เวลานี้ด้านนอกของลานธรรมมีผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้ากันและกัน ในบริเวณลานธรรมโล่งโจ้ง เทียบกับสภาพที่คึกคักเมื่อสักครู่แล้วต่างกันลิบลับ
“อาจารย์หลี่หละ” มีนักศึกษาที่เหลียวซ้ายมองขวา เมื่อเห็นสภาพที่โล่งโจ้งของลานธรรม ตั้งแต่ต้นจนจบหลี่ชิเย่ก็ไม่ได้ปรากฎตัวเลย
กู่ฉวี่หังก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ยืนอยู่ข้างๆ ลานธรรม มองดูลานธรรมแฝงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ด้วยท่วงท่าที่ดูสง่างาม
“ทำไมอาจารย์หลี่ยังไม่มา?” มีนักศึกษาอดที่จะเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อมองเห็นลานธรรมในสภาพว่างเปล่า
แหะเรื่องนี้คงพูดยาก นักศึกษาจากศตาคารหัวเราะแหะแหะ และกล่าวว่า “อาจารย์ฉวี่หังบรรยายได้ดีมากเกินไปแล้ว เกรงว่าอาจารย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ของสถาบันคงไม่มีใครสามารถแซงล้ำหน้าไปได้แล้ว ในบรรดาอาจารย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ยังจะมีใครสามารถบรรยายได้ดีไปกว่าอาจารย์ฉวี่หังอีก ดังนั้น เวลานี้ไม่ว่าใครขึ้นเวทีก็ต้องอับอายขายหน้าผู้คน เกรงว่าอาจมีใครบางคนที่ยังไม่ทันสู้ก็ปอดแหก ไม่กล้าขึ้นเวทีบรรยายแล้วหละ”
นักศึกษาจากศตาคารผู้นี้แสดงตนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจงใจประจบกู่ฉวี่หัง สอพลอต่อกู่ฉวี่หัง จะอย่างไรเสียกู่ฉวี่หังคืออาจารย์ที่สอนอยู่ที่ชั้นเรียนศตาคาร
“เวลานี้คิดจะไม่ขึ้นเวทีก็สายไปเสียแล้ว” ยุวกษัตริย์หกกระบี่ยิ้มสะใจ และกล่าวว่า “ถ้าหากเวลานี้ไม่กล้าแม้แต่จะขึ้นเวที ยังจะมีหน้าอยู่สอนหนังสือที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าได้อีกต่อไปเล่า”
ยุวกษัตริย์หกกระบี่ในเวลานี้มีท่าทีที่ผิดแล้วแต่ไม่ยอมแก้ไขอยู่มากทีเดียว ไหนๆ เขาก็หลี่ชิเย่ก็จะไม่อยู่ร่วมโลกแล้ว จึงไม่ต้องไว้หน้าใดๆ ให้กับหลี่ชิเย่ ยิ่งไปกว่านั้นบิดาของเขาคือผู้คุ้มครองของเหรินเซิ่น เป็นระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์ในครอบครองสิบเอ็ดดวง ยิ่งกว่านั้น เบื้องหลังของเขายังมีกู่ฉวี่หังคอยให้ท้าย เรียกได้ว่าถึงจะต้องแลกด้วยค่าตอบแทนเท่าไรก็ยอม ใครจะเป็นผู้ที่หัวเราะเป็นคนสุดท้ายก็ยังไม่แน่
“มีผู้ที่เข้าไปลานธรรมแล้ว” จังหวะที่ทุกคนต่างเฝ้าดูอยู่นั้น มีผู้ที่นำเอาม้านั่งมาเองเดินเข้าไปในลานธรรม ผู้ที่เดินนำเป็นคนแรกคือหลิวจินเซิ่น ตามด้วยแขนเหล็กห่วงทองคำ และเย่ซินเสวี่ย
หลิวจินเซิ่นนำพาพวกของเย่ซินเสวี่ยสองคนที่เป็นผู้เยาว์เข้าไปนั่งอยู่ในมุมๆ หนึ่งของลานธรรม ดูทำตัวค่อมต่ำเป็นพิเศษ และวางท่าทีของตนให้ต่ำมากเป็นพิเศษ เหมือนว่าไม่ต้องการให้เป็นจุดสนใจของผู้คนอย่างนั้น
เมื่อทุกคนมองเห็นนักศึกษาชุดแรกที่เข้าไปในลานธรรมกลับเป็นนักศึกษาจากเรือนตำรา จึงมีผู้ที่ยิ้มกล่าวด้วยความสะใจออกมาว่า “นี่ก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่ จะอย่างไรเสียก็คืออาจารย์ของเรือนตำรา นักศึกษาจากเรือนตำรามาฟังบรรยายของอาจารย์ตนไม่นับเป็นปัญหาแต่อย่างใด”
“แหะ ถ้าหากนักศึกษาของเรือนตำราไม่มาฟังการบรรยายของเขาหละก็ ไม่แน่นักว่าจากนี้ไปพวกเขาทั้งสามคนอย่าหวังได้อยู่เลย เกิดถูกกลั่นแกล้งขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร?” เมื่อมีกู่ฉวี่หังอยู่ในเหตุการณ์ นักศึกษาจากศตาคารดูจะคึกคักเป็นพิเศษ เป็นการกระทำเพื่อประจบเอาใจกู่ฉวี่หัง
แม้ว่าด้านนอกลานธรรมมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ชี้มือชี้ไม้วิจารณ์พวกของหลิวจินเซิ่นสามคนต่างๆ นานา กระทั่งพูดจาเยาะเย้ยออกมา แต่ทว่า พวกของหลิวจินเซิ่นนั่งนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอยู่ตรงมุมๆ หนึ่ง ดูสงบเงียบเป็นพิเศษ
“มีคนเข้าลานธรรมอีกแล้ว” เวลานี้ได้มีนักศึกษาผู้หนึ่งก็ตามเข้าไปในลานธรรม นางมาโดยลำพังคนเดียว นักศึกษาผู้นี้ก็คือเถาถิงแห่งศตาคาร
ไม่ว่าหลี่ชิเย่จะบรรยายในหัวข้อเรื่องอะไร การที่เถาถิงได้รับการดูแลจากหลี่ชิเย่ถึงเพียงนี้ อย่างไรนางก็ต้องมาฟังอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้ว่าหลี่ชิเย่ต้องเหนือกว่าอาจารย์ทุกๆ คน การบรรยายของเขาจะไม่ด้อยไปกว่าอย่างแน่นอน
หลังจากที่เถาถิงเดินเข้าไปแล้วนางก็ไม่ส่งเสียงใดๆ นั่งอยู่ด้วยกันกับพวกของหลิวจินเซิ่น
“นั่นมันน้องถิงมิใช่รึ?”เถาถิงเองก็มีชื่อเสียงอยู่มากทีเดียวในศตาคาร ในฐานะที่มีชาติกำเนิดมาจากชนชั้นรากหญ้า การที่นางมีความสำเร็จในวันนี้นับว่าไม่ง่ายเลย ยิ่งไปกว่านั้น เถาถิงก็มีผู้ที่รักใคร่ชื่นชมและตามจีบของผู้คนจำนวนไม่น้อย
เป็นความจริงที่เถาถิงมีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อยทีเดียวในศตาคาร เมื่อนางเข้าไปนั่งประจำที่แล้ว นักศึกษาหญิงหลายคนก็ติดตามนางเข้าไปเช่นกัน นักศึกษาหญิงเหล่านี้ปรกติแล้วก็จะเป็นนักศึกษาที่มีความสัมพันธ์อันดีคบหาเป็นพี่น้องกับเถาถิงอยู่
