เวลานี้ทางเลือกของหลี่ชิเย่มีอยู่เพียงสองทางเท่านั้น ไม่ก็เดิมพันต่อไป ดูว่าระหว่างพวกเขากับบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยใครจะล้มลงก่อนกัน ไม่ก็เรียกจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงนั้นของตนคืนมา เพื่อก้าวข้ามกาลเวลา ต้านกงล้อกาลเวลาของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเอาไว้
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น ในเวลานี้ ไม่เพียงแต่สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของพวกหลี่ชิเย่เท่านั้นที่ถูกแปรสภาพโดยกงล้อกาลเวลาเท่านั้น ขณะที่ตัวของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเองก็แปรสภาพเป็นแก่ชรามากขึ้น อีกทั้งความชราภาพของเขาเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก
ภายในระยะเวลาอันสั้น บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่เพียงมีผมเผ้าที่ขาวโพลนเท่านั้น ร่างกายของเขาเหมือนสูญเสียพลังลมปราณไปสิ้น เหมือนเป็นคนที่สูญเสียพลังชีวิตไปแล้วอย่างนั้น ร่างกายของเขาเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก นิ้วทั้งสิบของเขาแลดูเหมือนดั่งขาไก่ ผอมแห้งเหมือนไม้เสียบผี
กงล้อกาลเวลาทรงอานุภาพยิ่งนัก แต่ว่ามันต้องอาศัยการสูญเสียอายุขัยของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยจำนวนมหาศาลเป็นค่าตอบแทน ยิ่งไม่กว่านั้น นี่คือร่างในอดีตของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย เป็นการดำรงอยู่ในลักษณะของอดีต หากพลังลมปราณและอายุขัยถูกใช้จนหมดไปก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีก ไม่สามารถกลับไปดังเดิมได้
เนื่องจากร่างในอดีตจะไม่มีปัจจุบันและยิ่งไม่มีในส่วนของอนาคต ถ้าหากเป็นร่างปัจจุบันของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย อายุขัย พลังลมปราณหากมีการสูญเสียเกิดขึ้นหละก็ ยังมีโอกาสฟื้นคืนกลับมาได้อีก ขณะที่ร่างในอดีตของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่มีโอกาสเช่นนี้ สูญเสียแล้วสูญเสียเลย เป็นการสูญเสียที่เป็นนิรันดร์
สิ่งนี้ก็คือเหตุผลที่ว่าเพราะอะไรขณะที่ร่างในอดีตของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยหยิบเอากงล้อกาลเวลานี้ออกมาจึงดูระมัดระวังยิ่งนัก แม้แต่ตัวเขาที่แข็งแกร่งจนถึงระดับเช่นนี้ ก็ไม่กล้านำเอากงล้อกาลเวลามาใช้ง่ายดาย
จี๊ด จี๊ด จี๊ดเสียงแปรสภาพดังขึ้นไม่ขาดสาย สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของพวกหลี่ชิเย่ถูกทำการแปรสภาพโดยกงล้อกาลเวลา ขณะที่ตัวบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเองก็ถูกกงล้อกาลเวลาแปรเปลี่ยนสภาพ ส่วนที่ว่าใครจะยืนหยัดจนสุดท้ายนั้นคงพูดยาก
“สหาย เกรงว่าคนที่ล้มลงก่อนจะไม่ใช่ข้า” แม้ว่าบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยในเวลานี้จะแก่หง่อมจนถึงจุดที่เรียกว่าไม้ใกล้ฝั่งแล้ว แต่ท่วงท่ายังคงเหมือนเดิม ยังมีลักษณะของความเรียบเฉยไม่สะทกสะท้าน เรียกได้ว่าหนึ่งไม่มีสองในหล้าแล้ว
“ข้าไม่เคยคิดว่าข้าคือผู้ที่ล้มลงเป็นคนสุดท้ายเสมอมา” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย แม้ว่าเขากับจอมราชันเซียนหวังทั้งสิบแปดองค์จะพยายามอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนพลังของชะตาฟ้า แต่ ภายใต้พลังของกาลเวลาพวกเขายังคงช้าไปนิดหนึ่ง ช้าไปเส้นยาแดงผ่าแปด ทว่าช้าไปเพียงแค่นี้มันก็เพียงพอสำหรับบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยแล้ว เพียงพอสำหรับให้กงล้อกาลเวลาได้แปรสภาพของสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่นั่น โดยที่พวกของหลี่ชิเย่ไม่สามารถยับยั้งสถานการณ์เช่นนี้ไม่ให้เลวร้ายลงไปอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปพลิกสถานการณ์เลย
“ข้าเองก็มีความเชื่อมั่นเช่นนี้มาตลอด” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยกล่าวขึ้นมาเรียบๆ ว่า “แต่ การมีชีวิตอยู่ยิ่งนานเท่าไร บางครั้งสิ่งบางสิ่งจะถูกเปลี่ยนแปลงไป คนเราหากมีชีวิตอยู่นานเกินไป ไม่เป็นปราชญ์ก็เป็นมาร ยังมีอีกอย่างก็คือเสียสติไป สหายคิดว่าตัวเองจัดอยู่ในประเภทใดหละ?”
แม้ว่าจะต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยังคงมีความสุภาพสูงส่ง ความไม่สะทกสะท้านความฉลาดหลักแหลมมองการณ์ไกลนับว่าเป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสยิ่งนัก
แม้ว่าจะเป็นศัตรูคู่อาฆาต แต่คำพูดลักษณะเช่นนี้ที่ออกมาจากปากของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยมันช่างลึกซึ้งเหลือเกิน เขาและนักปราชญ์ต่างก็เป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน นักปราชญ์กลายเป็นปราชญ์ ขณะที่ตัวเขากลายเป็นมาร
ส่วนผู้ที่เสียสติไปนั้นไม่รู้หรอกว่ามีใครกันบ้าง
“ข้าไม่เป็นทั้งปราชญ์ และไม่เป็นมาร ยิ่งไม่ได้เสียสติอีกด้วย ข้าก็คือข้า” ต่อให้สถานการณ์ไม่เป็นผลดีกับตัวเอง หลี่ชิเย่ยังคงไม่สะทกสะท้านเหมือนเดิม เขายิ้มกล่าวเรียบเฉยออกมาว่า “ข้างหน้าหากไม่มีทาง ข้าก็จะก้าวเดินให้เป็นทางขึ้นมา ข้าจะเดินบนเส้นทางของตนเองเท่านั้น”
“เช่นนั้นก็หวังว่าสหายสามารถทำได้สำเร็จ แต่ว่า สหายผ่านด่านวันนี้ไปให้ได้เสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน เกรงว่าสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของท่านจะยืนหยัดต่อไปได้ไม่นานแล้ว” ในเวลานี้บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยิ้มนิดหนึ่ง ผมของเขากลายเป็นสีดอกเลาไปแล้ว เคลื่อนไหวตามลม เหมือนว่าพร้อมที่จะหลุดร่วงได้ แต่เขายังคงเฉยเมยได้อย่างนั้น
ปุ ปุ ปุเสียงแตกร้าวดังขึ้น นาทีนี้สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ที่ถูกแปรสภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ไปแล้วถึงกับปรากฎเป็นรอยร้าวขึ้นเป็นริ้วๆ แม้ว่าสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ยังไม่ถึงขั้นแตกละเอียด แต่ว่าเมื่อปรากฎรอยร้าวแต่ละสายขึ้นมา ส่งผลให้สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่นี้เปราะบางมาก เหมือนว่าแค่ยื่นนิ้วแตะเบาๆ สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ทั้งหมดก็จะแตกละเอียดลงมา
แย่แล้ว…บรรดาจอมราชันเซียนหวังต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เมื่อมองเห็นสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ปรากฎเป็นรอยร้าวจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมา พวกเขาขับเคลื่อนพลังชะตาฟ้าอย่างบ้าคลั่ง คาดหวังถ่ายทอดพลังเข้าไปในสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ให้ทันกาล แต่ว่า ต่อให้พวกเขาพยายามเพียงใดก็ตาม ยังคงไร้ประโยชน์ เนื่องจากพวกเขายังคงช้าไปก้าวหนึ่ง กล่าวสำหรับสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่แล้วเพียงแค่ก้าวเดียวนี้ เพียงพอให้ถึงตายได้แล้ว
“ท่าจะไม่ดีเสียแล้ว ควรเรียกจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรกลับมาเวลานี้จึงจะถูก” แม้แต่บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่ชมศึกครั้งนี้ยังรู้สึกเป็นกังวล ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปคงอีกไม่นาน สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่นี้จะต้องแหลกละเอียดแน่นอน ซึ่งจะไม่เป็นผลดีอย่างยิ่งต่อพวกของหลี่ชิเย่
แต่ทว่า ต่อให้เป็นเวลานี้นาทีนี้หลี่ชิเย่ยังคงไม่ได้คิดที่จะเรียกจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของตนกลับมาแม้แต่น้อย ปล่อยให้จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของตนประสานเสียงกับจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของนักปราชญ์ในยุคสมัยของไกลกันดารตามอำเภอใจ ทำการเผาผลาญความมืดของยุคสมัยไกลกันดารอย่างหนัก
ปัง ปัง ปัง ในเวลานี้เองปรากฏเสียงแตกร้าวดังขึ้นมาเป็นระลอก สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ขณะนี้ปรากฏรอยแยกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ในเวลานี้ รอยแยกสลับไขว้กันไปมานับไม่ถ้วน
แม้แต่จอมราชันเซียนหวังที่ได้มองเห็นภาพนี้แล้วก็ต้องตื่นเต้นถึงขีดสุด เกรงว่านาทีต่อมา สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของพวกหลี่ชิเย่จะต้องแตกละเอียดแล้ว
ปัง ปัง ปัง ในขณะนี้เสียงแตกละเอียดได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่ว่าเสียงแตกละเอียดครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของพวกเขา แต่มาจากบนท้องฟ้าของไกลกันดาร
ด้านนอกไกลกันดารมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากเบิ่งตามองออกไป มองเห็นท้องฟ้าที่แตกละเอียด มีคนผู้หนึ่งที่ก้าวเดินเข้ามาทีละก้าวๆ การก้าวเท้าออกไปของเขาทุกครั้ง บนท้องฟ้าที่แตกละเอียดก็จะมีรอยเท้าเกิดขึ้น เป็นรอยเท้าที่ประทับลงบนท้องฟ้า ไม่สามารถลบเลือนได้เป็นเวลานาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...