ตอนที่ 1929 ขับไล่จอมราชันได้อย่างง่ายดาย – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
ตอนนี้ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1929 ขับไล่จอมราชันได้อย่างง่ายดาย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
“ฆ่าไม่มีละเว้น…” ฉับพลันนั้นเอง ราชันสวรรค์ขวางเส้าโกรธจัด เสียงคำรามดังก้องฟ้าดิน ดวงตาทั้งสองพวยพุ่งประกายศักดิ์สิทธิ์ออกมา ชะตาฟ้าของเขาลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า พลันกลับกลายเป็นเจิดจรัสยิ่ง พลังชะตาฟ้าตลบอบอวล ทำให้ผู้คนหายใจไม่สะดวก
หลังจากคำรามเสียงดังออกมาด้วยความโกรธ ราชันสวรรค์ขวางเส้าร่ายคาถาออกมา เพียงคำเดียวที่เอ่ยออกมาก็กลับกลายเป็นผู้อยู่สูงสุดอย่างนั้น เหมือนว่าต้องการจัดการตรึงสังหารซึหุนหลินไว้ที่ตรงนั้น
คำพูดคำเดียวของซึหุนหลินได้บิดเอาเส้นประสาทเส้นนั้นที่ซ่อนอยู่ลึกที่สุดภายในใจของเขาจนเจ็บ คำว่าดาวรุ่งที่ปราศจากผู้ต่อกรในครั้งครานั้น เมื่อราชันสวรรค์ขวางเส้าได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้แล้วมันแสลงหูยิ่งนัก พลันทำให้เขาถึงกับคลั่งขึ้นมา
“ตูม ตูม ตูม…” อย่างไรก็ตาม คำพูดของราชันสวรรค์ขวางเส้ายังไม่ทันขาดคำ ทันใดนั้นบังเกิดฟ้าถล่มดินทลาย ทั่วทั้งช่องว่างสั่นไหวโคลงเคลงไปมา ทุกคนยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉับพลันนั้นเอง มองเห็นบนท้องฟ้าแถบนั้นมืดฟ้ามัวดินไปหมด
เสียง “ตูม…” ดังสนั่นไม่ขาดสาย ฟ้าดินสั่นไหวโคลงเคลง บนท้องฟ้าที่มองเห็นมืดฟ้ามัวดินนั้นกลับเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ และภูเขาที่ถูกตัดขาดขนาดใหญ่โตมโหฬารแต่ละลูก เสมือนดั่งเป็นอุกาบาตรขนาดใหญ่แต่ละลูก ซึ่งแต่เดิมบรรดายอดเขาศักดิ์สิทธิ์ และดวงดาวต่างๆ เหล่านี้จะห้อยอยู่บนจักรวาลได้ตกลงมาบริเวณนี้กะทันหัน หรือจะกล่าวให้ถูกต้องก็คือ มันพุ่งเข้าใส่ราชันสวรรค์ขวางเส้า
ลองนึกดู ท่ามกลางจักรวาลของไกลกันดารมีดวงดาวขนาดใหญ่ และภูเขาศักดิ์สิทธิ์จำนวนเท่าไรที่ลอยล่องอยู่ มันเคยเป็นจักรวาลของยุคสมัยหนึ่ง ภูเขาและดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนได้แตกละเอียดไป และมีดวงดาวยอดเขาศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากที่ยังคงเหลืออยู่ที่ลอยสูงเด่นอยู่ตรงนั้น
ทันใดนั้น ดวงดาวขนาดใหญ่และยอดเขาศักดิ์สิทธิ์เหมือนถูกมือยักษ์ที่ไร้รูปคว้าเอามาทั้งหมด แล้วทุ่มใส่ราชันสวรรค์ขวางเส้าอย่างแรง อานุภาพเช่นนั้นช่างน่าสยดสยองเพียงใด ช่างเด็ดขาดอะไรเช่นใด ด้วยดวงดาวและยอดเขาศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากมายเช่นนี้ที่พุ่งเข้าใส่ มันเพียงพอที่จะทำลายโลกทั้งโลกจนจมหายไปเลย
“ทำลาย…” การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่ได้ทำให้ราชันสวรรค์ขวางเส้าตื่นตระหนกตกใจ คำรามเสียงดัง ได้ยินเสียงดัง “ตึง” กระบี่ทั้งสามเล่มพลันกวาดออกไปในทันที “แช้งค์…” เสียงกระบี่คำรามหมื่นอาณาจักร และกวาดขวางไปไกลล้านล้านลี้ ทำการกวาดล้างไปตามสถานการณ์ฟ้าดิน
