะเป็นเรื่องง่ายดาย ถ้าหากเป็นของยอดเยี่ยมจริง เกรงว่าคงจะไปสร้างความแตกตื่นให้กับบรรดาจอมราชันเซียนหวังที่หลบซ่อนตัวอยู่ในแดนแห่งการสืบค้นนี่แล้ว และพวกเขาต้องลงมืออย่างแน่นอน
“แว้งค์” เสียงหนึ่งดังขึ้น เวลานี้หลี่ชิเย่ได้หุบฝ่ามือลง และตัวอักขระยันต์สีทองบนฝ่ามือของเขาก็ได้หายไปด้วย
เวลานี้ ทุกคนต่างมองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความงุนงง ก่อนหน้านั้นผู้คนจำนวนไม่น้อยคิดจะได้ครอบครองศิลาจารึกนี้เอาไว้ กระทั่งแม้แต่ซั่งกวานถู และฉินไป่หลี่ก็ประสบความล้มเหลวไปแล้ว
เวลานี้หลี่ชิเย่กลับทำได้สำเร็จ อีกทั้งความสำเร็จของหลี่ชิเย่ได้มาอย่างลื่นไหลและง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปาก เหมือนว่าสิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาแล้วเป็นเพียงสิ่งที่ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง สามารถสำเร็จได้โดยไม่ต้องเปลืองแรง
นาทีนี้ทุกคนจึงได้เข้าใจว่า ที่หลี่ชิเย่พูดก่อนหน้านั้นหาใช่เป็นการพูดจาสามหาว ที่เขาพูดมานั้นเป็นความจริงเท่านั้น เขาบอกว่าสามารถนำเอาศิลาจารึกมาครอบครองได้อย่างง่ายดาย และนี่คือเขาสามารถทำได้อย่างง่ายดายจริงๆ แล้ว
ในเวลานี้ แม้แต่อู่ฟ่งหยิ่งก็ต้องอ้าปากค้าง ในขณะนี้นางไม่มีภาพพจน์ของกุลสตรีเหลืออยู่โดยสิ้นเชิง แน่นอนที่สุด นางไม่เคยมีภาพของกุลสตรีตลอดมาอยู่แล้ว
ในความคิดของอู่ฟ่งหยิ่ง ต่อให้หลี่ชิเย่มีความเป็นปีศาจอย่างไรก็ตาม หากคิดจะเอาศิลาจารึกกับแท่นบูชาโบราณมาอยู่กับมือ เกรงว่าคงต้องใช้ความสามารถไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เขากลับสามารถครอบครองศิลาจารึกและแท่นบูชาโบราณได้อย่างง่ายดาย ทั้งหมดนี้ได้เหนือความคาดคิดของนางอย่างสิ้นเชิง สร้างความตกใจให้กับอู่ฟ่งหยิ่งอย่างยิ่ง
ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด หนึ่งเดียวที่ไม่รู้สึกเหนือความคาดคิดก็คือธิดาราชันฉีหลินแล้วหละ ในขณะนี้ ไม่ว่าหลี่ชิเย่จะทำอะไรได้สำเร็จนางก็ไม่รู้สึกตกใจอีกแล้ว เฉกเช่นระดับผู้ยิ่งใหญ่เช่นเขา ยังจะมีเรื่องอะไรที่เขาทำไม่ได้อีกหรือ?
ขณะที่หลี่ชิเย่หุบฝ่ามือลง ได้จ้องมองอู่ฟ่งหยิ่งทีหนึ่ง ท่าทีจะว่ายิ้มก็ไม่เชิง กล่าวว่า “เจ้ายังจะมาแย่งชิงอีกมั้ย?”
ทุกคนต่างจ้องมองไปยังอู่ฟ่งหยิ่งเมื่อได้ยินหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ขณะที่เวลานี้ผู้คนจำนวนมากถึงกับถอยหลังไปหนึ่งก้าว พวกเขารู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ ในสายตาของพวกเขามองว่าหลี่ชิเย่นั้นชั่วร้ายผิดปรกติสุดๆ
ในขณะนี้ ในสายตาของพวกเขามองว่า หลี่ชิเย่จะแข็งแกร่งหรือไม่หาใช่เป็นเรื่องสำคัญอีกต่อไปแล้ว ในสายตาของพวกเขา เจ้าหนูผู้นี้คือพวกนอกรีต เป็นปีศาจตนหนึ่ง ไม่สามารถนำเอาข้อกำหนดปรกติมาชี้วัด พวกเขาต่างต้องการออกห่างให้ไกลจากเจ้าหนูที่ชั่วร้ายผิดปรกติเช่นนี้สักหน่อย เพื่อป้องกันนำมาซึ่งภัยพิบัติ!
