แม้ว่าพวกของธิดาราชันฉีหลินจะติดตามหลี่ชิเย่ก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป แต่ว่า เวลานี้บรรยากาศได้กลายเป็นหนักอึ้งยิ่งนัก ทุกคนต่างไม่ได้พูดอะไรออกมา เรื่องที่หลี่ชิเย่เล่ามานั้นคล้ายดั่งเป็นฝันร้ายที่สิงสถิตอยู่ภายในใจของทุกคน แม้ว่าสิ่งที่พวกเขาคิดล้วนแล้วแต่แตกต่างกันออกไป แต่ ภายในใจกลับรู้สึกหนักอึ้งตลอด ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร พวกเขารู้สึกสังหรณ์ใจถึงความไม่ปลอดภัยอยู่เสมอ
ในเวลานี้ ผู้ที่ขึ้นมายังไกลกันดารมีเป็นจำนวนมากแล้ว แม้ว่าทุกคนต่างรู้ดีว่าไกลกันดารมีอันตรายยิ่ง แต่ว่า ไหนๆ ก็ได้ขึ้นมายังไกลกันดารแล้ว จะไม่มีคนหนึ่งคนใดยอมละทิ้งง่ายๆ ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดยอมพลาดโอกาสง่ายดาย เนื่องจากไกลกันดารมีของวิเศษที่ดีที่สุด หากได้ครอบครองเมื่อใดล่ะก็ จะได้รับประโยชน์ไปชั่วชีวิตทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ยอดฝีมือจำนวนมากไม่ได้มาโดยลำพังคนเดียว พวกเขามากันเป็นหมู่คณะ อีกทั้งในกลุ่มของพวกเขายังมีระดับจอมเทพอยู่ด้วย เหตุนี้เองจึงทำให้พวกเขารู้สึกมีความกล้ามากขึ้น และเริ่มทำการค้นหากันไป
จะไปโทษว่าผู้ที่มาผจญภัยเหล่านี้โลภมากก็ไม่ถูก เนื่องจากในไกลกันดารสามารถพบเจอของดีจริงๆ สิ่งที่พบเจอในไกลกันดารทรงพลังยิ่งนัก มีสิ่งของจำนวนไม่น้อยสามารถสยบศาสตราวุธเต๋าจอมราชันเซียนหวังได้ ลองนึกภาพดู สิ่งของลักษณะเช่นนี้ไม่ทำให้ผู้คนหัวใจเต้นตูมตามได้รึ?
สามารถได้รับของวิเศษจากไกลกันดารสักชิ้นหนึ่ง ย่อมเป็นเรื่องที่จะได้รับประโยชน์มหาศาล ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ว่าใช่จะได้รับประโยชน์เพียงคนเดียว กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่า ทั้งสำนักจะได้รับประโยชน์กันถ้วนหน้าก็เป็นได้
เนื่องเพราะอย่างนี้นี่เอง ไกลกันดารจึงไม่ขาดแคลนนักผจญภัยตลอดมา แน่นอนที่สุด ผู้ที่มาผจญภัยยังไกลกันดารล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือโดยแท้จริง ไม่เว้นแม้แต่จอมเทพ กระทั่งจอมราชันเซียนหวังก็มาที่ไกลกันดารด้วยตนเอง!