“ตูม ตูม ตูม” เสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระลอก จากการที่กระบี่ยาวทั้งสามเล่มที่ ทำการกวาดล้างออกไป ทำให้ดวงดาวแต่ละดวง ภูเขาศักดิ์สิทธิ์แต่ละลูกถูกกวาดล้างทำลายจนแหลกละเอียด เสมือนลมพายุที่หอบเอาเศษปุยเมฆมลายหายไปจนหมดสิ้นภายในระยะเวลาอันสั้น ดวงดาวขนาดใหญ่และภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งชนเข้ามาล้วนแล้วแต่ถูกกวาดทำลายไปจนสะอาดหมดจด
ภาพเช่นนี้นับว่าน่าสะเทือนหวั่นไหวเหลือเกิน หนึ่งกระบี่กวาดล้างจนสิ้น ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวเพียงใด ซึ่งมีเพียงจอมราชันเซียนหวังเท่านั้นที่มีพลังเช่นนี้ได้
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์และดวงดาวขนาดใหญ่จำนวนมหาศาลเช่นนี้ถูกกวาดล้างสิ้นสะอาดหมดจดภายในระยะเวลาอันสั้นภายใต้กระบี่เดียว ผู้ที่ได้สัมผัสอานุภาพจอมราชันเป็นครั้งแรกต่างรู้สึกสั่นเทาภายในใจ
ทันใดนั้นเอง ราชันสวรรค์ขวางเส้าหันขวับไปทันที สายตาพุ่งเป้าไปที่ทิศทางทิศหนึ่งและจับจ้องอยู่ตรงนั้น ณ ที่ตรงนั้นได้ปรากฏร่างของคนผู้หนึ่ง เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายหนุ่มที่มองดูแล้วธรรมดาไม่เป็นที่สะดุดตาคนหนึ่ง
“เป็นเจ้าที่ลงมือเมื่อครู่นี้!” หลังจากที่ราชันสวรรค์ขวางเส้าพุ่งเป้าไปที่ชายหนุ่มผู้นี้แล้ว แววตาดูน่าครั่นคร้าม กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมา
ทุกคนต่างมองไปตามสายตาของราชันสวรรค์ขวางเส้า และได้เห็นชายหนุ่มผู้นี้แล้ว แรกทีเดียวผู้คนจำนวนมากยังเข้าใจว่าเป็นการลงมือของซึหุนหลิน อย่างไรก็ตามกลับไม่ได้นึกถึงว่าเป็นการลงมือของบุคคลที่สาม
หลายคนต้องใจหายใจคว่ำเมื่อเห็นชายหนุ่มผู้นี้ถึงกับกล้าลงมือลอบโจมตีจอมราชันเซียนหวัง ออกจะใจกล้ามากเกินไปแล้วกล้าลอบโจมตีกระทั่งจอมราชันเซียนหวัง
“เป็นคนโหดอันดับหนึ่ง…” ครั้นมองเห็นชายหนุ่มผู้นี้แล้ว มีคนร้องเสียงดังออกมาเมื่อจดจำประวัติความเป็นมาของเขาได้
“คนโหดย่อมเป็นคนโหด แตกต่างกันจริงๆ กระทั่งจอมราชันมาด้วยตนเองยังคงกล้าหาเรื่อง พลันลงมือด้วยการลอบโจมตี อันธพาลเหลือเกิน” ผู้ที่รู้จักหลี่ชิเย่ต่างมองหน้ากันและกัน ต่างรู้สึกได้เป็นการกระทำที่พาลเหลือเกิน
ผู้ที่มาถึงคือหลี่ชิเย่นั่นเอง เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีที่เรียบเฉยยิ่งนัก
เมื่อซึหุนหลินเห็นหลี่ชิเย่มาถึงแล้ว จึงฉากออกไปข้างๆ เงียบๆ และไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา ในใจของเขาเข้าใจเป็นอย่างดี ขอเพียงหลี่ชิเย่ลงมือ เกรงว่าทุกอย่างก็จะกลายเป็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้อีก
“บังอาจมาก ถึงกับกล้าลอบโจมตีข้า!” สายตาราชันสวรรค์ขวางเส้าล็อคตัวหลี่ชิเย่เอาไว้ ไม่ว่าหลี่ชิเย่หนีไปไหนก็ตาม เขาก็สามารถล็อคตำแหน่งของเขาเอาไว้!
