ราชันสวรรค์ขวางเส้ายืนอยู่ในตำแหน่งสูงกว่ามองไปด้านล่าง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เห็นแก่ที่อยู่ในยุคสมัยเดียวกัน ข้าจะไม่แกล้งเจ้า แต่ ผู้เยาว์ทั้งสามจะต้องรั้งอยู่ที่นี่ เจ้าไปได้เพียงคนเดียว”
“ราชันสวรรค์ขวางเส้า เกรงว่าคงยากจะปฏิบัติตาม” ซึหุนหลินกล่าวพร้อมกับแฝงด้วยรอยยิ้มว่า “หากราชันสวรรค์จะเมตตา ก็ปล่อยผู้เยาว์ไปเสีย ผู้เฒ่าน้อยอย่างข้าจะขอบคุณยิ่ง”
“เรื่องนี้เกรงว่าตามใจเจ้าไม่ได้!” ราชันสวรรค์ขวางเส้าหัวเราะน่าเกรงขาม ท่าทีข่มขวัญผู้คน กล่าวน่าเกรงขามว่า “เรื่องนี้ไม่สามารถให้เจ้าเป็นผู้เลือก เจ้าไปจากตอนนี้ยังทัน”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผู้เฒ่าน้อยก็จะไม่เจียมตัว ขอรับการชี้แนะจากราชันสวรรค์ด้วยสุดยอดเคล็ดวิชาราชันในหล้า ชื่นชมท่วงทีที่มีความสง่างามของจอมราชัน” ซึหุนหลินยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย
แม้ว่าราชันสวรรค์ขวางเส้าจะเป็นจอมราชันคนหนึ่ง แต่มันก็เป็นแค่จอมราชันทีมีชะตาฟ้าเดียวเท่านั้น ต่อให้เขามีพรสวรรค์สูงเด่นมากไปกว่านี้ ต่อให้เขามีความสามารถเพียงใด เขาก็ถูกจำกัดได้แค่ชะตาฟ้าสายเดียวเท่านั้น ต่อให้เขามีความแข็งแกร่งที่สุดก็ทำได้แค่ฝืนท้าสู้ก็จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสองสายเท่านั้นเอง ไม่สามารถล้ำหน้ามากไปกว่าจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสองสายได้อยู่แล้ว
ซึหุนหลินเองหาใช่คนที่ใครจะจัดการเขาได้โดยง่าย เขาเป็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สามดวงทั้งยังเป็นดวงตราสัญลักษณ์ที่ประสานเข้าด้วยกันอีกด้วย ในบรรดาจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สามดวงด้วยกัน กำลังความสามารถของซึหุนหลินนับว่าอยู่ในลำดับต้นๆ
“ดี ข้าอยากจะรู้นักว่าหลายปีที่ผ่านมาเจ้าไปฝึกปรือได้มาเท่าไรกันแน่!” ราชันสวรรค์ขวางเส้าโกรธจัดขึ้นมาทันที เบิกตาทั้งสองข้าง พลันบังเกิดอารมณ์ที่รุนแรงอย่างยิ่ง
กล่าวสำหรับจอมราชันเซียนหวังผู้หนึ่งแล้วจะไม่รู้สึกโกรธขึ้นมาง่ายดาย และไม่คลุ้มคลั่งขึ้นมาง่ายๆ แต่ว่า กับราชันสวรรค์ขวางเส้ากลับแตกต่าง ตลอดชีวิตของเขาดูจะราบรื่นมากเกินไปเสียแล้ว ยกเว้นกรณีคราวของเทพโบราณกุยฝานแล้ว เขาไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติของความลำบากอะไรมา มีแต่ความราบรื่นมาตลอดชีวิต เขาคือบุรุษที่เป็นลูกรักของสวรรค์