“แย่งสิ ทำไมถึงไม่กล้า! “ เมื่ออู่ฟ่งหยิ่งได้สติกลับมา ดวงตาทั้งสองพลันดูน่ากลัว พริบตาเดียวกันนี่เอง ดวงตาทั้งสองพลันสว่างไสวขึ้น เห็นประกายตาที่เบ่งบาน เหมือนเปิดโลกออกมาอีกโลกหนึ่งอย่างนั้น
“งั้นก็ต้องเตรียมตัวให้ดีหละ อย่าได้เหมือนคราวก่อนถูกข้าสยบได้ในทันทีอีก!” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยขึ้นมา
“ไร้สาระ…” อู่ฟ่งหยิ่งในฐานะเป็นโฉมตรูแห่งยุค แต่กลับมีวาจาที่หยาบคาย พลันที่กล่าวขาดคำ “ตูม” เสียงดังสนั่น พลังลมปราณส่งเสียงดังตูมตาม แต่ว่า พลังลมปราณของนางกลับไม่ได้พุ่งออกมาจากร่างกาย ลมปราณทั้งร่างส่งเสียงคำรามอยู่ภายในร่างกาย นาทีนี้ทุกคนต่างสงสัยว่าภายในร่างกายาของนางได้ซ่อนมังกรยักษ์เอาไว้ตัวหนึ่งใช่หรือไม่
อู่ฟ่งหยิ่งในฐานะที่เป็นสุดยอดสาวงามแห่งยุค รูปร่างบอบบางสวยงามอรชรอ้อนแอ้น แต่ว่า นาทีนี้ไม่มีใครสามารถจินตนาการถึงรูปร่างบอบบางสวยงามอรชรอ้อนแอ้นของนาง ทุกคนมองว่าในเวลานี้นางคือมังกรที่กำลังโกรธจัด ทั่วร่างของนางได้แฝงไว้ซึ่งพลังที่สามารถทำลายฟ้าดินได้
“ตูม…” เสียงดังสนั่น เมื่ออู่ฟ่งหยิ่งปลดปล่อยพลังออกมา ละที่น่ากลัวได้พุ่งโจมตีออกมา ภูเขาแต่ละลูกที่อยู่รอบๆ บริเวณพลันพังทลายลง ฉับพลันถูกทำลายทิ้งไป
นาทีนี้อู่ฟ่งหยิ่งไม่ได้ล้อเล่นแต่เอาจริง ถือเป็นการทุ่มพนันสุดตัว
“อ้ายสารเลว ตายเสียเถอะ!” อู่ฟ่งหยิ่งร้องเสียงแหลมดังออกมา ขาดคำ นัยน์ตาของนางเบิกกว้างด้วยความโกรธ ฉับพลันนั้น ได้ยินเสียงดัง “แว้งค์” ปรากฎมีหงส์ตัวหนึ่งบินออกมาจากภายในดวงตาของนาง
“อิ้ววว…” เสียงของหงส์ดังก้องไปทั่วบริเวณ ทันใดนั้น หงส์ตัวนั้นได้กางปีกสองข้างพุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นได้จิกหัวพุ่งลงมา จะงอยปากของหงส์ที่แหลมคมดั่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จิกเข้าหาหลี่ชิเย่ ไม่ต้องสงสัยในอานุภาพความคมจะงอยปากของมัน สามารถจิกทะลุทุกสิ่งทุกอย่างในบัดดล ต่อให้เป็นโล่ศักดิ์สิทธิ์ก็มีสภาพที่บางเหมือนดั่งกระดาษเท่านั้นภายใต้การจิกจะงอยปากของหงส์ตัวนี้
“ถ้าหากเจ้ามีฝีมือเพียงเท่านี้ล่ะก็ เกรงว่าไม่ต้องพูดถึงการแย่งชิงของวิเศษของข้าเลย แม้แต่เส้นขนสักเส้นเจ้าก็แตะต้องไม่ได้” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ ขณะมองดูอู่ฟ่งหยิ่งทีหนึ่ง
“ข้านี่แหละจะตัดมือข้างนั้นของเจ้าออกมา เพื่อชิงเอามันมาให้ได้!” อู่ฟ่งหยิ่งพลันโกรธและคำรามเสียงดังออกมา จากนั้นได้ยินเสียง “กรรร” เป็นเสียงคำรามของมังกรดังขึ้นมา
