ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1896

“ถ้าหากท่านจะมาข่มขู่กันเช่นนี้ มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยอะไรไม่ได้” เสียงดัง “ตูม” แมวมังกรกล่าวพร้อมกับหายตัวไปและปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง

“ข้าไม่จำเป็นต้องข่มขู่ ถ้าหากข้าต้องการข่มขู่ล่ะก็ ข้าคงข่มขู่ตั้งแต่มาที่นี่ครั้งก่อนหน้าแล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบๆ ว่า “ข้าเพียงอยากจะบอกเจ้าว่า นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้ามาที่นี่ หลังจากนี้ไปจะไม่มาที่ฝอเหย่อีกต่อไป ดังนั้นกล่าวสำหรับข้าแล้ว ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร ข้าก็ต้องการเหมือนเดิม มิฉะนั้นล่ะก็ ให้ฝอเหย่หายสาบสูญไปท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลาก็แล้วกัน!”

“ข้าเองก็อยากจะบอกท่านเหมือนกัน” แมวมังกรส่ายหน้า และกล่าวว่า “เสียดาย พวกเราก็ไม่รู้คำตอบเช่นกัน เนื่องจากพวกเราไม่ได้เข้าไปร่วมในเรื่องนี้ ได้แต่บอกว่าเสียใจ พวกเราช่วยอะไรท่านไม่ได้”

เมื่อได้ฟังคำจากแมวมังกรแล้ว หลี่ชิเย่หรี่ตาทีหนึ่ง กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้ ครั้งนั้นผู้ที่ค้นหาโลกธาตุใบนั้นไม่ใช่แปดอริยสงฆ์พวกเจ้า แต่เป็นอริยสงฆ์องค์ที่จากไปรูปนั้น”

“ถูกต้อง” แมวมังกรกล่าวว่า “ครั้งนั้นสิ่งที่พวกเราศึกษาค้นคว้าคือการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ แต่ว่าเขามีแนวความคิดอย่างอื่น เขาคิดว่าวิธีการของพวกเราใช้ไม่ได้ ดังนั้น เขาจึงมีการศึกษาแนวทางมากกว่านั้น รวมทั้งโลกธาตุที่ไม่มีตัวตนนั่น”

“ข้าเข้าใจแล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “มิน่าเล่าเขาถึงหนีรอดไปได้ในขณะที่ยุคสมัยกำลังล่มสลาย เสียดาย เขายังคงไม่สามารถปล่อยวางได้ ปล่อยวางความยึดติดที่อยู่ภายในใจ!”

“จะมีใครเล่าที่สามารถปล่อยวางจิตที่ยึดติดภายในใจได้ พระก็ไม่สามารถจิตว่างเปล่าตลอดกาล” แมวมังกรกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ท่านเองก็ไม่สามารถปล่อยวางจิตที่ยึดติดมิใช่รึ ไม่ว่าใครก็ต้องไปต้อนรับการต่อสู้เป็นครั้งสุดท้าย บางทีท่านอาจเคยเป็นเหมือนเช่นเขา ตามหาวิธีการดำรงอยู่ในโลกธาตุแห่งหนึ่งจากโลกธาตุที่ไม่มีตัวตนนั่น”

“ไม่ ข้าไม่ใช่คนที่มีจิตเมตตาอย่างนั้น” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและยิ้มกล่าวว่า “ที่ข้าตามหาโลกธาตุที่ไม่มีตัวตนก็เพื่อตัวข้าเอง เพียงแค่นี้เท่านั้น ไม่ได้เพื่อผู้คนในโลกและเวไนยสัตว์[1]”

เมื่อหลี่ชิเย่พูดมาถึงตรงนี้แล้วได้หัวเราะและกล่าวว่า “ในเมื่อที่ตรงนี้ของพวกเจ้าไม่มีสิ่งที่ข้าต้องการ ได้เวลาอันสมควรที่ข้าควรจะไปจากได้แล้ว”

“บางที ท่านอาจสามารถนำเอาสิ่งของสิ่งหนึ่งไปด้วย” ในขณะนี้ แมวมังกรได้แบมือออกมา ฝ่ามือที่มีขนปุกปุยปรากฏเมล็ดพันธุ์วางอยู่เม็ดหนึ่ง

ยามที่เมล็ดพันธุ์เมล็ดนี้ปรากฏนั้น มองเห็นเพียงพุทธรัศมีที่แผ่ประกายไปทั่วทิศ แค่เมล็ดพันธุ์เล็กๆ เมล็ดหนึ่งเหมือนหนึ่งได้บ่มฟักโลกธาตุทั้งหมดเอาไว้ เมล็ดพันธุ์ได้แผ่พลังชีวิตที่ไร้ขอบเขตสิ้นสุดและน่าเกรงขามออกมา เหมือนว่าภายในเล็ดพันธุ์สามารถให้กำเนิดเวไนยสัตว์เป็นล้านล้านชีวิต ประหนึ่งว่าเมื่อเมล็ดพันธุ์เมล็ดนี้งอกและเติบโตขึ้นเมื่อไร ก็สามารถบุกเบิกฟ้าดินได้อย่างนั้น

