วานรกระดูกขาวยักษ์กลืนกินตะวันจันทรา ควบคุมดวงดาวแลจักรวาล ยามที่วานรกระดูกขาวยักษ์นี้ปรากฎออกมา พื้นปฐพีแตกร้าว ปรากฏรอยแยกรอยร้าวที่น่ากลัวยิ่ง แค่มันก้าวเท้าก็เหยียบภูเขาจนแหลกละเอียดเป็นลูกๆ ขณะที่ก้าวเดินบนผืนแผ่นดิน ส่วนหัวค้ำยันไปถึงดวงดาว ได้ยินเสียงดัง “ปัง ปัง ปัง” หัวของมันชนเข้าก็บดวงดาวแต่ละดวง
ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อได้เห็นวานรกระดูกขาวยักษ์นี้ถึงกับขนลุกขนพอง ด้วยวานรเทพที่ใหญ่โตและอยู่ในฐานะสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่ระดับสูงสุดเช่นนี้ เกรงว่าไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่ในยุคสมัยใดก็ดำรงอยู่ในสถานะเป็นที่น่าสยดสยองยิ่งนัก
“ปัง” สะเก็ดไฟแตกกระจาย สะเก็ดไฟทุกๆ เม็ดล้วนแล้วแต่ทำให้พื้นดินทะลุได้ เมื่อสะเก็ดไฟจำนวนนับไม่ถ้วนที่ยิงแตกกระจายออกมา เสมือนหนึ่งวันสิ้นโลกอย่างนั้น มันกระเด็นลงบนพื้นดิน ทำให้เกิดการพวยพุ่งของลาวาจำนวนนับไม่ถ้วน
ภาพที่น่าหวาดผวาเช่นนี้ ยิ่งทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้ ต่อให้ระดับจอมราชันยังต้องห่างไกลจากสมรภูมิสู้รบแห่งนี้
เวลานี้ วานรกระดูกขาวยักษ์กางมือออกมา กระดูกนิ้วทั้งห้าปิดกั้นฟ้าดินเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พลันกั้นขวางกระบี่ของราชันสวรรค์ขวางเส้าเอาไว้ และยืนหยัดอยู่เช่นนั้นโดยไม่เคลื่อนไหว แม้แต่กระบี่จอมราชันก็ไม่สามารถฟันนิ้วมือของมันให้ขาดได้
“แว้งค์” ตราประทับมรณะของหลี่ชิเย่ลอยขึ้นมา กลิ่นอายมรณะพลุ่งพล่านไม่หยุด ได้ยินเสียงหลักกฎเกณฑ์ดัง “ตึง ตึง ตึง” ทันใดนั้นบทคัมภีร์มรณะได้ประทับสลักลงบนตัวของวานรกระดูกขาวยักษ์
“ฮืออ…” จากการที่วานรกระดูกขาวยักษ์ส่งเสียงคำรามออกมา ทันใดนั้น ได้ยินเสียง “จี๊ด จี๊ด จี๊ด” ดังขึ้น โครงกระดูกสีขาวที่น่าครั่นคร้ามของวานรกระดูกขาวยักษ์พลันปรากฎขนและเนื้อหนังขึ้นมา เพียงชั่วระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น วานรยักษ์ตัวเป็นๆ ได้ปรากฎออกมาโลดเต้นแก่สายตาอยู่ตรงหน้าคนทุกคน
มองเห็นวานรยักษ์ตัวนี้ที่ไม่เพียงสูงใหญ่ยากจะหาใดเทียบเทียม ทั้งยังมีขนสีเหลืองทองทั้งตัว มองจากระยะห่างไกลคล้ายดั่งเป็นภูเขาทองที่ใหญ่โตมโหฬาร ประกายสีทองที่เปล่งออกมาเป็นที่เย้ายวนใจยิ่งนัก
ตัวของมันที่มีขนาดสูงใหญ่ปราศจากผู้เทียบเทียม แลดูยิ่งใหญ่ยากจะหาผู้ใดเทียม ดวงตาคู่นั้นของมันดุจดั่งเป็นดวงตะวันสองดวง กรอกกลิ้งและแผ่ประกายที่ร้อนแรงยิ่งออกมา วานรยักษ์ลักษณะเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องมีท่าทางการเคลื่อนไหวมากมาย ก็สามารถทำลายพื้นพสุธาจนแหลกละเอียดไป
ทุกคนต่างรู้สึกงงงันมองดูวานรกระดูกขาวยักษ์ฟื้นคืนชีพขึ้นมาในลักษณะเช่นนี้ หรือบนโลกนี้มีการกลับชาติฟื้นคืนชีพได้ใหม่ และโครงกระดูกสามารถบังเกิดเป็นเนื้อหนังได้จริงๆ รึ?
แน่นอนที่สุด โครงกระดูกวานรยักษ์โครงนี้ไม่ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจริงๆ เพียงแต่ถูกทำให้มันกลับคืนสู่สภาพในครั้งครานั้นภายใต้บทคัมภีร์มรณะเท่านั้นเอง ความจริงแล้ว มันยังคงเป็นโครงกระดูกโครงหนึ่งเหมือนเดิม
“ภาพลวงตาเท่านั้นเอง ไหนเลยคู่ควรจะกล่าวถึง!” จุดนี้ยังไม่สามารถหลอกสายตาของราชันสวรรค์ขวางเส้า เขายังคงมองออกว่าวานรยักษ์ที่อยู่ตรงหน้ายังคงเป็นเพียงโครงกระดูกโครงหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น เสียง “ตูม” ดังขึ้น อานุภาพชะตาฟ้าของเขาสยบเหนือแปดทิศ พลังที่ไม่มีสิ้นสุดได้ถูกเทราดลงมา
“ตึง” เสียงกระบี่คำรามไม่หยุด กระบี่ทั้งสามผสานเป็นหนึ่งได้ฟาดฟันลงมา สะบั้นหมื่นสัจธรรม ดับวัฏสงสาร ทำลายโลกทั้งโลก ภายใต้หนึ่งกระบี่ปราศจากแดนสุขาวดี ไร้ซึ่งการเวียนว่ายตายเกิด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่มลายเป็นเถ้าธุลี
“โฮกก…” วานรยักษ์คำรามเสียงดังออกมา อ้าปากพ่นออกมาเป็นลำแสงของสุริยันจันทรา โดยที่ลำแสงดังกล่าวได้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ภายใต้ลำแสงที่เจิดจรัสยิ่งทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นเงียบกริบและสลด ทุกสิ่งล้วนกลับกลายเป็นสลดและอับแสง!
ลำแสงลำนี้กลั่นมาจากพลังแก่นสุริยันจันทรา ควรจะทราบว่า มันหาใช่เป็นพลังแก่นของสุริยันจันทราเพียงแค่ดวงเดียว แต่มันได้กลืนกินสุริยันจันทราไปเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนแล้วกลั่นออกมาเป็นแก่น ด้วยลำแสงลักษณะเช่นนี้สามารถทะลุผ่านสายน้ำแห่งกาลเวลา ยากจะมีอานุภาพใดๆ มาเทียบเทียมได้
“ตึง” ลำแสงสุริยันจันทราลำนี้ได้ต้านกระบี่ทั้งสามเล่มของราชันสวรรค์ขวางเส้าเอาไว้
หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปให้ความสนใจกับตัวละครเช่นราชันสวรรค์ขวางเส้า ไม่คู่ควรให้เขาไปเสียเวลากับมันมากมาย เขาเพียงกล่าวออกมาด้วยท่าทีเฉยเมยว่า “ค่อยๆ เล่นสนุกกันไปก็แล้วกัน” ขาดคำกวักมือให้กับพวกของซึหุนหลิน หันหลังออกเดินจากไปทันที
“จะหนีไปไหน!” ราชันสวรรค์ขวางเส้าร้องคำรามเสียงดังออกมา เมื่อเห็นหลี่ชิเย่กำลังจะเดินหนี “ตึง” กระบี่ยาวแหวกอากาศ ด้วยท่วงท่ายิ่งใหญ่สูงสุด หวังสกัดขวางทางหลี่ชิเย่เอาไว้
แต่ทว่า ตั้งแต่ต้นจนจบ หลี่ชิเย่ไม่ได้ให้ความสนใจที่จะมองราชันสวรรค์ขวางเส้ามากมาย
“จี๊ด…” เสียงแหวกอากาศ กระบี่ยาวของราชันสวรรค์ขวางเส้ายังไม่ทันได้เข้าขวางหลี่ชิเย่เอาไว้ แต่ลำแสงสุริยันจันทราของวานรยักษ์ได้ยิงแหวกอากาศมาถึง ก้าวข้ามมิติกาลเวลา ยิงตรงไปยังชะตาฟ้าของราชันสวรรค์ขวางเส้า
สีหน้าของราชันสวรรค์ขวางเส้าแปรเปลี่ยนไป “ตึง” กระบี่ในมือเปลี่ยนกลับมาฟันใส่ลำแสงดังกล่าว เวลานี้เขาไม่อาจห่วงเรื่องสกัดการเดินหนีของหลี่ชิเย่ได้อีก เพราะว่าหากเขาไม่กลับมาป้องกันตนเองเสียก่อน ชะตาฟ้าของเขาจะต้องได้รับความเสียหายอย่างหนักแน่นอน
กล่าวสำหรับจอมราชันเซียนหวังแล้ว ชะตาฟ้าหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าหากกระทั่งชะตาฟ้ายังต้องเสียหายอย่างหนักล่ะก็ ผลที่ตามมาย่อมไม่อาจประเมินได้
ในเวลานี้ ราชันสวรรค์ขวางเส้าสู้รับพันตูอยู่กับวานรยักษ์ตัวนั้น ได้แต่มองตาปริบๆ ปล่อยให้หลี่ชิเย่ล่องลอยจากไป
ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกสะเทือนหวั่นไหวจนพูดอะไรไม่ออกกับภาพที่เห็น ยกเว้นตัวของจอมราชันเซียนหวังเองแล้ว จะมีสักกี่คนที่กล้าดูแคลนต่อจอมราชันเซียนหวังได้เล่า
ยิ่งไปกว่านั้น หลี่ชิเย่ไม่ได้เป็นระดับจอมเทพหรือราชัน เขาไม่เพียงดูแคลนต่อราชันสวรรค์ขวางเส้าเท่านั้น กระทั่งเรียกได้ว่าไม่เคยมองราชันสวรรค์ขวางเส้าอยู่ในสายตาเลย เหมือนดั่งที่เขาได้พูดเอาไว้อย่างนั้น ในสายตาของเขาราชันสวรรค์ขวางเส้าเป็นได้เพียงแค่หมาแมวตัวหนึ่งเท่านั้นเอง
หลี่ชิเย่ไม่เพียงอาศัยคำพูดเท่านั้น อีกทั้งยังทำเช่นนั้นได้จริงๆ สิ่งนี้หาใช่ปราศจากผู้ต่อกรแบบอวดดี แต่เป็นการปราศจากผู้ต่อกรโดยแท้จริง
ดังนั้น ในเวลานี้ภายในใจของผู้คนจำนวนมากถึงกับรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกขนพอง ตัวหลี่ชิเย่ออกจะโหดเกินไปแล้วกระมัง
“คนผู้นี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่!” เวลานี้แม้แต่ระดับจอมเทพยังรู้สึกสงสัยยิ่งนัก ขณะมองดูเงาหลังที่จากไปของหลี่ชิเย่ ผู้เยาว์ที่ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งถึงกับหาญกล้าดูแคลนต่อจอมราชันเซียนหวังถึงเพียงนี้ แม้ว่าจะเป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าเพียงสายเดียว แต่ก็คือระดับจอมราชันเซียนหวังนะเนี่ย
หลี่ชิเย่ไม่ได้พาพวกของซึหุนหลินลึกเข้าไปภายในไกลกันดารต่อไป แต่วกกลับไปยังเรือนิรันดร
เมื่อหลี่ชิเย่กลับไปถึง กัปตันเรือนิรันดรได้มาให้การต้อนรับด้วยตนเอง แต่ก็ได้สร้างความประหลาดใจให้กับกัปตันเรือนิรันดรเป็นอันมากกับการกลับเข้ามาอย่างกะทันหันของหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่ให้พวกของซึหุนหลินออกไปก่อน จากนั้นได้กล่าวกับกัปตันเรือนิรันดรว่า “จอมราชันเซียนหวังของพวกเจ้าอยู่ไหน?”
“เรียนท่านเซียน ฝ่าบาทพวกเขาอยู่ในจวน พวกเขาต่างทำตามบัญชาของท่านเซียน ไม่กล้าแอบส่องแต่อย่างใด” กัปตันเรือนิรันดรรีบกล่าวตอบ
หลี่ชิเย่พยักหน้า เขียนจดหมายฉบับหนึ่งมอบให้กับกัปตันเรือนิรันดร กล่าวเรียบๆ ว่า “นำไปมอบให้กับจอมราชันเซียนหวังของพวกเจ้า ด่วนที่สุด!”
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำเอากัปตันเรือนิรันดรถึงกับสะท้านในใจ รีบรับเอาไว้ด้วยความเคารพ และระมัดระวังรอบคอบยิ่ง กล่าวว่า “ท่านเซียนโปรดวางใจ ข้าน้อยจะส่งไปถึงอย่างเร็วที่สุด”
“ไปเถอะ” หลี่ชิเย่โบกมือ แต่ว่า ก่อนที่กัปตันเรือจะจากไปเขาได้เรียกตัวเขาเอาไว้อีกครั้ง กล่าวเรียบๆ ขึ้นมาว่า “จริงสิ ถ้าหากเจ้ายังมีศิษย์ที่อยู่ในไกลกันดารล่ะก็ ให้พวกเขาถอนตัวออกไป หากจะต้องเสียชีวิตในนั้นล่ะก็ อย่าหาว่าข้าไม่ได้เตือนหละ”
“ข้าน้อยเข้าใจ” ภายในใจของกัปตันเรือนิรันดรกัปตันเรือนิรันดรรู้สึกหวั่นไหว รู้ว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาแน่ เขาได้แสดงคารวะต่อหลี่ชิเย่ด้วยความเคารพยิ่ง แล้วจากไปทันที
หลังจากที่กัปตันเรือนิรันดรจากไปแล้ว หลี่ชิเย่ออกเดินทางอีกครั้ง
“พวกเราจะไปไหนกัน?” ขณะที่พวกเขาไปจากเรือนิรันดรอีกครั้ง ธิดาราชันฉีหลินถึงกับเอ่ยถามขึ้นมา
“ไปดูจินเก๋อสำเร็จเป็นจอมราชัน” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้พวกของซึหุนหลินหวั่นไหวในใจ จินเก๋อกำลังจะได้เป็นจอมราชัน ขณะที่หลี่ชิเย่กลับจะไปในเวลานี้
“แหะ พี่ใหญ่จะไปอัดจินเก๋อให้น่วมรึ?” เมื่ออู่ชีได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วถึงกับตื่นเต้นดีใจ รู้สึกคันไม้คันมือ และกล่าวว่า “รอให้จินเก๋อได้เป็นจอมราชันเสียก่อน แล้วพี่ใหญ่ค่อยลงมืออัดเขาให้น่วม นับจากนี้ไป ในโลกนี้ยังจะมีใครกล้าหาเรื่องพี่ใหญ่อีก แหะ จินเก๋อก็จะได้กลายเป็นจอมราชันเซียนหวังคนแรกนับแต่อดีตถึงปัจจุบันที่ถูกอัดจนน่วมตั้งแต่วันแรกที่เพิ่งได้เป็นจอมราชัน”
อู่ชีถึงกับรู้สึกตื่นเต้นดีใจเมื่อนึกถึงภาพนี้ มองดูจอมราชันคนหนึ่งที่ถูกอัดจนคลาน ช่างเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนหวั่นไหวเพียงใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...