นักท่องเที่ยวจากเรือนิรันดรหาใช่เป็นหนึ่งเดียวที่ขึ้นไปยังไกลกันดาร ความจริงแล้วในเวลานี้มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยกำลังเดินค้นหาอยู่ที่ไกลกันดารมาก่อนแล้ว และมียอดฝีมือโดยแท้จริงบางส่วนที่เฝ้าอยู่แต่สถานที่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น เนื่องจากยอดฝีมือโดยแท้จริงเหล่านี้ไม่ได้มาที่ไกลกันดารเพียงครั้งเดียวเท่านั้น พวกเขามีประสบการณ์รู้ว่าบริเวณไหนจะมีของวิเศษปรากฏออกมา
“อ๊ากก…” ระหว่างที่หลี่ชิเย่เดินผ่านเนินทรายในระยะห่างไกลอยู่นั้น ที่ตรงนั้นก็มีขบวนผู้คนจำนวนหลายร้อยคนเดินผ่านมา ทันใดนั้น เนินทรายพลันยุบตัวลงปรากฏเป็นหลุมกลวงกลืนกินขบวนผู้คนจำนวนหลายร้อยคนนี้ไปทันที เสียงร้องน่าเวทนาดังก้องท่ามกลางหลุมนั้น
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนหลายร้อยคนหายสาบสูญอยู่ในหลุมกลวงเช่นนี้ เรียกว่าตายไม่พบศพ เป็นไม่พบตัว จากนั้น ได้ยินเสียงดังช่าา หลุมดังกล่าวหายไป ทุกอย่างกลับคืนสู่ปรกติอีกครั้ง เหมือนว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
“โอ้ แม่จ๋า…” ภาพที่ปรากฏ ทำเอาอู่ชีตกใจสุดขีด ถึงกับก้าวถอยหลังไปหลายก้าว และกล่าวว่า “ใต้พื้นดินมีสัตว์ประหลาด”
“ถ้าหากเจ้ายังคงก้าวถอยหลังไปทางด้านซ้ายอีกก็จะมีสัตว์ประหลาดจริงๆ แล้วหละ” ในขณะที่อู่ชีกำลังตกใจสุดขีด หลี่ชิเย่ได้กล่าวเรียบเฉยขึ้นว่า “เวลานี้พวกเรากำลังเดินอยู่บนหลังของมัน หากยังชิดเข้าไปทางด้านซ้ายอีกต่อไป ระวัง หัวอีกหัวหนึ่งของมันจะกินเจ้าเข้าไป”
คำพูดของหลี่ชิเย่พลันสร้างความตระหนกให้กับอู่ชีจนเข่าอ่อนทั้งสองข้าง ร่างของเขาสั่นเทิ้มทีหนึ่ง และกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ท่าน ท่านล้อเล่นแบบนี้มันไม่ขำเลยสักนิด”
“ใครล้อเล่นกับเจ้า?” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “นี่มันเป็นเพียงสัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์ที่นอนหลับอยู่ใต้พื้นดินตัวหนึ่งเท่านั้นเอง จะให้ปลุกมันตื่นขึ้นมาให้เจ้าดูไหม”
“อย่า อย่า อย่า น้องแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง พูดล้อเล่นกับท่าน น้องเชื่อ เชื่อคำพูดของพี่ใหญ่แน่นอน” ทำเอาอู่ชีรีบกล่าวยอมแพ้ขึ้นมา
ขณะที่หลี่ชิเย่พาพวกของธิดาราชันฉีหลินเดินผ่านหน้าผาสูงชันแห่งหนึ่ง ทันใดนั้น เสียง “จี๊ด จี๊ด จี๊ด” ดังขึ้น ใต้พื้นดินพลันพวยพุ่งเป็นหมอกเลือดนับไม่ถ้วน ผู้บำเพ็ญตนหลายสิบคนที่กำลังผจญภัยอยู่บริเวณหน้าผาแห่งนั้นร้องเสียงน่าเวทนาขึ้นมา “อ๊ากก อ๊ากก อ๊ากก” หมอกเลือดที่พวยพุ่งออกมาถูกตัวพวกเขาเหล่านั้น ร่างกายผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่ถูกหมอกเลือดถึงกับเริ่มละลาย เนื้อหนังบนตัวหลุดออกมาทีละชิ้นๆ เพียงชั่วพริบตาเดียวร่างกายของพวกเขาก็ละลายกลายเป็นน้ำเลือดไปสิ้น และซึมหายเข้าไปภายในพื้นดิน