“หากเมล็ดพันธุ์เมล็ดนี้งอกออกมาก็หมายถึงโลกเจิดจรัส” แมวมังกรกล่าวว่า “หากจะมีใครสามารถเพาะเมล็ดนี้ได้คงเป็นคนอื่นไปไม่ได้นอกจากท่าน ท่านเป็นผู้ที่ก้าวข้ามยุคสมัยของพวกเรา และเป็นผู้ที่สามารถบรรลุธรรมภายใต้ต้นไม้ต้นนี้ ในอนาคตท่านจะต้องเป็นผู้ที่สามารถสืบทอดยุคสมัยที่ใหม่ทั้งหมด บุกเบิกเส้นทางเส้นใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ท่านจะต้องเป็นผู้สืบทอดอดีตและเบิกโลกอนาคต”

“ของดีเช่นนี้พวกเจ้าเก็บเอาไว้ใช้เองเถอะ” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา และกล่าวว่า “ข้าไม่ใช่เด็กเพิ่งเกิด เมื่อเห็นของวิเศษแล้วก็น้ำลายหกทันที เมล็ดพันธุ์กฎแห่งกรรมนี้นับเป็นของดีจริงๆ เป็นผลจากการบ่มฟักมาทั้งยุค เสียดาย ในขณะเดียวกันของเช่นนี้ก็ได้สืบทอดกฎแห่งกรรมของยุคสมัยยุคหนึ่ง…”

“…แม้ว่ามันสามารถนำพาประโยชน์ให้เจ้ามหันต์ และสามารถนำมาซึ่งกฎแห่งกรรมที่น่ากลัวเช่นกัน! ตัดกฎแห่งกรรม เบิกโลกธาตุช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเสียนี่กระไร ดังนั้น ของเช่นนี้พวกเจ้ายังคงเก็บเอาไว้ใช้เองเถอะ เหลือไว้ให้กับผู้ที่มีวาสนาก็แล้วกัน” เมื่อหลี่ชิเย่พูดมาถึงตรงนี้แล้วได้ลุกขึ้นยืน

“นอกเหนือจากเมล็ดพันธุ์เมล็ดนี้แล้ว บางทีพวกเราอาจสามารถนำพาประโยชน์ให้กับท่านมากมายกว่านี้” แมวมังกรกล่าวว่า “ขอเพียงท่านสามารถนำเอาเมล็ดพันธุ์เมล็ดนี้ออกไป และปลูกมันเอาไว้ ท่านจะสามารถได้รับสิ่งที่มากกว่าในโลกธาตุใบนี้ ท่านเป็นผู้ที่ไม่ธรรมดา และรู้ว่าต่อให้เป็นโลกธาตุที่เจิดจรัสมากกว่านี้ก็ไม่สามารถหลบหลีกพ้นจากการล่มสลายได้ หรือท่านไม่เคยนึกถึงยามที่โลกธาตุล่มสลายจะไปยังที่แห่งใด?”

“เทศนาข้าหรือ?” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา เดิมที่ลุกขึ้นมาก็ได้นั่งลงอีกครั้งหนึ่ง เขายิ้มกล่าวเรียบๆ ว่า “ถ้าหากเจ้าพูดถึงเรื่องของวิเศษ จะเอาของวิเศษโน่นนี่นั่นมาแลกเปลี่ยนกับข้าอะไรนั่น พูดตรงๆ เลยนะว่าข้าไม่สนใจ ในโลกนี้ของวิเศษมากมายดั่งดอกเห็ด เหตุใดข้าจะต้องไปแปดเปื้อนกฎแห่งกรรมของพวกเจ้า”

เมื่อหลี่ชิเย่พูดมาถึงตรงนี้แล้วได้หยุดนิดหนึ่ง กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับโลกธาตุล่มสลาย เรื่องนี้ข้ารู้ดี ที่ข้าเคยศึกษาค้นคว้าไม่ได้มีเพียงยุคสมัยของพวกเจ้าเท่านั้น ดังนั้นข้าจึงรู้ว่าหากวันนั้นมาถึงจะเป็นอย่างไร และข้ารู้ด้วยว่าจะมีผลอะไรตามมา”

แมวมังกรกล่าวว่า “ท่านคือปรัชญาเมธีผู้หนึ่ง ท่านมีความรู้และความคิดเห็นอันประเสริฐ ควรจะรู้ว่าจะไปช่วยโลกได้อย่างไร แม้ว่าพวกเราจะประสบกับความล้มเหลว แต่ว่าพวกเราได้เคยเผชิญหน้ามาแล้ว จึงเข้าใจในพลังเช่นนี้เป็นอย่างดี หากเป็นไปได้ พวกเราสามารถถ่ายทอดหลายสิ่งหลายอย่างให้กับท่าน”

“ไม่ เจ้าคิดผิดแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ข้าไม่ใช่พระเจ้าที่ช่วยโลก และข้าไม่เคยคิดจะช่วยโลก โลกจะเป็นอย่างไรนั้น พูดตามจริงนะข้าไม่เคยไปนึกถึงมากมายนัก ถ้าหากพวกเจ้าคิดว่าสามารถถ่ายทอดหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่จะช่วยโลกล่ะก็ บอกได้แต่เพียงพวกเจ้าหาผิดคนแล้วหละ”

“หากโลกล่มสลายแล้วท่านไม่ช่วย หรือว่าท่านจะหลบซ่อนตัวอยู่กับความมืด?” แมวมังกรได้พูดขึ้นมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล