ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1897

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ฝ่ามือที่มีขนปุกปุยของแมวมังกรได้ยื่นไปถึงด้านหน้าของหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “พวกเราไม่สามารถนำเอาเมล็ดพันธุ์พุทธไปปลูกเอาไว้กลางใจของมนุษย์ แต่ทว่าเวลานี้ก็คือโอกาส มันสามารถปลูกลงกลางใจของคนๆ หนึ่ง พวกเราไม่ได้เฝ้าปรารถนาให้ท่านปลูกมันเอาไว้ หวังเพียงท่านพามันไปหาเขา ขอเพียงท่านให้เมล็ดพันธุ์พุทธะกับเขา ข้าเชื่อว่าเขาสามารถบอกกล่าวในสิ่งที่ท่านอยากจะรู้”

“เขา” ที่แมวมังกรพูดถึงก็คือหนึ่งในเก้าอริยสงฆ์อีกรูปหนึ่ง และเป็นอริยสงฆ์เพียงหนึ่งเดียวที่โชคดีรอดชีวิตมาได้ท่ามกลางการล่มสลายของยุคสมัยนั้น

หลี่ชิเย่พยักหน้ามองดูเมล็ดพันธุ์พุทธะที่อยู่บนฝ่ามือที่มีขนปุกปุยของแมวมังกร และกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้าสามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้” จากนั้นได้เก็บเมล็ดพันธุ์พุทธะนั้นเอาไว้

“หนทางข้างหน้าเต็มไปด้วยทุกข์เข็ญ แต่ละยุคสมัยไม่ง่ายนัก หวังว่าท่านสามารถก้าวเดินไปจนถึงที่สุด อย่าได้หลงอยู่ในความมืดมิด ยุคสมัยที่ผ่านมา มีปรัชญาเมธีมากมายเท่าไรที่ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้” สุดท้าย แมวมังกรพนมมือแสดงคารวะเต็มรูปแบบต่อหลี่ชิเย่

“บอกได้แต่เพียงว่าเป็นเพราะพวกเขามีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ไม่มั่นคง” แม้ว่าพวกเขาจะมีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่มั่นคงถึงขั้นปราศจากผู้ต่อกร ให้พวกเขาได้บุกเบิกเส้นทางที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่กลับไม่สามารถยืนหยัดตนเองเอาไว้! ผู้ที่มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรไม่มั่นคง ต่อให้มีโชควาสนายิ่งใหญ่เพียงใด มันก็แค่ความหายนะของมนุษย์โลกเท่านั้น

“สรรพชีวิตมีอยู่มากมาย จะมีสักกี่คนที่คงเส้นคงวาได้เล่า ทุกอย่างกำเนิดเพราะโลภ และสิ้นสุดลงเพราะโลภ” แมวมังกรก็ทอดถอนใจออกมาด้วยความจริง

“พูดเช่นนี้แสดงว่ามีคนเคยมาหาเจ้าอยู่ก่อนแล้ว?” หลี่ชิเย่มองดูแมวมังกรแล้วถึงกับหัวเราะขึ้นมา กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ดูท่าฝอเหย่ของพวกเจ้ายังมีค่าบ้างเหมือนกันนะ”

“ข้าเป็นเพียงจิตที่ยึดติดสายหนึ่งเท่านั้น ไม่มีคุณค่าจะกล่าวถึง” แมวมังกรกล่าวว่า “เพียงแต่ของเหล่านี้ทำให้พวกเขาคาดหวังด้วยความกระหายอยากเท่านั้น”

“ก็ถูก” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “ก้าวข้ามสายน้ำแห่งกาลเวลา รวบรวมความศรัทธาเหล่าสรรพชีวิต ผู้คนมากมายเท่าไรกระหายอยากมีชีวิตอมตะกันเล่า ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า ข้ามไปยังแดนนิพพานได้ ก็สามารถได้รับผลแห่งสุขของเหล่าสรรพสิ่งมีชีวิต! อาศัยพวกเขา คู่ควรรึ!” พูดถึงตรงนี้แล้วถึงกับหัวเราะเยาะขึ้นมา

“โลกนี้ไม่มีผลแห่งสุขของเหล่าสรรพสิ่งมีชีวิตอีกแล้ว ชีวิตอมตะมาจากไหนกัน” แมวมังกรกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ผู้ที่มีจิตละโมบ มันก็แค่จิตใจที่บังเกิดความคิดที่จับต้องไม่ได้เท่านั้นเอง”

“ต่อให้แดนนิพพานของพวกเจ้ายังคงอยู่ ผลแห่งสุขของเหล่าสรรพสิ่งมีชีวิตยังคงอยู่ และ ใครคิดอยากได้ครอบครองต้องถามข้าก่อนว่าอนุญาตหรือไม่!” หลี่ชิเย่หัวเราะน่าเกรงขามออกมาและกล่าวว่า “ซ่อนตัวอยู่ในสายน้ำแห่งกาลเวลาก็นับว่าเพียงพอแล้ว ยังหวังจะเป็นอมตะไม่มีวันตาย! คงมีสักวันที่ข้าจะกวาดล้างไปทั่วแดน ไถกลบให้ราบเรียบนิจนิรันดร์!”