“เวรเอ๊ย นี่มันอะไรของมันนะ…” ภาพนี้ทำให้พวกของธิดาราชันฉีหลินที่ยืนอยู่ใต้หน้าผาอย่างปลอดภัยถึงกับขนลุกซู่ในใจ มิน่าเล่าใครๆ ถึงได้พูดว่าไกลกันดารอันตรายยิ่งนัก เต็มไปด้วยความตายทุกย่างก้าว หากไม่ทันระวังก็จะต้องตายอยู่ที่นี่ เวลานี้ดูไปแล้วมันเป็นเช่นนี้จริงๆ หากไม่เป็นเพราะติดตามหลี่ชิเย่มาล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาคงตายไปหลายครั้งแล้ว
แน่นอน ใช่ว่าทุกคนที่อยู่ในไกลกันดารจะต้องเป็นฝ่ายที่ถูกเชือดได้ตามอำเภอใจเสมอ ผู้ที่ก้าวข้ามไกลกันดารอย่างดุเดือด อาศัยท่วงท่าที่ปราศจากผู้ต่อกรบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่าง
“ตูม ตูม ตูม…” เสียงดังตูมตามก้องทั่วฟ้าดิน ท่ามกลางกลุ่มของภูเขาแต่ละลูกที่สูงเสียดท้องฟ้ามองเห็นมีคนที่กำลังต่อสู้อยู่ตรงนั้นอย่างดุเดือด
เป็นคนสองคนที่กำลังต่อสู้กันจนฟ้าถล่มดินทลายอยู่ตรงนั้น พวกเขาได้กระแทกจนภูเขาหักเป็นลูกๆ โจมตีทะลุทะลวงภูเขาแต่ละลูก ภายใต้การโจมตีสังหารกระทั่งพื้นดินยังถูกฉีกขาด
ทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดนั้น ฝ่ายหนึ่งเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ อีกฝ่ายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสีแดงเลือดทั้งตัว ผู้เฒ่าผู้นั้นเป็นระดับจอมเทพ บนศีรษะปรากฏดวงตราสัญลักษณ์หกดวง ดวงตราทั้งหมดประสานเข้าด้วยกัน แผ่กลิ่นอายการเข้าถึงตัวตนอันแท้จริงที่น่าเกรงขามปราศจากผู้เทียบเทียมออกมา ผู้เฒ่าผู้นี้สวมเสื้อเกราะเอาไว้ อาศัยกลยุทธประสานสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตน และทำลายฝ่ายตรงข้าม แต่ละกระบวนท่าเปี่ยมด้วยพลังถึงหนึ่งพันห้าร้อยล้านตัน
สิ่งมีชีวิตสีเลือดที่มีรูปร่างเหมือนคน แต่ไม่ทราบชนิดของเผ่าพันธุ์ แม้ว่าเขาจะมีรูปร่างเหมือนคน แต่กลับมีหนามแหลมคมบนแผ่นหลัง อีกทั้งยังมีปีกคู่ที่งอกออกมาจากชายโครง โดยปีกคู่นี้ได้เน่าเปื่อยไปแล้ว ขณะที่ปีกคู่โบกสะบัดกลับปรากฏเพลิงมารรุนแรงพุ่งขึ้นมา
สิ่งมีชีวิตรูปร่างเหมือนคนถือหอกแหลมในมือ หอกแหลมที่อยู่ในมือของเขามีความยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง สามารถแทงทะลุดวงดาว ทิ่มทะลุพื้นดิน มีความแหลมคมยิ่งนัก ไม่มีสิ่งใดต้านทานมันได้
บริเวณที่พวกเขาต่อสู้กันอยู่มีเจดีย์วิเศษตั้งอยู่ เจดีย์วิเศษนี้มีสีแดงทั้งหลัง เหมือนมีเลือดจะหยดลงมาจากเจดีย์นี้อย่างนั้น มันได้แผ่กลิ่นอายที่อมตะออกมา เหมือนว่าไม่มีวันดับสูญเป็นนิรันดร์ ดูท่าพวกเขาทั้งสองคนเกิดการต่อสู้เพื่อต้องการแย่งชิงเจดีย์วิเศษนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...