หากเป็นบุคคลทั่วไปยังไม่อาจกระตุ้นต่อมประสาทของราชันสวรรค์ขวางเส้าได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ บุคคลโดยทั่วไปก็ยากจะทำให้ราชันสวรรค์ขวางเส้าต้องโกรธจัดและคลุ้มคลั่งเช่นนี้
แต่ว่าซึหุนหลินมีความแตกต่าง เนื่องจากซึหุนหลินกับเขาเกิดในยุคเดียวกัน ในครั้งนั้นเขามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า ขณะที่มีหน้ามีตาอย่างไร้ขีดจำกัด ซึหุนหลินเป็นเพียงบุคคลที่ไร้ชื่อเสียง ทั้งยังเป็นมดปลวกที่ดิ้นรนด้วยความยากลำบากเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น
พูดอย่างไม่น่าฟัง ในครั้งนั้น เกรงว่าถ้าหากซึหุนหลินจะต้องอยู่ตรงหน้าราชันสวรรค์ขวางเส้าล่ะก็ กระทั่งความกล้าที่จะพูดอะไรสักคำคงไม่มี และจะต้องสั่นเทาเมื่อเห็นเขา
ราชันสวรรค์ขวางเส้าในครั้งนั้นไม่เคยมองเห็นเขาอยู่ในสายตาอยู่แล้ว กระทั่งเป็นมดปลวกที่ไม่มีสิทธิ์ได้เข้าไปอยู่ในรัศมีของสายตาเขาด้วยซ้ำ มาวันนี้กลับสามารถเสมอด้วยกับเขา กระทั่งพูดจายั่วยุเขาได้ สิ่งนี้กล่าวสำหรับราชันสวรรค์ขวางเส้าแล้ว มันเป็นการสะกิดเข้ากับเส้นประสาทที่อ่อนแอที่สุดซึ่งซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่สุดของจิตใจของเขา
ผู้กล้าย่อมไม่โอ้อวดผลงานในอดีตของตนเอง สิ่งนี้กล่าวสำหรับสุดยอดดาวรุ่งแห่งยุคแล้วเป็นการส่งผลกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงอย่างหนึ่ง! ดังนั้น เมื่อซึหุนหลินได้แสดงท่าทีที่ไม่หยิ่งยโสและไม่ด้อยค่าตนเอง กระทั่งมีทีท่าที่ยั่วยุตนอยู่บ้าง ทำให้ราชันสวรรค์ขวางเส้ารู้สึกโกรธขึ้นมา
ความรู้สึกเช่นนี้สำหรับเขาแล้ว เหมือนมดปลวกตัวหนึ่งเคยถูกเขาเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าในวันนั้น มาวันนี้กลับสามารถดูแคลนกระทั่งก้มมองดูตนอย่างนั้น
“เช่นนั้นขอเชิญจอมราชันสอนสั่ง” สำหรับอารมณ์โกรธของราชันสวรรค์ขวางเส้า ซึหุนหลิน ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องหวั่นเกรง ถ้าหากเป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสองสาย ซึหุนหลินยังคงต้องหลบหลีกให้ไกล แต่กับราชันสวรรค์ขวางเส้าไม่เห็นจะเหนือกว่าเขา แล้วเหตุใดเขาจะต้องไปหวั่นเกรงด้วยเล่า?
