คร๊ากกเสียงกระดูกแตกละเอียดดังขึ้น กระดูกของบรรพบุรุษไกลกันดารแตกละเอียดขึ้นมาอีกครั้ง ร่างกายทั้งตัวของเขาโค้งงอคล้ายว่าจะพับครึ่งอย่างนั้น
พลังสังหารของฝ่ามือยักษ์นี้นับว่าน่าสยดสยองยิ่ง ลำพังแค่อานุภาพของชะตาฟ้านับร้อยสายก็เพียงพอให้ผู้คนต้องกลัวจนขี้ขึ้นสมองแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ของสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ ภายใต้การสังหารลักษณะเช่นนี้ เกรงว่าจอมราชันเซียนหวังก็คล้ายดั่งมดปลวก หากบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์สูงสุดยังพอจะสู้รบกันได้ เวลานี้ไม่สามารถรับมือกับการโจมตีที่ปราศจากผู้ต่อกรได้อีกแล้ว
จากการแตกละเอียดของกระดูกและเนื้อหนัง ทำให้บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่เลือดไหลโทรมไม่หยุด เลือดที่ไหลรินลงพื้นได้ย้อมพื้นดินจนกลายเป็นสีแดงฉาน แม้ว่าเขาจะปราศจากผู้ต่อกรมาชั่วชีวิต ยังคงต้องก้าวเดินสู่จุดจบ
“ควรจบสิ้นกันได้แล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีที่สงบ
เสียงตูมดังสนั่น ฝ่ามือยักษ์ที่ที่พุ่งเข้าสังหารได้เพิ่มอานุภาพอย่างบ้าคลั่งขึ้นอีกครั้ง ได้ยินเสียงกระดูกแตกละเอียดดังคร๊ากกเสียงหนึ่ง กระดูกสันหลังของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยแตกละเอียดอย่างสิ้นเชิง ร่างทั้งร่างของเขาเหมือนถูกจับหักจนขาดอย่างนั้น
“ข้าก็อยากให้มันจบสิ้น เสียดาย มันจบไม่ลงตลอดกาล” เวลานี้ บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่ม้วนตัวพลันเสกเอาหนังคนขึ้นมาแผ่นหนึ่ง หนังคนผืนนี้ได้คลุมลงบนร่างของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย ทำให้ร่างของเขาถูกม้วนเอาไว้แน่นทีเดียว
ปัง…เสียงดังสนั่นขึ้นทีหนึ่ง ในเวลานี้บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่ขัดขืนอีกต่อไป ปล่อยให้ฝ่ามือยักษ์เข้ามาสยบและสังหารตนตามอารมณ์ แต่ก็แปลก ยามที่หนังคนผืนนี้ถูกคลุมลงบนตัวของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยแล้ว ต่อให้ฝ่ามือยักษ์ที่ปราศจากผู้ต่อกรซัดใส่ตัวของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยอย่างไร แต่บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยังคงไม่เป็นอะไร หนังคนผืนนี้ช่วยปกป้องร่างของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเอาไว้อย่างดี
นี่คืออะไร…เมื่อมองเห็นหนังคนผืนนี้ถึงกับปกป้องบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไว้ได้เป็นอย่างดี การโจมตีที่ปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาลยังสังหารบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่ได้ เหมือนว่าหนังคนผืนนี้สามารถป้องกันการโจมตีได้ทุกอย่าง ต่อให้เป็นการทำลายโลกก็ยังป้องกันเอาไว้ได้
รูปร่างของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่ถือว่าสูงใหญ่เป็นพิเศษ แต่ทว่าหนังคนผืนนี้เมื่อคลุมลงบนตัวของเขาแล้วดูจะเล็กกว่ากันเบอร์หนึ่ง ด้วยเพราะเหตุนี้เอง บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยทำได้แค่พยายามหดตัวเต็มที่เข้าไว้ เพื่อให้ร่างกายทุกส่วนถูกห่อหุ้มอยู่ภายในหนังคนผืนนี้ซึ่งเล็กไปเบอร์หนึ่ง ท่าทางของเขาในเวลานี้ดูโทรมมาก เหมือนเป็นสุนัขที่ไร้เจ้าของอย่างนั้น
สมควรทราบว่า ตัวเขาเคยเป็นผู้บงการยุคสมัยหนึ่งมาก่อน ต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ความมืดเมื่ออยู่ต่อหน้าเขายังตัวตัวสั่นงันงก แต่มาวันนี้เขากลับต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยินมีสภาพเหมือนสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ ต้องหดตัวมุดอยู่ภายใต้หนังคนผืนนั้นที่ดูจะเล็กไปเบอร์หนึ่ง
แม้แต่จอมราชันเซียนหวังยังต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึง เมื่อมองเห็นหนังคนผืนนี้ถึงกับสามารถต้านรับการโจมตีที่ปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาลเอาไว้ได้ ไม่รู้ว่าหนังคนผืนนี้คืออะไรกันแน่
“แก่แล้ว กางหนังคนผืนนี้ไม่ไหวแล้ว ได้แต่ทำเหมือนสุนัขข้างถนนหดหัวอยู่แบบนี้แล้ว” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยังคงหัวเราะออกมาได้ เพียงแต่เป็นการหัวเราะเยาะตนเองเท่านั้น
คำพูดลักษณะเช่นนี้ออกจากปากของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย ดูจะเศร้าอ้างว้างอยู่บ้าง ในโลกนี้มีใครบ้างสามารถเป็นศัตรูกับเขา ในโลกนี้มีใครบ้างที่ไม่เกรงกลัวเขาอยู่สามส่วน มาวันนี้กลับขดตัวอยู่ตรงนั้นเหมือนดั่งสุนัขไม่มีเจ้าของ
“ยอดเยี่ยมมาก” หลี่ชิเย่ถึงกับมีสีหน้าที่แสดงถึงประทับใจยิ่ง กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “แผ่นหนังผืนนี้ไร้วัฏสงสาร”
“สหายมีสายตาที่ดีมาก” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่หดตัวอยู่ภายใต้หนังคนหัวเราะและกล่าวว่า “ข้ามีฉายาว่าหลุนหุย[1] แต่เวลานี้กลับไร้วัฏสงสาร วันนี้กลับต้องมาอาศัยมันเพื่อเอาชีวิตรอด นับว่าเป็นการประชดโดยแท้”
หลี่ชิเย่จ้องเขม็งไปที่หนังคนผืนนี้ เนื่องจากหนังคนผืนนี้นับว่าสะเทือนฟ้าเหลือเกิน นับแต่อดีตกาลเป็นต้นมาล้วนแล้วแต่มีการให้อรรถาธิบายในแต่ละยุคสมัยที่ผ่านมา
“พูดถึงหนังคนผืนนี้แล้วนับว่ามีประสบการณ์มาเหมือนกัน” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่ขดตัวอยู่ท่ามกลางหนังคนผืนนี้ ทอดถอนใจยิ่งและกล่าวว่า “แม้จะกล่าวว่า มันไม่ใช่อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุค มันไม่ได้แตกต่างอะไรกับกงล้อกาลเวลาของข้า ขาดแค่นิดเดียวเท่านั้น ยกย่องให้มันเป็นสิ่งป้องกันที่ทรงพลังมากที่สุดในโลกนับว่าไม่เกินเลย”
“เป็นเช่นนี้จริงๆ ข้าเคยได้ยินตำนานที่เกี่ยวข้อง” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นช้าๆ ขณะจ้องเขม็งไปที่หนังคนผืนนี้
“ในเมื่อสหายเคยได้ยินเกี่ยวกับตำนานมาก่อน สมควรรู้ว่าฆ่าข้าให้ตายไม่ได้อยู่แล้ว” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยหัวเราะ และกล่าวว่า “ข้าไม่ใช่คนเป็น ไม่มีอนาคต และไม่มีวัฏสงสาร ข้าเป็นเพียงอดีตเท่านั้น และยิ่งไม่มีวัฏสงสารท่ามกลางหนังคนผืนนี้ ภายใต้ปราศจากผลกรรม และวัฏสงสาร สหายที่อยู่ในวันนี้จะสังหารข้าที่อยู่เมื่อวานให้ตายได้อย่างไร ที่สามารถสังหารได้ก็มีเพียงตัวข้าในวันนี้เท่านั้น”
คำพูดของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยฟังแล้วมีความหมายมาก หากไม่ได้อยู่ในระดับจอมราชันเซียนหวัง ยังไม่สามารถเข้าใจถึงความหมายสัจธรรมที่ลึกซึ้งนี้ด้วยซ้ำ
ร่างของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยในเวลานี้คือร่างในอดีต เขาจัดอยู่ในประเภทอดีตซึ่งไม่มีอนาคต และไม่มีวัฏสงสาร ขณะที่เขาขดตัวอยู่ภายในหนังคนที่ไม่มีวัฏสงสารไม่มีผลกรรมผืนนี้ นับว่าไม่สามารถสังหารเขาได้จริงๆ
ในเวลานี้บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่มีวัฏสงสาร ยิ่งไม่มีผลกรรมอีกด้วย ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาของปัจจุบัน และไม่มีใครสามารถก้าวข้ามช่วงเวลาช่วงนี้ไปได้ ดังนั้น หากตัดผลกรรมไม่ได้ ตัดวัฏสงสารไม่ได้ ต่อให้มีวิธีการที่ฝืนลิขิตสวรรค์ปราศจากผู้เทียบเทียมสามารถตัดผลกรรม ตัดวัฏสงสาร ทำลายวันเวลา แต่จะไม่สามารถทำลายล้างร่างในอดีตของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่ไม่ได้อยู่ในผลกรรม ไม่อยู่ในวัฏสงสารได้
บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยในเวลานี้เรียกได้ว่าไม่ตายไม่ดับสลาย ต่อให้ไม่ใช่ไม่ตายไม่ดับสลายที่แท้จริง แต่ก็คงใกล้เคียงกันมากแล้ว
ไม่ตายไม่ดับสลาย…แม้แต่ระดับจอมราชันเซียนหวังยังรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงเมื่อได้เห็นสภาพของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย พวกของราชันเซียนฉานหลงก็ไม่มีวิธีการที่ดี ถ้าหากคนๆ หนึ่งถึงขั้นไม่ตายไม่ดับสลาย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเรียกว่าจนปัญญาที่จะฆ่าเขาให้ตายได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...