“ลอบโจมตี?” ท่าทางของหลี่ชิเย่เรียบเฉยมา เพียงหัวเราะทีหนึ่งและกล่าวเรียบๆ ว่า “เจ้าออกจะยกย่องตัวเองมากเกินไปแล้ว นี่เป็นเพียงการเตือนเท่านั้นเอง หากข้าคิดจะลอบโจมตีเจ้าล่ะก็ เกรงว่าเจ้าไม่มีโอกาสกระทั่งตอบโต้ด้วยซ้ำ”
คำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่พูดได้เรียบเฉยมาก ทำให้ผู้คนจำนวนมากถึงกับมองหน้ากันและกัน ยอดฝีมือบางคนที่มาอยู่ในไกลกันดารตั้งแต่ต้นไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่เป็นใครกันแน่ ถึงกับกล่าวด้วยความตระหนกว่า “ออกจะยโสเกินไปแล้ว ถึงกับพูดจาเช่นนี้กับจอมราชัน”
“ความยโสของเขาใช่ว่าเป็นมาแค่วันสองวันนี้เท่านั้น” ระดับจอมเทพที่เคยเห็นหลี่ชิเย่ลงมือที่ฝอเหย่มาก่อน กล่าวว่า “เจ้าหนูผู้นี้ไม่สามารถอาศัยความรู้ทั่วไปมาประเมินเขาได้อีกแล้ว การที่เขายโสย่อมมีเหตุแห่งการยโสของเขา”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เข้าท่า” ราชันสวรรค์ขวางเส้ากลับไม่แสดงความโกรธ หัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า “ยากนัก ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ถึงกับมีโอกาสพบเจอคนที่อวดดีได้ถึงเพียงนี้ ข้าเข้าสู่ยุทธภพมานานยังยากจะพบเจอผู้ที่อวดดีมากกว่าข้าอีก น่าสนุกจริงๆ น่าสนุกจริงๆ เจ้าหนู แจ้งชื่อแซ่มา!”
“หลี่ชิเย่…” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาเรียบๆ จากนั้นมองดูเขาทีหนึ่ง และกล่าวท่าทีสงบว่า “เจ้าอย่าได้ยกย่องตัวเองมากเกินไป ข้านี่แหละปราศจากผู้ต่อกร อ้ายปราศจากผู้ต่อกรของเจ้านั้น อาศัยฝีมือแค่นี้ก็กล้าออกมาทำอวดดี กบในกะลาครอบแท้ๆ!”