“รับข้าหนึ่งกระบวนท่า!” ดวงตาทั้งสองของราชันสวรรค์ขวางเส้าส่งประกายเจิดจ้าเมื่อยามที่เขาโกรธขึ้นมา ได้ยินเสียงดาบคำรามดัง “ตึง” มองเห็นประกายที่พวยพุ่งออกมาจากดวงตาทั้งสองของเขาพลันกลับกลายเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ในทันที
จากเสียงคำรามของดาบที่ดัง “ตึง” ดาบศักดิ์สิทธิ์สองเล่มที่มีความยาวเป็นหมื่นจ้าง ดาบทั้งสองอยู่ในลักษณะไขว้กันซ้ายขวา ฟันฉับลงมาดั่งดาวตก ฝากเป็นรอยดาบบนท้องฟ้า ฉับพลันก็มาถึงตรงหน้าของซึหุนหลิน
ดาบยาวที่ลากผ่านมา ส่งประกายดาบที่ปราศจากผู้ต่อกร ขณะที่ตัวดาบยังฟาดฟันลงมาไม่ถึง ได้ยินเสียงดัง “ปัง” พื้นดินถูกฟันจนขาดออกจากกันแล้ว
จอมราชันย่อมเป็นจอมราชัน แม้ว่าจะมีชะตาฟ้าเพียงสายเดียว ขอเพียงประกายตาแวบหนึ่งของเขาก็สามารถสังหารยอดฝีมือระดับสวรรค์สัจธรรมได้
ซึหุนหลินไม่ได้มีอาการตกใจลนลานในขณะที่ดาบยาวฟันเข้ามา ได้ยินเสียงดัง “แว้งค์” หลักกฎเกณฑ์หมุนเคลื่อนไป ฉับพลันได้ถักทอกลายเป็นโล่ยักษ์กั้นขวางอยู่ด้านหน้าของตน
เสียง “ปัง” ดังขึ้น ดาบยาวทั้งสองฟันฉับลงบนโล่ที่เกิดจากคาถา ฝุ่นและดินฟุ้งกระจาย ได้ยินเสียงแตกร้าวดังคร๊ากก ปรากฏรอยแยกเป็นริ้วๆ บนพื้นดิน แต่ว่าโล่ที่เกิดจากคาถายังคงยืนหยัดอยู่ได้
ย่อมไม่ต้องสงสัย ซึหุนหลินสามารถต้านรับการโจมตีของราชันสวรรค์ขวางเส้าไว้ได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด กำลังความสามารถทั้งสองฝ่ายอย่างน้อยก็ต้องพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ซึหุนหลินไม่ได้ด้อยไปกว่าราชันสวรรค์ขวางเส้าอย่างแน่นอน
“ดูท่าหลายปีมานี้เจ้าฝึกปรือฝีมือได้มาไม่เบาเลยนี่!” ใบหน้าของราชันสวรรค์ขวางเส้าเยือกเย็นดั่งหิมะ ดวงตาทั้งสองปรากฏภาพในอดีตขึ้นมาอย่างชัดเจน แววตาที่เจิดจรัสเผยให้เห็นปณิธานการฆ่าที่น่ากลัว
ในขณะนี้ การต่อสู้ในลักษณะเช่นนี้ได้ดึงดูดผู้คนจำนวนไม่น้อยให้หันมาให้ความสนใจ ในบริเวณไกลกันดารใช่จะมีเพียงยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเป็นจำนวนมากเท่านั้น ยังมีระดับจอมเทพอยู่จำนวนไม่น้อย ดังนั้น ศึกครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มต้นก็ดึงดูดสายตาผู้คนได้จำนวนไม่น้อย หลายคนกระซิบกระซาบกับการศึกในครั้งนี้
แม้ว่าราชันสวรรค์ขวางเส้าจะเป็นจอมราชันหนึ่งชะตาฟ้า แต่ชื่อเสียงของเขาโด่งดังผู้คนจำนวนมากต่างรู้จักตัวเขามานานมากแล้ว ตรงกันข้ามซึหุนหลินที่อยู่ในฐานะจอมเทพ คนที่รู้จักเขากลับมีไม่มากนัก เนื่องจากเขาค่อนข้างทำตัวค่อมต่ำ
แน่นอนที่สุด เมื่อระดับจอมเทพต่อสู้ชี้ขาดกับจอมราชันย่อมเป็นที่สนใจของผู้คนเป็นจำนวนมาก จอมราชันระดับล่างกับจอมเทพระดับธรรมดา ใครจะแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อยกว่ากัน เป็นข้อปัญหาที่ควรค่าแก่การถกเถียงกันตลอดมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...