เสียงตูม…ดังสนั่น สุดท้ายแล้วประกายของสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่เจิดจรัสปราศจากเทียบเทียมได้ส่องสว่างไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ส่องสว่างชั่วนิรันดร์
การที่สุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่หอบเอาท่าทีที่ปราศจากสิ่งใดเทียบเทียมปะทุออกมา พลันทำให้กงล้อกาลเวลาที่ประทับอยู่บนสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ถูกกระแทกจนกระเด็นออกไป และทำให้ตัวของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยถูกพลังกระแทกจนตัวลอยเช่นกัน
ตึง ตึง ตึงเมื่อบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยลงถึงพื้นแล้ว ยังคงถูกพลังที่ยังหลงเหลืออยู่ทำให้ต้องถอยหลังติดต่อกันอีกหลายก้าว สุดท้ายกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
ตัวเขาที่อยู่ในฐานะผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืด เคยก้าวข้ามมาเป็นยุคสมัย ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า มาวันนี้กลับต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส
หลังจากที่กระแทกกงล้อกาลเวลาจนกระเด็นไปแล้ว ได้ยินเสียงตึงดังขึ้น ขวานสองคมได้กลับไปอยู่ในมือของราชันเซียนปู้จ้านอีกครั้ง แต่ว่า ในขณะนี้เขาเองก็มีสีหน้าที่ขาวซีด แม้ว่าตัวเขานับเป็นราชันเซียนที่ปราศจากผู้ต่อกรยังต้องก้าวถอยหลังตึง ตึง ตึงติดต่อกันหลายก้าว เลือดไหลออกมาจากมุมปาก
ทุกคนต่างรู้สึกโล่งอกเมื่อมองเห็นสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ยังคงส่องประกายเจิดจรัสออกมา หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากราชันเซียนปู้จ้านในจังหวะสุดท้าย ในที่สุดสามารถพลิกสถานการณ์ในวินาทีสุดท้ายเอาชนะบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้ เวลานี้เรียกว่าทุกอย่างเป็นที่แน่นอนแล้ว
เสียงตูม…ที่สั่นคลอนต่อสายน้ำแห่งกาลเวลาดังสนั่น นาทีนี้เอง ท่ามกลางยุคสมัยของไกลกันดาร ประกายศักดิ์สิทธิ์ได้ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เสมือนดั่งพายุที่ทำการระเบิดพลิกเอายุคสมัยทั้งยุคขึ้นมาโดยสิ้นเชิง ประกายศักดิ์สิทธิ์แต่ละสายได้ทำการระเบิดทุกนาทีของวันเวลาในยุคสมัยของไกลกันดารจนสิ้น จัดการระเบิดความมืดที่หลอมรวมอยู่กับวันเวลาในยุคสมัยของไกลกันดารให้กลายเป็นเถ้าธุลีไปสิ้น
ในขณะนี้ ประกายศักดิ์สิทธิ์ของนักปราชญ์ได้ยึดครองยุคสมัยของไกลกันดารเอาไว้ได้แล้ว ประกายศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงขามและไม่มีสิ้นสุดได้ระเบิดจนความมืดไม่มีที่ที่จะหลบซ่อนตัวได้อีก
แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ท้ายที่สุด ภายในส่วนลึกที่สุดในยุคสมัยของไกลกันดารยังคงมีความมืดอยู่สายหนึ่ง โดยที่ความมืดสายนี้ได้หลบหนีออกไปจากยุคสมัยของไกลกันดารโดยพลัน ล่องไปตามสายน้ำแห่งกาลเวลา และหนีไปถึงยุคสมัยปัจจุบัน ประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ควบคุมยุคสมัยของไกลกันดารเอาไว้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไม่ได้ไล่ติดตามโจมตี สำหรับความมืดสายหนึ่งที่ได้หลบหนีออกไป
ปุ…เสียงหนึ่งดังขึ้น ความมืดสายนี้ได้หลบหนีกลับไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของไกลกันดาร ในเวลานี้บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้อ้าปากกลืนกินความมืดสายนี้เข้าไปทันที
เสียงแว้งค์ แว้งค์ แว้งค์ดังขึ้น ในขณะนี้ร่างในอดีตของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้สั่นไหวขึ้น และสั่นไหวเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ภายในระยะเวลาอันสั้น บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่แต่เดิมผ่ายผอมดังไม้เสียบผีกลับดูเหมือนฟื้นคืนพลังมาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ผมที่เป็นสีดอกเลากลับดกดำขึ้นมา ร่างกายที่มีลักษณะหลังค่อมก็เริ่มตั้งตรงขึ้นมาแล้ว ในเวลานี้ทั่วทั้งร่างของเขามีความมืดล้อมรอบ แม้ว่าเขาไม่สามารถคืนกลับไปสู่ลักษณะที่ดีที่สุด แต่นับว่าได้ฟื้นคืนกลับมาไม่น้อยทีเดียว
“การมีชีวิตอยู่นี้ดีจริงๆ” หลังจากที่บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้กลืนกินความมืดสายนั้นเข้าไปแล้ว ยืดตัวตรงขึ้นมา โดยรวมมีกำลังดีขึ้นมาไม่น้อย เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “นับแต่อดีตเป็นต้นมา มีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องการมีชีวิตอยู่กันเล่า”
เสียงตูม…ดังสนั่น ในเวลานี้จิตแห่งการบำเพ็ญเพียร ของหลี่ชิเย่ได้บินออกมาจากยุคสมัยของไกลกันดาร ล่องมาตามสายน้ำแห่งกาลเวลา ก้าวข้ามยุคสมัยแล้วยุคสมัยเล่าในทันที สุดท้าย ได้ยินเสียงแว้งค์ แว้งค์ แว้งค์ดังขึ้นมา จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่มั่นคงปราศจากผู้เทียบเทียมดวงนี้ได้กลับเข้าร่างของหลี่ชิเย่อีกครั้ง
“การมีชีวิตอยู่นี้ดีจริงๆ เสียดาย เจ้าไม่ควรกลืนกินความมืดสายนั้นเข้าไป” ในขณะนี้จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของหลี่ชิเย่กลับคืน เขามองดูบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยแล้วกล่าวเฉยเมยขึ้นมา
“ข้ารู้ เจ้าเล่นตุกติกในเลือดเซียนบ่อนั้นกับข้าตั้งแต่แรก แทรกซึมเข้าไปในความมืด” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเองไม่ได้ตกใจ และไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดคิด กล่าวเรียบๆ ว่า “แต่ว่า ข้ายังคงต้องการเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงรสชาติของการมีชีวิตอยู่ ข้าเป็นเพียงร่างกายในอดีตเท่านั้น ไม่ได้รับรู้ถึงรสชาติของการมีชีวิตเป็นๆ แบบนี้มานานแล้ว พูดได้แต่เพียงการมีชีวิตนี้ดีจริงๆ ต่อให้เจ้าเล่นตุกติกในความมืดนั่นแล้ว ข้ายังคงต้องการทดสอบถึงรสชาติของการมีชีวิตอยู่สักครั้ง”
บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่อยู่ตรงหน้าคือร่างกายในอดีต เขาเป็นเพียงผู้ดำรงอยู่ในอดีตไม่ได้มีชีวิตอยู่ เขาคือบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยจริงๆ เพราะว่าเขาคือเมื่อวาน ไม่สามารถเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงรสชาติของวันนี้
“เป็นความจริงที่การมีชีวิตอยู่นั้นดีมาก โลกนี้จะมีสักกี่คนที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่กันเล่า” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบๆ ขึ้นมา
“นั่นสิ” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยขบคิดถึงรสชาติของการมีชีวิตในลักษณะเช่นนี้ยิ่งนัก กล่าวเรียบเฉยว่า “ขอเพียงสามารถมีชีวิตอยู่ การทำลายโลกจะเป็นอย่างไรเล่า ทุกอย่างล้วนไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง”
คำพูดของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยทำให้จอมราชันเซียนหวังต่างรู้สึกเย็นวาบภายในใจ พวกเขาล้วนแล้วแต่อยู่ในฐานะผู้ยืนอยู่จุดสูงสุดของโลกนี้ ลองนึกดู ถ้าหากมีสักวันความตายกำลังจะมาเยือนตนเอง เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไป ตนเองจะเป็นเหมือนดั่งบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยหรือไม่? ทำทุกอย่างเพียงเพื่อต้องการมีชีวิตอยู่เท่านั้น!
“สหาย หรือว่าไม่เคยมีชีวิตอยู่อย่างชนิดเอาตัวรอดไปวันๆ รึ? บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่พยายามเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงการมีชีวิตอยู่” จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“ในโลกนี้มีใครบ้างที่จะราบรื่นตลอดกันเล่า” หลี่ชิเย่มีความสงบเงียบมาก และกล่าวว่า “ข้าเองก็เคยมีชีวิตอย่างชนิดเอาตัวรอดไปวันๆ เหมือนกัน เคยร้องเสียงโศกเศร้าท่ามกลางความเจ็บปวดมา ท่ามกลางกาลเวลาที่มืดมิดก็เคยดิ้นรนอย่างยากลำบาก ท่ามกลางความทุกข์ยากนี้ข้าคิดแต่จะอยู่อย่างชนิดเอาตัวรอดไปวันๆ เท่านั้น แต่ การมีชีวิตอยู่ของข้าทำเป็นอยู่เรื่องเดียว ผู้ใดไม่ต้องการให้ข้ามีชีวิตอยู่ข้าก็จะสังหารเขาเสีย แต่หาใช่ต้องการมีชีวิตอยู่แล้วเอาชีวิตของสรรพสิ่งมีชีวิตทั่วโลกมาเติมชีวิตให้ข้า…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...