“พวกเราก็เข้าไปฟังการบรรยายกันเถอะ” มีนักศึกษาบางคนที่มีชาติกำเนิดมาจากชนชั้นรากหญ้า หลังจากปรึกษาหารือกันลับๆ แล้ว ก็ติดตามพวกของเถาถิงเข้าไปนั่งอยู่ในลานธรรม
นักศึกษาของศตาคารเป็นจำนวนเรือนหมื่น เฉกเช่นพวกของยุวกษัตริย์หกกระบี่ที่มีชาติกำเนิดมาจากสำนักที่มีชื่อเสียง ซึ่งพวกเขาจะเกาะกลุ่มกันเป็นก้อน บรรดานักศึกษาชนชั้นรากหญ้าจึงไม่ยินดีเข้าร่วมกับพวกเขา
เถาถิงเองนับว่ามีชื่อเสียงและความนิยมในระดับหนึ่ง เมื่อนางกับพี่น้องของนางเข้านั่งประจำที่แล้ว นักศึกษาชายที่มีชาติกำเนิดมาจากชนชั้นรากหญ้าหลายคนได้ปรึกษาหารือกันแล้ว ก็เข้าไปในลานธรรมและนั่งอยู่ข้างๆ เถาถิง
“ฮึ พวกรากหญ้ากลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง ต่อให้เกาะกลุ่มกันเพื่อให้อุ่นใจแล้วจะอย่างไร มันก็แค่สะเก็ดไฟเล็กๆ เท่านั้นเอง” มีนักศึกษาจากศตาคารพูดแคลนออกมา กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “พวกสวะของศตาคาร เป็นได้แค่เข้าร่วมกับกลุ่มก้อนเล็กๆ เท่านั้น กับกลุ่มที่มีหน้ามีตาหน่อยพวกเขายังไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปได้”
อย่างไรก็ตาม นักศึกษาจากศตาคารผู้นี้เพิ่งจะพูดขาดคำ ปรากฏผู้หญิงคนหนึ่งได้ก้าวเข้าไปยังลานธรรมแล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็ดูจะทำตัวค่อมต่ำอย่างชัดเจน ไม่พูดไม่จาและเข้าไปนั่งด้วยกันกับพวกของเถาถิง
“เป็นรุ่นพี่เมี่ยวฉาน” บรรดานักศึกษาจากศตาคารพลันอ้าปากค้าง เมื่อมองเห็นผู้หญิงคนนี้เข้าไปนั่งด้วยกันกับเถาถิงแล้ว บางคนไม่อยากจะเชื่อในสายตาของตนเอง
“ยุวกษัตริย์ เป็นรุ่นพี่เมี่ยวฉาน” มีนักศึกษาที่ยืนอยู่ข้างกายยุวกษัตริย์หกกระบี่เอ่ยขึ้นแผ่วเบา
ความงดงามของเหมยซู่เหยาไม่รู้ว่าได้ทำให้ผู้คนจำนวนเท่าไรต้องเคลิบเคลิ้มหลงใหล พรสวรรค์ของเหมยซู่เหยาก็ไร้ที่ติ กระทั่งผู้คนจำนวนมากคิดว่าพรสวรรค์ของเหมยซู่เหยาสูงกว่านายน้อยทะยานฟ้าอยู่มากทีเดียว เพียงแต่ทุกคนไม่สะดวกที่จะพูดออกมาเท่านั้น
เวลานี้เหมยซู่เหยาก็มาฟังการบรรยายของหลี่ชิเย่ด้วยตนเอง ทำให้บรรดานักศึกษาที่เลื่อมใส และรักใครชื่นชมในตัวของเหมยซู่เหยาดูจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเป็นพิเศษ ปรกติแล้วพวกเขาจะต้องเข้าไปติดตามเหมยซู่เหยาดั่งดาวล้อมเดือนแน่นอน
แต่ว่า เวลานี้พวกเขาได้พูดออกไปแล้ว หากเวลานี้หันกลับมาติดตามเหมยซู่เหยาเข้าไปดูจะไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพวกที่ยืนอยู่ข้างฝ่ายพวกนายน้อยทะยานฟ้า พวกเขาแสดงอย่างชัดเจนว่ายืนอยู่ข้างของกู่ฉวี่หัง หากเข้าไปในเวลานี้หละก็ มิเท่ากับต้องถูกพวกของนายน้อยทะยานฟ้าหมายหัวเอาไว้ ไม่แน่นักหลังจากนี้ต่อไปอาจถูกพวกของนายน้อยทะยานฟ้ารังเกียจและสยบ
“พวกเราลองฟังการบรรยายของอาจารย์หลี่ จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของข้าไม่มั่นคง ได้จังหวะฟังสักหน่อยพอดีเลย” นักศึกษาในหอศักดิ์สิทธิ์ และจวนราชันก็ใช่ว่าทุกคนจะยืนอยู่แนวเดียวกันกับพวกของนายน้อยทะยานฟ้า มีนักศึกษาอัจฉริยะบุคคลบางส่วนที่มองพวกนายน้อยทะยานฟ้าแล้วรู้รู้สึกขัดลูกตามานานแล้ว
ปรกติแล้ว พวกเขาอาจไม่กล้าเป็นปฏิปักษ์กับนายน้อยทะยานฟ้า เวลานี้แม้แต่เหมยซู่เหยาที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดและมนุษย์สัมพันธ์มากที่สุดก็เข้าไปฟังการบรรยายแล้ว พวกเขายังจะต้องกังวลอะไรอีก จึงเดินเข้าไปในลานธรรมอย่างสง่าผ่าเผย
เวลานี้ ภายในลานธรรมมีนักศึกษาร้อยกว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น รอคอยการบรรยายของหลี่ชิเย่
“ฮึ ก็แค่นักศึกษาร้อยกว่าคนเท่านั้นเอง เทียบกับอาจารย์ฉวี่หังที่มีนักศึกษาเข้าฟังการบรรยายหลายหมื่นคน ไม่นับเป็นอะไรอยู่แล้ว“ มีนักศึกษาที่ส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจออกมา
เมื่อพวกของเหมยซู่เหยานั่งกันเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าหลี่ชิเย่ยังไม่ได้มา เขายังคงไม่ปรากฏตัว เมื่อเวลาผ่านไปนาน ทำให้นักศึกษาบางส่วนที่อยู่ด้านนอกลานธรรมเริ่มรู้สึกไม่อดทนไม่ไหวแล้ว
“ฮึ แค่บรรยายครั้งหนึ่งต้องวางมาดใหญ่โตถึงเพียงนี้เลยรึ?” มีนักศึกษาทีทนไม่ไหว กล่าวน้ำเสียงไม่พอใจออกมา
“ก็นั่นหน่ะสิ วางมาดใหญ่โตเหลือเกิน” นักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ทยอยกันกล่าวคำออกมา
ถ้าหากไม่เป็นเพราะนักศึกษาเหล่านี้ต้องการเห็นหลี่ชิเย่อับอายขายหน้าหละก็ พวกเขาคงไปจากนานแล้ว ไม่ได้ต้องการที่จะฟังการบรรยายของหลี่ชิเย่อยู่แล้ว
“พี่ชิเย่ บรรดานักศึกษาต่างกระหายที่จะเรียนรู้ รอคอยรับฟังสุดยอดเสียงเสนาะของพี่ชิเย่ เวลานี้บรรดานักศึกษาต่างรอคอยกันไม่ไหวแล้ว ล้วนแล้วแต่ต้องการได้ฟังคำสั่งสอนของพี่ชิเย่เดี๋ยวนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป พี่ชิเย่จะขึ้นเวทีเวลานี้เลยได้หรือไม่?” เวลานี้กู่ฉวี่หังพูดขึ้นช้า เสียงของเขาไม่ดังมาก แต่ว่าสามารถได้ยินเสียงของเขาทั่วทั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...