การที่จินเก๋อจะขึ้นเป็นจอมราชันในไกลกันดารนับเป็นเรื่องที่พบเห็นได้น้อยมาก แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่
เนื่องจากการขึ้นเป็นจอมราชันครั้งแรกของจินเก๋อถูกเหรินเซิ่นลอบโจมตี ทำให้จินเก๋อประสบกับความล้มเหลวพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย เพื่อให้ได้เป็นจอมราชันในครั้งนี้ ทางด้านของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังเรียกได้ว่าได้ทุ่มเทกำลังกายใจไปไม่น้อยทีเดียว
มาคราวนี้ ทางด้านตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังไม่เพียงอัญเชิญบรรพบุรุษที่เป็นราชันสวรรค์ออกมาทั้งหมดแล้ว อีกทั้งด้านราชันสวรรค์ของเผ่าสวรรค์คนอื่นๆ ก็มีจอมราชันที่ตกปากรับคำว่า หากจำเป็น พวกเขาก็จะมาให้การคุ้มครองจินเก๋อด้วยเช่นกัน
เรียกได้ว่า การบรรลุสัจธรรมของจินเก๋อในครั้งนี้ได้มีจอมราชันแต่ละองค์คอยให้การคุ้มครองอยู่ เรียกได้ว่าไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน แต่ทว่า จอมราชันเซียนหวังจะไม่ยอมไปจากแดนแห่งการสืบค้นโดยง่ายดาย ดังนั้น การบรรลุสัจธรรมในครั้งนี้ของจินเก๋อจะต้องจัดให้มีขึ้นที่แดนแห่งการสืบค้น อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดทางตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังได้เลือกเอาไกลกันดารให้กับจินเก๋อ
สถานที่ที่เตรียมไว้สำหรับให้จินเก๋อบรรลุสัจธรรมคือด้านบนของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ลูกหนึ่ง ที่ตรงนั้นทางด้านตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังได้มีการสร้างเป็นปะรำพิธีขนาดยักษ์ขึ้น โดยตัวปะรำพิธีทั้งหลังแลดูเสมือนดั่งเป็นดอกบัวขนาดยักษ์สุดเปรียบเปรยที่บานเบ่งอยู่บนท้องฟ้า และตัวของจินเก๋อก็อยู่ภายในนั้น
ขณะนี้กองทัพที่ประกอบด้วยไพร่พลนับล้านได้เฝ้ารักษาการณ์อยู่ตรงนี้ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้เสมือนหนึ่งเป็นถังเหล็กที่ถูกล้อมเอาไว้จนกระทั่งแม้แต่น้ำสักหยดยังเล็ดรอดไปไม่ได้ อีกทั้งทางด้านของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังยังได้มีการประทับสลักยันต์จอมราชันเอาไว้ วางค่ายกลราชันที่สุดยอดในหล้าเอาไว้ด้วย
นอกจากกองทัพที่มีไพร่พลนับล้านได้ทำการล้อมภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้เอาไว้จนกระทั่งน้ำสักหยดยังเล็ดรอดไปไม่ได้แล้ว ยังมีจอมเทพของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังแต่ละองค์คอยควบคุมบัญชาการด้วยตนเองในจุดสำคัญแต่ละจุด
ทั่วทั้งภูเขาศักดิ์สิทธิ์เสมือนหนึ่งเป็นเนื้อเดียวกัน แผ่กลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันที่น่าสยดสยองไร้ขอบเขตออกมา เหมือนว่าใครก็ตามหากเข้าไปใกล้จะต้องถูกบีบรัดสังหารจนแหลกเป็นผุยผงในทันที
สืบเนื่องจากการถูกลอบโจมตีในครั้งนั้น มาคราวนี้ทางตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังจึงระมัดระวังรอบคอบเป็นพิเศษ ไม่อนุญาตให้ใครสามารถลอบโจมตีจินเก๋อที่กำลังจะสืบทอดชะตาฟ้าได้
ดังนั้น แม้ว่าจะมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่มาดูชมขั้นตอนการสืบทอดชะตาฟ้าของจินเก๋อเป็นจำนวนมาก แต่ว่า ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ ทุกคนต่างมองดูจากระยะห่างไกล และไม่ต้องการให้ตนถูกตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังมองว่าเป็นศัตรู
ภายใต้การล้อมเอาไว้อย่างหนาแน่นของกองทัพนับล้าน และการควบคุมสั่งการของระดับจอมเทพแต่ละองค์ด้วยตนเอง เกรงว่าใครก็ตามหากกระทำการโดยพละการแม้แต่น้อยก็จะถูกสังหาร ต่อให้เป็นระดับจอมเทพก็ไม่กล้าไปก่อเรื่องก่อราวขึ้นมา
ต่อให้เป็นคนโง่เขลาเพียงใดก็เข้าใจได้ว่า หากไปหาเรื่องกับตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังในจังหวะนี้ล่ะก็ มันคือการอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ และเป็นความแค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังจะต้องตามฆ่าให้ถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้กลับมีคนผู้หนึ่งที่ไม่รู้จักเวลา นาทีนี้ปรากฎคนผู้หนึ่งด้านหน้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เข้าก้าวเดินเข้าไปหาภูเขาศักดิ์สิทธิ์นั้นอย่างช้าๆ