ปรกติแล้วหลี่ชิเย่มีจิตที่สงบดั่งน้ำในบ่อ มาคราวนี้ยากนักที่จะได้ยินเขาพูดคำพูดออกมาด้วยอารมณ์เช่นนี้

“ท่านยังคงมีจิตต่อเหล่าสรรพสัตว์ หาไม่แล้วท่านใยต้องใส่ใจ” แมวมังกรกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมา

“เหล่าสรรพสัตว์เกี่ยวอะไรกับข้า” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “เพียงแต่มีผู้คิดจะขัดขวางเส้นทางของข้าเท่านั้นเอง! ใครกล้าขวางทางของข้าฆ่าไม่มีละเว้น ข้าไม่สนหรอกนะว่าพวกเขาจะเป็นพวกที่ก้าวเดินไปข้างหน้าโดยไม่หวั่นต่ออุปสรรคเช่นใด”

“ข้าเชื่อว่าท่านสามารถทำได้” แมวมังกรกล่าวว่า “สุดปลายทางของโลกอยู่ไกลโพ้นเหลือเกิน ปราศจากเงื่อนเวลากำหนด รักษาตัวด้วย บางทีในอนาคตไม่มีเวียนว่ายตายเกิด และไม่มีการทำลายโลก คำตอบทุกอย่างอยู่ในใจของมนุษย์โลก”

“รักษาตัวด้วย” หลี่ชิเย่พยักหน้าเงียบๆ จากนั้นหันหลังจากไป

เมื่อหลี่ชิเย่กลับมายังศาลเจ้าโบราณอีกครั้ง มองดูกายเนื้อของอริยสงฆ์ทั้งแปดถึงกับต้องทอดถอนใจออกมาเบาๆ เคยเป็นผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแห่งยุค แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องเสียชีวิตไป ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลาที่ยาวไกล จะมีใครบ้างที่จดจำพวกเขาได้เล่า?

“ช่วยโลก…” หลี่ชิเย่ที่มองดูกายเนื้อของอริยสงฆ์ทั้งแปด ถึงกับหัวเราะเยาะตัวเองว่า “ข้าไม่เคยช่วยโลกอยู่แล้ว! ที่ที่ข้าปรากฏมีเพียงการเข่นฆ่า มีแต่ความตาย! ถ้าหากต้องการโลกใหม่ ก็ให้มันกำเนิดขึ้นมาท่ามกลางเลือดสดๆ ก็แล้วกัน!”

ครั้นหลี่ชิเย่พูดมาถึงตรงนี้แล้วถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ เหมือนดั่งเช่นแมวมังกรได้พูดเอาไว้ สุดปลายทางของโลกอยู่ไกลโพ้นเหลือเกิน ปราศจากเงื่อนเวลากำหนด!

“แว้งค์” เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง ผนังของศาลเจ้าเปล่งประกายขึ้นมา จากนั้นได้ยินเสียงดัง “ปุ” เกิดการกระเพื่อมของช่องว่าง เห็นธิดาราชันฉีหลินถูกส่งตัวกลับออกมา

“คุณชาย…” ธิดาราชันฉีหลินเผยรอยยิ้มออกมาโดยพลันที่เห็นหน้าหลี่ชิเย่ รอยยิ้มในขณะนี้ของนางช่างงดงามเหลือเกิน งามหยาดเยิ้มจนผู้พบเห็นถึงกับเคลิบเคลิ้มหลงไหล

“วาสนาไม่เบาเลยนี่ ได้รับโชคชะตาใหญ่” หลี่ชิเย่จ้องมองไปที่ธิดาราชันฉีหลินพยักหน้ากล่าวด้วยใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้ม

“ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ เป็นเพราะการแนะนำและการสนับสนุนจากคุณชาย หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากคุณชาย ก็จะไม่มีโชควาสนาของข้า” ธิดาราชันฉีหลินรู้สึกดีใจมาก ย่อตัวแสดงคารวะต่อหลี่ชิเย่

มาคราวนี้ นางนับว่าได้รับโชควาสนาใหญ่อย่างแท้จริง เรียกได้ว่าโชควาสนาที่ได้ในครั้งนี้ ทำให้นางได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง สามารถทำให้นางก้าวบนเส้นทางที่ไม่มีใครเหมือนเส้นหนึ่ง

หลี่ชิเย่เพียงพยักหน้าเบาๆ ยอมรับการคารวะเต็มรูปแบบจากธิดาราชันฉีหลินอย่างสงบ

ที่ศาลเจ้าทองคำยังคงคึกครื้นยิ่งนัก ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่ยังคงอยู่ที่ด้านหน้าของศาลเจ้าทองคำไม่ได้ลดลงแต่กลับเพิ่มมากขึ้น แต่มาคราวนี้ทุกคนไม่ได้มาเพื่อสมบัติ แต่มาเพื่อต้องการดูความคึกครื้น

ความจริงแล้ว ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้เลิกล้มความตั้งใจต่อสมบัติที่อยู่ภายในศาลเจ้าทองคำแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้มีผู้คนจำนวนมากได้ทดลองแล้วล้วนแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ กระทั่งระดับจอมเทพที่หวังจะหยิบเอาของวิเศษไปก็ต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ ดังนั้นทุกคนจึงได้แต่ละทิ้งไป

แม้ว่าของวิเศษนั้นเย้ายวนใจเหลือเกิน แต่ว่า ชีวิตกลับมีค่ายิ่งกว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล