ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1977

จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรทั้งสามดวงล้วนแล้วแต่เป็นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ปราศจากผู้ใดเทียมในหล้า เรียกได้ว่าท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลาทั้งสาย ยากจะหาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ล้ำเลิศปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ได้พร้อมกันทีเดียวถึงสามดวง

ในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นความมืด หรือว่าความสว่าง และหรือการเสื่อมสลายของกาลเวลา เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการต่อสู้ชี้ขาดของพลังจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร การต่อสู้ชี้ขาดลักษณะเช่นนี้ได้หลุดจากวงจรของสัจธรรมใดๆ ไปแล้ว ไม่นับรวมอยู่ในประเภทของพลังใดๆ ทั้งสิ้น

บางทีบนโลกนี้อาจมีผู้ที่ไม่สามารถเข้าใจได้ว่า การบำเพ็ญเพียรที่สำคัญที่สุดของผู้บำเพ็ญตนนั้นไม่ใช่พรสวรรค์ และไม่ใช่เคล็ดวิชา แต่เป็นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่ง จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ไม่สั่นคลอนดั่งหินผาดวงหนึ่ง

เนื่องจากผู้บำเพ็ญตนในหล้าล้วนแล้วแต่ไม่สามารถก้าวถึงระดับเช่นนี้ได้ มีเพียงระดับจอมราชันเซียนหวังที่ยืนอยู่จุดสูงสุดนี้แล้วมองไปยังที่ไกลๆ แล้วจึงได้เข้าใจ จึงรู้ว่าแท้จริงแล้วในเวลานี้สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่พรสวรรค์หรือเคล็ดวิชา แต่เป็นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งจริงๆ

เหมือนดั่งเช่นทะเลความมืดของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยอย่างนั้น ท่ามกลางความมืดที่เด็ดขาดเช่นนี้ ไม่มีเคล็ดวิชา หรือสัจธรรมใดๆ สามารถทำลายได้อีกแล้ว มีเพียงจิตที่ศักดิ์สิทธิ์ บริสุทธิ์ และมั่นคงไม่หวั่นไหวที่สุดดวงหนึ่งของนักปราชญ์จึงสามารถทำให้ความมืดบริสุทธิ์ได้ สามารถเผาผลาญความมืดนั้นเสีย

เฉกเช่นตัวหลี่ชิเย่ อาศัยกำลังและกายเนื้อของหลี่ชิเย่โดยลำพังตนเองย่อมไม่สามารถไล่ตามสายน้ำแห่งกาลเวลาขึ้นไปได้ ไม่สามารถก้าวข้ามสายน้ำแห่งกาลเวลาจนถึงยุคสมัยของไกลกันดาร แต่ว่า จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขาทำได้ ต่อให้เป็นสายน้ำแห่งกาลเวลาที่ยาวไกลยิ่ง ด้วยจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งที่มั่นคงไม่หวั่นไหวปราศจากสิ่งใดเทียมยังคงสามารถข้ามไปได้

อีกทั้งจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งที่มั่นคงไม่หวั่นไหวปราศจากสิ่งใดเทียมของหลี่ชิเย่ไม่กลัวถูกกลืนกินไปแม้จะอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของทะเลความมืด เนื่องจากความมืดไม่สามารถสั่นคลอนต่อจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขาได้ ที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือ เนื่องจากจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้ของหลี่ชิเย่นี้เอง จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขาและจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ศักดิ์สิทธิ์ดวงนั้นของนักปราชญ์จึงสามารถประสานด้วยกัน ทำให้ประกายศักดิ์สิทธิ์ของนักปราชญ์ที่ทำการเผาผลาญความมืดขยายขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด

แม้แต่จอมราชันเซียนหวังที่ได้มองเห็นภาพนี้แล้วก็ไม่แน่ใจตัวเองว่าจะมีความมั่นใจเช่นนี้ ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังระดับสูงเมื่อถามใจตัวเองว่า หากจะต้องเผชิญกับความมืดดั่งเช่นบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยแล้ว ตนเองสามารถรักษาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของตนให้มั่นคงได้หรือไม่?

ถ้าหากทุกคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดล้วนแล้วแต่มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่มั่นคงแน่วแน่เช่นนี้ เช่นนั้นแล้วยุคสมัยของไกลกันดารก็คงไม่มีระดับผู้ยิ่งใหญ่มากมายเช่นนั้นที่สยบต่อความมืดแล้ว และยุคสมัยของไกลกันดารก็คงไม่ถูกครอบงำมายุคแล้วยุคเล่าแล้ว

“ตราบชั่วนิรันดร์จะมีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรลักษณะเช่นนี้สักกี่ดวงกันเล่า” แม้แต่ในบริเวณส่วนที่ลึกเข้าไปในไกลกันดาร ร่างในอดีตของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยก็ได้แต่ทอดถอนใจออกมาเมื่อได้เห็นภาพนี้ และกล่าวว่า “การที่จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งลอยล่องเป็นนิรันดร์นับว่าหาได้ยากยิ่งแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสามดวงเลย ทำไมพวกเราต้องมาเข่นฆ่ากันเอง ทำไมไม่ร่วมมือพลิกสวรรค์ขึ้นมาเสีย สู้รบจนถึงที่สุด บางทีอาจมีโอกาสชนะ”

