“ไปเถอะ ถือว่ามีวาสนาได้พบหน้ากันครั้งหนึ่งในครั้งนั้น” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ พูดกับราชันเซียนไป่เลี่ยน
“ขอบคุณผู้อาวุโส” ราชันเซียนไป่เลี่ยนคารวะอีกครั้ง และกล่าวว่า “และขอบคุณผู้อาวุโสที่ละเว้นชีวิตให้ในครั้งนั้น!” ครั้งนั้นหากไม่เป็นเพราะหลี่ชิเย่ยั้งมือ ก็จะไม่มีราชันเซียนไป่เลี่ยนในวันนี้
หลี่ชิเย่รับการคารวะเต็มรูปแบบจากราชันเซียนไป่เลี่ยนอย่างไม่สะทกสะท้าน กล่าวสำหรับผู้อื่นแล้ว การคารวะเต็มรูปแบบของราชันเซียนช่างเป็นเรื่องหนักหนาเหลือเกิน แต่ทว่า กล่าวสำหรับเขาแล้ว มันเป็นเรื่องที่ธรรมดามากเรื่องหนึ่งเท่านั้น
ราชันเซียนไป่เลี่ยนคารวะอีกครั้งไม่กล้ากล่าวสิ่งใดอีก จากนั้นล่องลอยถอนตัวออกไปจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า ในเวลานี้เอง นับว่าราชันเซียนไป่เลี่ยนก็เข้าใจแล้วว่า แม้ว่าสถานการณ์ดูแล้วไม่เป็นผลดีต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้าเป็นการชั่วคราว ความจริงแล้วสถานการณ์ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว
ในเวลานี้ ราชันเซียนไป่เลี่ยนสามารถคาดการณ์ได้ถึงจุดจบของเหตุการณ์ในครั้งนี้แล้ว สถาบันศึกษาเทพเจ้าเป็นเพียงเหยื่อล่อเท่านั้นเอง ล่อให้บรรดาจอมราชันเซียนหวังทั้งหมดที่โลภมากให้เข้ามาติดกับ เฉกเช่นคนอย่างตัวของเขาอย่างนั้น เป็นการล่อเสือออกจากถ้ำ!
หลังจากที่ราชันเซียนไป่เลี่ยนถอนตัวไปแล้ว หลี่ชิเย่ยังคงนั่งสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น เหมือนว่าไม่มีความคิดที่จะลงมือช่วยเหลือสถาบันศึกษาเทพเจ้าแต่อย่างใด
“ที่สมควรมาอย่างไรเสียก็ต้องมาอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่จ้องมองไปบนท้องฟ้า เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง บนท้องฟ้าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าพลันปรากฏประกายที่แวววาวยิ่งขึ้นมากะทันหัน โดยประกายที่แวววาวยิ่งนั้นเสมือนหนึ่งได้กลายเป็นกระจกเงาบานหนึ่งอย่างนั้น ทำการเก็บภาพสถานการณ์การสู้รบในสถาบันศึกษาเทพเจ้าทั้งหมดเป็นภาพสะท้อนกลับอยู่ในกระจกเงาบานนี้ เหมือนว่ามีผู้ที่แอบสอดแนมสถานการณ์การสู้รบในสถาบันศึกษาเทพเจ้าอย่างนั้น
แต่ทว่า จะบอกว่าเป็นการแอบสอดแนมก็ไม่ถูกนัก เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามเป็นการเปิดหน้ากระจกอย่างเปิดเผย เรียกได้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในการที่จะมองดูการสู้รบอย่างเปิดเผย
เป็นใครกันนะที่กำลังชมการต่อสู้อยู่…ระดับจอมเทพที่เห็นภาพนี้แล้วก็ถึงกับรู้สึกตระหนก
“เปิดภาพของโลกดึกดำบรรพ์ผ่านกระจกขึ้นมาโดยตรง ไม่ต้องมาอยู่ที่เกิดเหตุแต่ก็เหมือนอยู่ในที่เกิดเหตุอย่างนั้น เกรงว่าผู้ที่สามารถทำได้เช่นนี้ในสิบสามทวีปแกรงได้คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น” จอมเทพที่มีความแข็งแกร่งผู้หนึ่งที่ดูชมอยู่โดยไม่ได้ลงมือเมื่อมองเห็นภาพบนกระจกบานนี้แล้ว ถึงกับรู้สึกใจหายใจคว่ำ
เวลานี้ ท่ามกลางภาพบนกระจกมองเห็นเงาคนเลือนรางอยู่คนหนึ่ง เหมือนว่าร่างเงานี้ยืนอยู่ช่องว่างอีกช่องหนึ่ง มันกำลังมองดูการสู้รบที่สะเทือนฟ้าในสถาบันศึกษาเทพเจ้าจากหน้ากระจกที่โลกอีกโลกหนึ่ง
ร่างเงาคนผู้นี้แลดูล่องลอยเหลือเกิน และดูลึกซึ้งยากจะเข้าใจอย่างยิ่ง เหมือนว่าต่อให้บุคคลที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้เปิดเนตรฟ้าขึ้นมาก็ไม่สามารถมองเห็นตัวเขาได้ชัดเจนแม้แต่น้อย และไม่สามารถมองออกถึงเส้นสนกลในใดๆ
“คนผู้นี้คือราชันเสวียนตี้…” ระดับเซียนหวังผู้หนึ่งที่ยังไม่ได้ลงมือ เมื่อมองเห็นร่างเงาที่ผุดๆ โผล่ๆ ด้านหลังกระจกเงาบานนี้แล้วถึงกับสะดุ้ง และกล่าวขึ้นมาด้วยความตระหนก
ราชันเสวียนตี้…ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ยิ่งกว่านั้นยังมีระดับจอมเทพที่หวาดกลัวจนขนลุกขนพอง พลันรู้สึกขนหัวลุก
“ราชันเสวียนตี้จะลงมือแล้วรึ?” ระดับจอมเทพที่เห็นร่างเงานี้แล้วล้วนแล้วแต่ รู้สึกปากคอแห้งผาก
ราชันเสวียนตี้ จอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายของเผ่าเทพ และเป็นจอมราชันองค์ที่เก้าที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายของสิบสามทวีป นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน และยังเป็นหนึ่งในสี่จอมราชันเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบัน
ในยุคปัจจุบัน ราชันเทพชิงมู่ ราชันซื่อตี้ เซียนหวังอิเย่ ราชันเสวียนตี้ พวกเขาทั้งสี่ล้วนแล้วแต่เป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าในครอบครอง และยังคงเป็นจอมราชันเซียนหวังที่ยังมีชีวิตอยู่
แน่นอน ราชันเชอะตี้ของเผ่ามารก็ยังคงคมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ราชันเชอะตี้ที่เคยมีสิบสองชะตาฟ้าในครอบครองกลับทำลายชะตาฟ้าไปหนึ่งสายด้วยตนเองโดยไม่ทราบสาเหตุ ร่วงหล่นลงมาจากระดับสูงสุดกลายเป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย!
การที่ราชันเทพชิงมู่ไม่ปรากฏตัว เรียกได้ว่ายุคนี้มีเพียงพวกราชันซื่อตี้ เซียนหวังอิเย่ และราชันเสวียนตี้สามคนที่ยืนอยู่จุดสูงสุด กระทั่งมีผู้กล่าวว่าในโลกนี้คงมีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้นที่สามารถบงการสถานการณ์ของสิบสามทวีปได้
ราชันเสวียนตี้นั้นกล่าวได้ชั่วคราวว่าคือจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายคนสุดท้ายของสิบสามทวีป เรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างจำนวนมากล้วนแล้วแต่คงไว้ซึ่งอยู่ในตำนานเท่านั้น
ราชันเสวียนตี้ลึกลับมาก กระทั่งแม้แต่ชาติกำเนิดของราชันเสวียนตี้ก็ลึกลับมาก น้อยคนนักที่รู้ถึงรายละเอียดเกี่ยวกับราชันเสวียนตี้ กระทั่งมีผู้กล่าวว่า หลังจากที่เสวียนตี้ได้ครอบครองชะตาฟ้าสิบสองสายแล้วได้ปิดบังซ่อนเร้นทุกสิ่งทุกอย่างของตน ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถคำนวณได้ ขณะเดียวกัน สุดยอดสัจธรรมของราชันเสวียนตี้ก็ลึกลับยิ่งนัก ฟังว่าไม่มีใครทราบว่าสัจธรรมที่ราชันเสวียนตี้สร้างขึ้นนั้นรายละเอียดเป็นอย่างไรกันแน่
สรุปก็คือราชันเสวียนตี้ก็เหมือนกับฉายาราชันของเขาอย่างนั้น ทั้งล้ำลึก ทั้งมหัศจรรย์ ยากที่ผู้คนจะคาดเดาได้
ราชันเทพชิงมู่ที่เป็นจอมราชันที่มีสิบสองชะตาฟ้าและมีความลึกลับเช่นกัน แต่สิ่งที่ราชันเทพชิงมู่แตกต่างกันคือ ราชันเสวียนตี้นั้นเป็นการปิดบังซ่อนเร้นทุกสิ่งทุกอย่างของตน แต่เขายังคงอยู่บนโลกใบนี้ ยังคงปรากฏตัวที่สิบสามทวีป
ขณะที่ราชันเทพชิงมู่เป็นการหายตัวไปโดยตรง กระทั่งเรียกได้ว่าเขาเคยปรากฎตัวให้เห็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือยุคที่อเวจีอาละวาดสิบสามทวีปในตอนนั้น เขาจึงได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนโดยแท้จริง มิฉะนั้นหละก็ ผู้คนยังเข้าใจว่าราชันเทพชิงมู่เป็นจอมราชันที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง เป็นเพียงจอมราชันที่ผู้อื่นแต่งเรื่องขึ้นมาเท่านั้น
หลังจากที่ราชันเทพชิงมู่ปรากฏตัวในครั้งนั้นแล้ว ราชันเทพชิงมู่ก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาอีกเลย เหมือนหนึ่งระเหยไปจากโลกนี้อย่างนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปอยู่ ณ ที่ใด ไม่มีใครรู้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงต้องหายสาบสูญไป
“ลั่วจวิน สถาบันศึกษาเทพเจ้าของพวกเราไหนเลยปล่อยให้เจ้ากำเริบเสิบสานได้!” เวลานี้ ร่างเงาสายหนึ่งได้เหินฟ้าเข้าไปในสถาบันศึกษาเทพเจ้า ขวางอยู่ด้านหน้าของพวกราชันเทพลั่วจวินที่เป็นจอมราชันทั้งห้า
เป็นผู้เฒ่าที่มีผมเผ้าสีขาว หน้าตาบ่งบอกเป็นผู้มีจิตใจดีงามมีเมตตา ในมือถือไม้เท้าที่ทำจากต้นท้อ ด้านบนมีผลท้อผลใหญ่ผลหนึ่ง
“ที่แท้คือพี่เถาโซ่วนะเนี่ย” เมื่อราชันเทพลั่วจวินมองเห็นผู้เฒ่าผู้นี้แล้วจึงกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
“เซียนหวังเถาโซ่วของเขาไผ่ประหลาดมาแล้ว เป็นเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสายนะเนี่ย อย่างไรเสียสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ต้องมีนักศึกษามาช่วยเหลืออยู่แล้ว!” มีผู้ที่รู้สึกดีใจเมีอได้เห็นผู้เฒ่าผู้นี้
เซียนหวังเถาโซ่วที่อยู่ตรงหน้าก็คือเซียนหวังเถาโซ่วที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า เขามีชาติกำเนิดเป็นเผ่าปีศาจ เป็นเซียนหวังของเขาไผ่ประหลาด
“พวกเจ้าจะเข้ามาทีละคน หรือว่าเข้ามาพร้อมกันทั้งห้าคนเล่า” เวลานี้เซียนหวังเถาโซ่วพูดขึ้นด้วยท่าทีอ่อนโยน แม้ว่าคำพูดฟังดูจะอ่อนโบน แต่เปี่ยมด้วยความพาล จะอย่างไรเสียเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสายย่อมมีความมั่นใจรับมือกับจอมราชันห้าองค์โดยลำพังอยู่แล้ว
“พี่เถาโซ่ว ข้าต้องยอมรับว่าท่านแข็งแกร่งกว่าข้า และแข็งแกร่งกว่าพวกเราทั้งห้าคน” ราชันเทพลั่วจวินเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “แต่ว่า ต่อให้พี่เถาโซ่วทุ่มเทพลังกายใจทั้งหมดก็ไม่สามารถช่วยสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้!” กล่าวพลางมองไปที่กระจกบานนั้นที่อยู่บนท้องฟ้า
คำพูดของราชันเทพลั่วจวินชัดเจนที่สุด พวกเขายังมีราชันเสวียนตี้!
เซียนหวังเถาโซ่วไม่หวั่นไหว เพีรงหัวเราะเหอะ เหอะว่า “ร้อยชาติพันธุ์ของพวกเราก็ใช่ว่ามีเพียงข้าเถาโซ่วเท่านั้น เซียนหวังของร้อยชาติพันธุ์ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก”
เมื่อผู้คนส่วนหนึ่งได้ยินคำพูดของเซียนหวังเถาโซ่วแล้วถึงกับรู้สึกดีใจขึ้นมา
“ก็จริง ควรจะทราบว่าสกัดฟ้าก่อตั้งขึ้นโดยราชันเซียนปาเจิน การที่เขาไผ่ประหลาดสนับสนุนสถาบันศึกษาเทพเจ้าเต็มที่ นั่นมิเท่ากับเป็นตัวแทนว่าสกัดฟ้าก็ต้องให้การสนับสนุนสถาบันศึกษาเทพเจ้าเต็มที่?” มีระดับจอมเทพที่กล่าวพร้อมกับตบขาอ่อนของตนเอง
สกัดฟ้า คือกองทัพเซียนหวังราชันเซียนที่ก่อตั้งโดยราชันเซียนปาเจิน เป็นหนึ่งในกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของร้อยชาติพันธุ์ กระทั่งเคยต่อสู้ชี้ขาดกับเทียนฉวนมาแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...