นาทีนี้ บริเวณภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ในสถานการณ์ที่ตื่นตูมหวาดหวั่นไปสิ้น ต่อให้เป็นยุงที่บินมาปรากฎอยู่ด้านหน้าของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องถูกกองทัพนับล้านของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังเฝ้าจับตาเอาไว้ ไม่ต้องพูดถึงคนเป็นๆ เลย
ดังนั้น ยามที่คนผู้นี้ปรากฎตัวด้านหน้าของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ จึงได้ดึงดูดสายตาของคนทุกคนเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ดูชมอยู่ในระยะห่างไกล หรือกองทัพที่มีไพร่พลนับล้านที่ล้อมภูเขาศักดิ์สิทธิ์จน้ำยังเล็ดรอดไปไม่ได้
ทันใดนั้น สายตาแต่ละคู่ล้วนแล้วแต่จับจ้องอยู่บนตัวของเขา ลำพังแค่แววตาก็สามารถท่วมร่างของเขาจนมิดได้แล้ว
“คนโหดอันดับหนึ่ง” มองเห็นคนที่ปรากฏอยู่หน้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์อย่างกะทันหัน จึงมีผู้ที่สามารถจดจำประวัติความเป็นมาเขาได้ และร้องเสียงดังออกมา
ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำทันทีเมื่อเห็นหลี่ชิเย่ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ หลี่ชิเย่มาได้เวลาเหมาะเจาะจริงๆ เขามาปรากฏตัวก่อนที่จินเก๋อจะได้สืบทอดชะตาฟ้าพอดิบพอดี สิ่งนี้ไม่ใช่เป็นการบังเอิญอย่างแน่นอน
ทุกคนทั่วหล้าต่างรู้ดีว่าหลี่ชิเย่กับจินเก๋อมีความแค้นใหญ่หลวง ก่อนหน้านั้นพวกเขาเคยทดสอบฝีมือกันมาก่อน เวลานี้ หลี่ชิเย่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง แล้วจะไม่ให้ผู้คนต้องตระหนกได้อย่างไร
“คนโหดอันดับหนึ่งต้องการเป็นเหรินเซิ่นคนที่สองรึ? ครั้งนั้น เหรินเซิ่นนำพายอดฝีมือจากร้อยชาติพันธุ์ลอบโจมตีจินเก๋อ เวลานี้คนโหดอันดับหนึ่งจะทำแบบนั้นอีกครั้งรึ?” มีผู้ที่พึมพำออกมาเมื่อเห็นหลี่ชิเย่ปรากฎตัวขึ้นที่ตรงนั้น
“คนโหดอันดับหนึ่งโหดยิ่งกว่าเหรินเซิ่นในครั้งนั้นมากทีเดียว ครั้งนั้น เหรินเซิ่นยังมีจอมเทพท่าซิงคอยให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่” ระดับบรรพบุรุษของสำนักเจ้าลัทธิแห่งหนึ่งหัวเราะเจื่อนๆ และกล่าวว่า “เวลานี้ คนโหดอันดับหนึ่งกลับบุกเดี่ยว ความโหดเช่นนี้เกรงว่าแม้แต่เหรินเซิ่นก็ไม่อาจเทียบเคียงได้กระมัง”
เวลานี้ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ ขณะที่หลี่ชิเย่ยืนอยู่ด้านหน้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนรู้สึกได้ว่าพายุฝนฟ้าคะนองกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว การสู้รบที่สั่นสะเทือนฟ้าดินกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
แม้แต่กองทัพนับล้านของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังก็รู้สึกตื่นเต้น คู่สายตาแต่ละคู่ต่างจับจ้องบนตัวของหลี่ชิเย่ อย่าว่าแต่กองทัพนับล้านเลย แม้แต่ระดับจอมเทพแต่ละองค์ของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย ดวงตาทั้งสองของพวกเขาส่งประกายเจิดจ้า จ้องมองดูหลี่ชิเย่อย่างไม่กะพริบตา
หลี่ชิเย่ยังคงมีท่าทีที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าจะถูกจับจ้องโดยกองทัพนับล้าน และถูกล็อคเป้าโดยจอมเทพแต่ละองค์ เขาเงยหน้าขึ้นมองดูจินเก๋อที่อยู่บนท้องฟ้าทีหนึ่ง
จินเก๋อในเวลานี้ยืนอยู่บนปะรัมพิธีขนาดยักษ์ ใจจดใจจ่อรอคอยการมาถึงของชะตาฟ้า ขณะที่ในเวลานี้บนท้องฟ้าดูเจิดจรัส ปรากฏประกายที่พราวพร่างไหลรินอยู่ เสมือนว่าพลังชีวิตที่ไม่มีสิ้นสุดของสิบสามทวีปล้วนแล้วแต่มารวมตัวกันอยู่ตรงนี้อย่างนั้น
สำหรับจินเก๋อนั้น ได้ทุ่มเทสุดกำลังกับชะตาฟ้าที่กำลังจะมาถึง จะอย่างไรเสียเขาเป็นผู้ที่มีความทะเยอทะยานสูง เขาไม่เพียงต้องการสืบทอดชะตาฟ้าเท่านั้น เขาต้องการสืบทอดชะตาฟ้าให้ได้สี่สายในครั้งเดียว
กล่าวสำหรับจอมราชันเซียนหวังของสิบสามทวีปแล้ว การสืบทอดชะตาฟ้าสี่สายในคราวเดียวนั้นคือขีดสูงสุดที่จะทำได้ เนื่องจากในแต่ละยุคสมัยจอมราชันเซียนหวังมีโอกาสได้สืบทอดชะตาฟ้าเพียงแค่สามครั้งเท่านั้น ถ้าหากสามารถสืบทอดชะตาฟ้าได้ถึงสี่สายในคราวเดียว ย่อมเป็นการบ่งบอกว่ามีโอกาสได้กลายเป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...