“ตึง” ท่ามกลางเสียงคำรามของมังกร ปรากฏเสียงที่แหลมคมยิ่งดังออกมา อู่ฟ่งหยิ่งในขณะนี้ปรากฎทวนยาวอยู่ในมือแล้ว
ทวนยาวเล่มนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่ กระทั่งดูไปแล้วกลับมีขนาดเล็กเรียวอยู่สามส่วน ตัวของทวนแลดูขาวสะอาดดั่งหยกทั้งเล่ม เหมือนเจียระไนสร้างขึ้นมาจากหยกขาวอย่างนั้น กระทั่งส่วนปลายแหลมของทวนก็เป็นเช่นนั้น แม้ว่าจะดูเหมือนเจียระไนขึ้นจากหยกขาว แต่มันกลับคมกริบยิ่งนัก ส่งประกายเยือกเย็นดั่งหิมะออกมาแวบวับ ทำให้ผู้คนถึงกับเกิดความรู้สึกขนลุกซู่เมื่อได้เห็นปลายทวนเล่มนี้ ทำให้รู้สึกลำคอที่เย็นวาบหลายคนรู้สึกเหมือนว่าปลายทวนได้แทงทะลุเข้าลำคอของตนเสียแล้วเวลานี้
“เจ้าสารเลว วันนี้ข้านี่แหละจะสั่งสอนเจ้าเอง!” ทวนยาวของอู่ฟ่งหยิ่งชี้ไปข้างหน้า “ตูม” ยังไม่ทันที่นางได้ลงมือ แต่พลังของทวนก็ได้ทะลุผ่านฟ้าดิน พลังทวนสายหนึ่งที่คมกริบยากจะหาใดเทียมได้แทงใส่หลี่ชิเย่ทันที
เสียง “ปัง” ดังขึ้น ต่อให้พลังทวนที่โหดร้ายมากกว่านี้ก็ต้องถูกความคิดของหลี่ชิเย่ต้านเอาไว้ ไม่สามารถตีแตกแนวป้องกันของหลี่ชิเย่ได้อยู่แล้ว
หลี่ชิเย่มองดูทวนยาวที่อยู่ในมือของอู่ฟ่งหยิ่งด้วยความรู้สึกเหนือความคาดคิด กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ดูท่าในคลังสมบัติของหลงเฉินยังคงมีของดีอยู่หลายชิ้นทีเดียว ทวนเล่มนี้สร้างขึ้นโดยกระดูกสันหลังของมังกรแท้จริงที่สำเร็จขั้นสมบูรณ์ จิตวิญญาณยังไม่เสื่อมสลายแม้แต่น้อยนิด สร้างขึ้นโดยอาศัยฝีมือของราชันเซียน เห็นทีราชันเซียนฉานหลงที่เป็นปฐมบรรพบุรุษพวกเจ้าคงสังหารมังกรแท้จริงที่สำเร็จมรรคผลขั้นสมบูรณ์ แล้วเลาะเอากระดูกสันหลังออกมา”
“เท่าที่ข้ารู้มา มีอยู่วันหนึ่งมังกรแท้จริงธาตุไฟเข้าแทรก ต่อมาก็ไม่มีข่าวอีกเลย ที่แท้ตายด้วยน้ำมือของราชันเซียนฉานหลง” หลี่ชิเย่กล่าวพร้อมกับเอามือลูบคางและหัวเราะขึ้นมา
“สังหารมังกรแท้จริง! มังกรแท้จริงที่สำเร็จมรรคผลขั้นสมบูรณ์!” ภายในใจของยอดฝีมือรุ่นอาวุโสถึงกับเต้นกระตุกภายในใจทีหนึ่ง เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของหลี่ชิเย่ พวกเขาย่อมรู้ว่ามังกรแท้จริงที่สำเร็จมรรคผลขั้นสมบูรณ์บ่งบอกถึงสิ่งใด
ขณะที่ราชันเซียนฉานหลงกลับสังหารมังกรแท้จริงที่สำเร็จมรรคผลขั้นสมบูรณ์ ช่างเป็นความสามารถที่น่ากลัวเช่นใด
ราชันเซียนฉานหลงไม่เสียทีที่เป็นปฐมบรรพบุรุษของหลงเฉินนะเนี่ย ความแข็งแกร่งของเขาหาใช่จอมราชันเซียนหวังทั่วไปสามารถต่อกรได้” มีผู้ที่พึมพำออกมา
……………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...