“โอ้แม่จ๋า…” ทำเอาผู้คนจำนวนมากแตกตื่นจนวิญญาณแทบออกจากร่าง เมื่อปรากฎดวงอาทิตย์ขึ้นมาอย่างกะทันหัน รีบวิ่งหนีออกไปจากบริเวณนั้น
“มิติช่องว่าง…” ระดับจอมเทพที่แข็งแกร่งมองออกถึงเส้นสนกลในเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ในเวลานี้ ดวงอาทิตย์ดวงนี้กับราชันสวรรค์ขวางเส้าต่างอยู่ในมิติของช่องว่างด้วยกัน แต่ว่า ต่อให้อยู่ในมิติช่องว่าง ดวงอาทิตย์ดวงนี้ยังคงอาละวาดทุกอย่างเผาผลาญพื้นดินจนกลายเป็นจุณ
แม้แต่ซึหุนหลินเองก็รีบเร่งพาพวกของธิดาราชันฉีหลินไปให้ไกลจากสมรภูมิรบ
นี่คือการควบคุมช่องว่าง หลี่ชิเย่จัดการเคลื่อนย้ายมิติของช่องว่าง และย้ายเอาดวงอาทิตย์มาไว้ จับราชันสวรรค์ขวางเส้าเข้าไปเผาอยู่ในดวงอาทิตย์นั่น
วิธีพลิกแพลงนำพลังของช่องว่างมิติมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ทำให้ระดับจอมเทพที่แข็งแกร่งยังต้องขนลุกซู่ในใจ การที่สามารถควบคุมช่องว่างได้ตามใจปรารถนาเช่นนี้ได้ คือผู้ดำรงอยู่ในฐานะเจ้าแห่งอาณาจักรช่องว่างอย่างนั้น
“ตูม ตูม ตูม…” ท่ามกลางเสียงดังตูมตามดังเป็นระลอก เห็นราชันสวรรค์ขวางเส้ากำลังกลืนกินฟ้าดิน เขาถึงกับกลืนกินดวงอาทิตย์ทั้งดวงเข้าไปภายใต้พลังของชะตาฟ้า
“เจ้าหนู นี่เป็นเพียงวิชานอกรีตเท่านั้นเอง คิดอยากจะเป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกร ยังคงต้องอาศัยกำลังของตนเอง” ในขณะนี้ ทั่วทั้งร่างของราชันสวรรค์ขวางเส้าปรากฏประกายรุนแรง เหมือนว่าภายในร่างกายของเขามีดวงตะวันนับหมื่นนับพันอย่างนั้น ส่องสว่างไปยังเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน
“ปัง” เสียงหนึ่งดังขึ้น ราชันสวรรค์ขวางเส้าได้ก้าวข้ามช่องว่างโดยพลัน ทำลายมิติของช่องว่างช่องแล้วช่องเล่า ฟันใส่ร่างของหลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่งในทันที
“ไปเล่นดินเล่นทราย ไป” หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปสนใจเขาอยู่แล้ว “แว้งค์” ฉับพลันนั้น บทคัมภีร์มรณะได้สลักประทับลงบนพื้นดิน
“ตูม ตูมตูม” ทันใดนั้นเอง เสียงฟ้าถล่มดินทลายดังขึ้นเป็นระลอก เห็นภูเขาแต่ละลูกที่แหลกละเอียดโดยพลัน
จากนั้น ปรากฏโครงกระดูกสีขาวที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารโครงหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากใต้พื้นดินขณะที่โครงกระดูกขาวโครงนี้คลานออกมานั้น หัวของมันค้ำฟ้า เท้าเหยียบหมื่นแดน ได้ยินเสียงดัง “ปัง” มันอาศัยเท้าเพียงข้างเดียวก็เหยียบจนยอดเขาแห่งหนึ่งแหลกละเอียดไป
มันเป็นโครงกระดูกขาวที่แลดูคล้ายมนุษย์ เมื่อสังเกตดูอย่างละเอียดก็จะพบว่ามันเป็นวานรขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง เป็นวานรที่มีขนาดใหญ่โตจนสุดจะจินตนาการได้ มันสามารถคว้าดวงตะวันจันทราได้เพียงเอื้อมมือ และยื่นมือออกไปช้อนผืนน้ำที่กว้างใหญ่ไพศาลได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...