เสียงตูม ตูม ตูมดังสนั่นหวั่นไหวเป็นระลอก แม้ว่าร่างในอดีตของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยจะรำพึงออกมาเช่นนี้ แต่เขาไม่ได้เพลาการโจมตีเลย ความมืดของเขาบดขยี้สยบไปทุกแห่ง ยังคงบดขยี้ต่อสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่อย่างหนัก แต่เขากลับไม่สามารถตีฝ่าเข้าไปในสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ที่สร้างขึ้นมาด้วยความร่วมมือระหว่างหลี่ชิเย่ กับจอมราชันเซียนหวังอีกสิบแปดองค์ ภายใต้อานุภาพของชะตาฟ้าเป็นร้อยสาย สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่นี้ได้กลายเป็นแน่นหนาจนไม่สามารถตีแตกได้แล้ว

บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยมีความแข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมโดยแท้จริง แต่ทว่าภายในระยะเวลาอันสั้นเขาก็ไม่สามารถตีแตกสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ เว้นแต่ว่าเขาจะมีวิธีการที่ฝืนลิขิตสวรรค์มากกว่านี้

“น่าเสียดายอย่างหนึ่ง อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคถูกทำลาย หาไม่แล้ววันนี้มีอะไรที่ตีไม่แตกเล่า” ร่างในอดีตของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยทอดถอนใจด้วยความหดหู่ยิ่ง แม้อยู่ภายใต้สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่เช่นนี้เขายังคงไม่ลนลาน จะอย่างไรเสียเขาก็มีประสบการณ์จากกาลเวลาที่ผ่านมานับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าได้ผ่านความเป็นความตายมาแล้วเท่าไร

เวลานี้ ร่างในอดีตของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้หยิบเอาสิ่งหนึ่งออกมา ท่าทางหนักแน่นจริงจัง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เอาเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้วคงได้แต่เสี่ยงกับมันเต็มที่สักครั้งแล้วหละ”

ในขณะนี้ อาวุธที่อยู่ในมือของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยมีลักษณะคล้ายล้อแล้วก็คล้ายจาน สีของมันออกสีชมพูค่อนไปทางสีเหลือง แต่สีของมันดูหมองมาก เหมือนว่าไม่เคยได้ใช้มันผ่านกาลเวลาที่ยาวนานมากมาแล้ว

อาวุธชิ้นนี้เรียบง่ายมาก ไม่มีลวดลายอื่นใด อีกทั้งยังไม่มีอานุภาพที่สะเทือนฟ้า แต่ยามที่บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยหยิบมันออกมากลับมีท่าทีที่ดูหนักแน่นจริงจัง

“สหาย จะชนะหรือพ่ายแพ้ขึ้นอยู่กับการโจมตีในครั้งนี้แล้ว” แม้ว่าจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับหลี่ชิเย่ แต่บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยังคงมีมารยาทมาก ยังคงมีบุคลิกที่ดีมาก เขาเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “กงล้อกาลเวลาที่อยู่ในมือข้าชิ้นนี้ ไม่ทราบว่าเป็นข้าที่แบกรับพลังของกาลเวลาไม่ได้ หรือว่าเป็นพวกสหายที่แบกรับพลังกาลเวลาไม่ได้กันแน่เล่า”

“กาลเวลาไร้ความปราณี มีเพียงทนทรมานแล้วจึงจะรู้ว่าใครที่รับไม่ไหว” จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของหลี่ชิเย่ทะลุผ่านสายน้ำแห่งกาลเวลา แต่เจ้าตัวยังคงอยู่ภายในสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ ยิ้มจางๆ กับบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย

“ก็ถูก กาลเวลาไร้ความปราณี” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยพยักหน้าและกล่าวว่า “สหายมาเพื่ออาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุค หากสหายเป็นฝ่ายชนะ สิ่งนี้ก็จะเป็นของสหายไป แม้ว่าของวิเศษชิ้นสองชิ้นที่อยู่บนตัวข้าเทียบไม่ได้กับอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่แตกสลายไปแล้วเมื่อครั้งก่อน แต่ก็ต่างกันเพียงนิดเดียวเท่านั้น”

“ถ้าเช่นนั้นข้าขอขอบคุณแล้วหละ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “การศึกในครั้งนี้นับว่ายังได้รับผลประโยชน์อยู่”

หลี่ชิเย่กับบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยสองคนคุยกันเนิบๆ ทั้งสองต่างคุยกันสุภาพมาก ดูมีท่วงท่าที่สง่างามยิ่ง คนที่ไม่รู้ความยังเข้าใจว่าพวกเขาทั้งสองเป็นสหายกัน เมื่อได้ฟังจากการพูดคุยของพวกเขาสองคน

แม้จะกล่าวว่าหลี่ชิเย่และบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยต่างพูดคุยกันด้วยความสุภาพยิ่ง ทั้งสองต่างแสดงท่วงท่าที่สง่างามยิ่ง แต่ยามที่ทั้งสองคนลงมือกลับไม่คลุมเครือแม้แต่น้อย

เสียงตูม…ดังสนั่น ในเวลานี้กงล้อกาลเวลาที่อยู่ในมือของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้ครอบลง มันไม่ได้มีพลังที่สะเทือนฟ้า แค่ครอบลงบนสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ที่ดั่งคริสตัลซึ่งส่งประกายหลากสีสันแวบวับนั่น เหมือนเอาตราประทับอันหนี่งมาประทับลงบนสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่อย่างนั้น

ได้ยินเสียงดังจี๊ดขึ้นมา การประทับลงมาของกงล้อกาลเวลาก็เหมือนดั่งได้สลักรอยประทับที่ไม่สามารถลบเลือนได้อยู่บนสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่นั่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล