ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1925

ท่าทีของผู้เฒ่าสลดเมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ที่ผ่านอะไรมามากมาย ยังคงต้องรู้สึกเศร้าซึมอย่างยิ่ง เนื่องจากทรัพยากรปริมาณมหาศาลเหล่านี้มาจากการสั่งสมของชีวิตนับล้านล้านชีวิตในแต่ละยุคสมัย โดยที่โลกได้กลับกลายเป็นนรกอเวจีมายุคสมัยแล้วยุคสมัยเล่า มันคือโลกที่ช่างน่ากลัวสยดสยองยิ่งนัก

สุดท้าย ผู้เฒ่าได้เงยหน้าขึ้นจ้องมองหลี่ชิเย่ และกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “เจ้ามีกำลังพลเท่าไร มีจอมราชันเซียนหวังในยุคสมัยของเจ้าจำนวนเท่าไรที่ให้การสนับสนุนเจ้ากับสงครามในครั้งนี้!”

“ไม่มีใครสักคน มีข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น” หลี่ชิเย่หัวเราะกล่าว

ผู้เฒ่าตะลึงนิดหนึ่ง ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “เจ้ายอดเยี่ยมมากก็จริง แต่ ที่ตรงนี้ทำไม่ได้ ข้าเข้าใจเขามากกว่าเจ้า หากลำพังเจ้าเพียงคนเดียว ต่อให้รวมข้าด้วยอีกคนก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”

“ไม่ ผิดแล้วหละ ที่ถูกต้องยิ่งกว่า คือเจ้า” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “เป็นเจ้าที่คือกำลังหลักของสงครามในครั้งนี้ ข้าแค่สนับสนุนเท่านั้น สงครามครั้งนี้จะแพ้หรือชนะทุกอย่างต้องอาศัยเจ้า”

“เรื่องนี้เกรงว่าเจ้าคงต้องผิดหวังแล้วหละ ถ้าหากข้าสามารถสู้กับผู้ยิ่งใหญ่ได้โดยลำพัง เกรงว่าคงทำสำเร็จไปนานแล้ว” ผู้เฒ่าส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ข้าสู้เขาไม่ได้ เกรงว่าเพิ่มเจ้าเข้าไปอีกคนก็ไม่ได้เหมือนกัน”

“อย่าลืมสิ เจ้ากับข้ารวมกัน ด้วยจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ยากจะหาใดเทียมในหล้า เจ้าคิดว่าจะมีอานุภาพเช่นใด?” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีที่สงบว่า “จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรทั้งสองประสานเข้าด้วยกัน สามารถทำให้พลังของเจ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เจ้าที่อยู่ในระดับสุดยอดเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว! เจ้าลองนึกภาพดู ลักษณะที่อยู่ในระดับสุดยอดในครั้งนั้นของเจ้า เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเท่าตัว สามารถเอาชนะเขาได้หรือไม่!”

คำพูดของหลี่ชิเย่ ทำให้ผู้เฒ่าหวั่นไหวทีหนึ่ง ถึงกับนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง เขาไม่อาจไม่นำเอาคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่มาพิจารณา

“ให้พวกเราอาศัยจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรมาคุยกัน มันได้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์มาครึ่งค่อนยุคสมัยมาแล้ว! สมควรแก่เวลาให้จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรมาตัดสินชี้ขาดได้แล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ

ผู้เฒ่าที่นิ่งเงียบได้เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง และกล่าวว่า “อาศัยจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรตัดสินชี้ขาดใช่จะไม่ได้ แต่ว่า ข้าไม่ใช่ตัวข้าในครั้งนั้นอีกต่อไปแล้ว ข้าไม่สามารถกลับไปเหมือนสภาพที่สุดยอดในครั้งนั้นได้อีก ด้วยสภาพตอนนี้ของข้า สามารถสำแดงพลังต่อสู้ได้ห้าส่วนของตอนนั้นก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว”

“ข้ารู้ ดังนั้นข้าจึงได้เตรียมของขวัญให้เจ้าเป็นพิเศษ” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ ล้วงของสิ่งหนึ่งจากอกมาวางไว้ตรงหน้าของผู้เฒ่า กล่าวช้าๆ ขึ้นมาว่า “ของขวัญชิ้นนี้เป็นสิ่งที่ข้าตามหามายุคแล้วยุคเล่า แฝงไว้ซึ่งกำลังกายใจของผู้คนจำนวนมาก”

สิ่งที่วางอยู่ตรงหน้าผู้เฒ่าคือขวดสมบัติสวรรค์ มันคือสิ่งของที่ได้มาจากใต้ต้นหลิวศักดิ์สิทธิ์ทองคำของแม่น้ำพันคาร์ฟคงคา ซึ่งราชันเซียนเชียนหลี่ได้ทิ้งไว้ให้กับเขา

ผู้เฒ่าหยิบเอาขวดสมบัติสวรรค์ขึ้นและดึงจุกออกมา มองเห็นข้างในบรรจุน้ำสีทอง ซึ่งน้ำสีทองดังกล่าวก็คือน้ำทิพย์สุวรรณสมบัติสวรรค์ โดยที่น้ำทิพย์สุวรรณสมบัติสวรรค์เหมือนดั่งเป็นทรายสีทองที่ละเอียดอ่อนนุ่มยิ่งไหลรินอยู่ในนั้น ภายในน้ำทิพย์สุวรรณสมบัติสวรรค์มีอยู่สิ่งหนึ่งเหมือนว่ามันเคลื่อนไหวได้ อีกทั้งมันยังแผ่ประกายสีทองที่แตกต่างจากน้ำทิพย์สุวรรณสมบัติสวรรค์ เสมือนหนึ่งเส้นไหมทองคำที่เป็นสายๆ อย่างนั้น

น้ำทิพย์สุวรรณสมบัติสวรรค์และสิ่งที่อยู่ภายในนั้น หลี่ชิเย่ได้มาจากถ้ำศักดิ์สิทธิ์ลึกลับขณะอยู่ที่ตี้เจียง และมีตี้เว่ยเป็นผู้เฝ้ารักษาปากทางเข้าถ้ำ

หลังจากที่ผู้เฒ่าได้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในนั้นแล้วถึงกับประหลาดใจ เงยหน้ามองดูหลี่ชิเย่และกล่าวว่า “ของแบบนี้เจ้าก็หามาได้”

“โลกนี้ไม่มีอะไรยาก ขอเพียงมีความตั้งใจ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “แน่นอน มันไม่สามารถทำให้เจ้าหายเป็นปรกติได้อย่างแท้จริง แต่มันสามารถทำให้เจ้ากลับคืนสู่จุดสูงสุดในครั้งครานั้นเป็นการชั่วคราว ข้าเชื่อว่าระยะเวลาเช่นนี้เพียงพอแล้ว”

ผู้เฒ่าพยักหน้าและกล่าวว่า “ถึงเวลาก็จะรู้เอง”

หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบๆ ว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นสมควรแก่เวลาที่พวกเราจะเปิดศึกกันแล้ว สังหารผู้ยิ่งใหญ่เสีย ถือเป็นการจัดการสิ่งที่ค้างคาใจเจ้าให้จบสิ้น”

หลี่ชิเย่และผู้เฒ่าหารือกันนานมาก พวกเขาได้นำเอารายละเอียดกลยุทธทั้งหมดมาถกกันจนชัดเจนทุกขั้นตอน กระทั่งเรียกได้ว่าไม่มีการละเลยความน่าจะเป็นใดๆ ไปเลย จะอย่างไรเสียที่พวกเขาต้องเผชิญคือผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายในครอบครองก็ไม่แน่ว่าจะรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัย

หลังจากที่พูดคุยกันในรายละเอียดจนเสร็จสิ้น หลี่ชิเย่และผู้เฒ่าได้เคาะสรุปแผนการทั้งหมด หลังจากที่ทุกอย่างได้ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาที่หลี่ชิเย่ต้องจากไป

ในขณะที่หลี่ชิเย่กำลังจะจากไป ผู้เฒ่าได้กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “เจ้าสมควรรู้ว่า นี่จะต้องชนะเท่านั้น”

หลี่ชิเย่ที่กำลังจากไปจากหยุดและหันหลังกลับมา และกล่าวว่า “ถ้าหากศึกครั้งนี้ยังเอาชนะไม่ได้ แล้วจะพูดถึงการสู้รบครั้งสุดท้ายในอนาคตได้อย่างไร นี่เป็นเพียงเรื่องจิ๊บๆ ของการสู้รบครั้งสุดท้ายในอนาคตเท่านั้นเอง”

“ถูกต้อง นี่เป็นเพียงเรื่องจิ๊บๆ เท่านั้น” ผู้เฒ่าก็พยักหน้า

หลี่ชิเย่ได้ก้าวเท้าจากไปอีกครั้ง แต่ เขาได้หยุดและหันหลังกลับมา เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ตาเฒ่า เจ้าสมควรรู้ว่าเจ้าจะต้องตายแน่นอน”

“ข้ารู้ เจ้าเองก็รู้” ผู้เฒ่าไม่รู้สึกประหลาดใจ เรียบเฉยยิ่งและกล่าวว่า “หากข้าไม่ตายจะชนะศึกครั้งนี้ได้อย่างไร!”

“ศึกครั้งนี้ไม่เพียงต้องชนะ เจ้าเองก็ต้องตายแน่นอน” หลี่ชิเย่เรียบเฉย ขณะที่พูดคำๆ นี้ออกมาดูเย็นชาไร้ความรู้สึกมาก

“ถูกต้อง โลกนี้อย่างไรเสียก็ต้องมีนักปราชญ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในฝ่ายอธรรม หรือฝ่ายธรรมะ ล้วนแล้วแต่สมควรรู้ว่าโลกนี้มีนักปราชญ์” ผู้เฒ่าก็เรียบเฉยมาก เอ่ยถึงเรื่องนี้อย่างสงบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล